11 ม.ค. 2020 เวลา 08:31 • ไลฟ์สไตล์
คนไทยกับภาษาอังกฤษ ... ปัญหาแห่งชาติที่แก้ไม่ตก Episode 1
When East meets West ... 😁
คนไทยทุกคนจะมีความภาคภูมิใจที่ประเทศเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ตั้งแต่เด็กก็จะได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็มีความภูมิใจนะ แต่ในขณะเดียวกันคนไทยก็จะพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้เสียเป็นส่วนใหญ่ … ถามดูว่าการที่คนไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เกี่ยวไหมกับการเป็นหรือไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร สมัยก่อนก็คงอาจจะมีส่วน แต่มันก็ผ่านมานานมากเกินไปกว่าที่จะเป็นปัจจัยที่สำคัญแล้ว ...
ขณะที่นั่งเขียนก็นั่งฟังการอภิปรายในรัฐสภาเกี่ยวกับงบประมาณประจำปีนี้ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงที่ได้เงินเยอะที่สุดเป็นเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นเงินที่เยอะมาก แต่ทำไมการศึกษาไทยยังแย่อยู่และแย่ลงเรื่อยๆเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
นีน่าขอไม่พูดถึงปัญหาเรื่องการศึกษาในภาพใหญ่เพราะคงใช้เวลามากและไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะพูด จึงขอพูดแต่เรื่องภาษาอังกฤษอย่างเดียวแล้วกัน ซึ่งก็เป็นปัญหาแห่งชาติเหมือนกัน ...
นีน่าเองตอนที่ไปเรียนที่อเมริกาก็มีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนอเมริกัน นีน่าได้รับการศึกษาจากโรงเรียนในเครือคริสจักรตอนประถมต้น ประถมปลายก็ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนที่ถือว่าดีที่สุดในประเทศไทยและไปต่อปริญญาตรีที่เอแบคซึ่งต้องถือว่านีน่าได้รับการศึกษาด้านภาษาอังกฤษค่อนข้างดีอยู่แล้ว นีน่าเองก็ได้คะแนนภาษาอังกฤษค่อนข้างดีมาตลอดเเพราะเป็นอะไรที่ชอบอยู่แล้ว แต่ตอนไปเรียนต่อที่อเมริกาใหม่ๆก็ถึงกับช๊อคไปเหมือนกัน เพราะมีปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษกับคนอเมริกัน พอต้องมาใช้ชีวิตและสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษทุกอย่าง ก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน ...
จำได้ว่าในตอนแรกๆ เจอเพื่อนใหม่นีน่าก็จะทักเขาว่า "How do you do?" รอคำตอบ แล้วรีบตอบกลับไปว่า "I am fine. Thank you and you?" … พูดตอนนี้ก็ขำอะ เพราะตอนแรกๆจะทักทุกคนแบบนี้จริงๆ เพราะนี่คือแพทเทิร์นที่ถูกสอนมาในโรงเรียนตั้งแต่เด็ก … แต่ในโลกของความเป็นจริง ส่วนใหญ่เขาจะทักกันว่า "Hi" "Hello" "How are you?" หรือ "How are you doing?" เท่านั้น ถามว่าทัก "How do you do?" ได้ไหม ก็ได้อยู่นะ แต่จะค่อนข้างดูเป็นทางการมากๆเลย ในการเจอเพื่อนธรรมดา การทักแบบนี้จะดูว่าเราทำตัวเหินห่างอย่างไรพิกล การใช้คำพูดก็ต้องให้เหมาะกับกาลเทศะด้วย ถ้าพวกผู้ชายที่สนิทๆกันจริงๆ เขาก็จะทักกันสบายๆว่า "What's up?" ...
ตอนเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยที่โน่น ก็จำได้ว่าคุยกับอาจารย์ซึ่งบางครั้งก็จะงงๆ ถามว่าเราหมายถึงเรื่องอะไรตลอด ทำให้มีบางครั้งก็รู้สึกอายที่จะพูดหรือทำให้ไม่ถามไปเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เข้าไปถามอาจารย์ถึงเรื่อง tornado (พายุ) ที่ต้องทำรายงานส่ง พอเข้าไปนีน่าก็พูด "ทอ-นา-โด" อาจารย์ก็งง บอก "What?" นีน่าก็เลยยิ่งเน้นใหญ่เลยว่า "ทออออ-นา-โดดดดด" ลากเสียงยาวๆ พูดอยู่หลายทีจนเราบอกว่าก็ storm งัย จนอาจารย์ก็ถึงบางอ้อก็พูดออกมาว่า อ้อ "โท-เน้-โด" นีน่าก็เลยแบบ เออๆอันนั้นแหล่ะ แต่อาจารย์ก็สอนออกเสียงว่าคำนี้ต้องเน้นที่คำกลางเวลาออกเสียงก็เลยจะเป็น "โท-เน้-โด"
หรือตอนที่นีน่าไปซื้อไอศครีมก็จะพูดว่า "วา-นิ-ลา" แต่คนขายก็จะงงๆ แล้วมีคนต่อแถวอีกยาวใช่ไหม นีน่าก็เขินมาก ก็ทำเหมือนเดิมพูดเน้นลากยาวๆมากกว่าเดิมอีก "วาาาา-นิ-ลาาาา" จนสุดท้ายต้องใช้ภาษามือ ช่วงนั้นทำให้ขาดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษไปเลย จนมาแอบฟังว่าเขาออกเสียงกันว่าไง ก็เลยรู้ว่าต้องพูดว่า "หว่า-นี้-หล่า" ตัว "หว่า" ต้องมีเสียง "เหวอะๆ" นิดหน่อยเพราะมีตัว "V" เวลาพูดก็จะต้องกัดริมฝีปากนิดหน่อยด้วย
ช่วงแรกๆที่ไปอยู่อเมริกาก็มีช่วงหนึ่งที่ขาดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษไปเลย สิ่งที่เรียนและเชื่อมาตลอดกลับนำมาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ ...
บทความนี้คงต้องมีตอนต่อไปที่นีน่าจะแชร์ประสบการณ์การสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษในตอนทำงานที่อเมริกา และสิ่งที่นีน่าค้นพบว่าสิ่งสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษให้ได้ผลมีอะไรบ้าง ถ้าอยากรู้ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ 😁
Until next time ...
สนใจอ่านบทความก่อนหน้านี้ กดที่ links ข้างล่างนี้เลยคะ
1. ทำไมควรต้องเรียนรู้คำด่าหรือคำสบถเวลาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ Ep. 1
2. ทำไมควรต้องเรียนรู้คำด่าหรือคำสบถเวลาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ Ep. 2
3. ทำไมควรต้องเรียนรู้คำด่าหรือคำสบถเวลาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ Ep. 3
4. Culture Shocks เมื่อนีน่าอยู่อเมริกา Ep. 1
5. Culture Shocks เมื่อนีน่าอยู่อเมริกา Ep. 2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา