Take a bow - bow ตรงนี้มันเป็นกิริยานั่นก็คือโค้งคำนับครับ เป็นการน้อมค้อมตัวเป็นรูปโค้ง ซึ่่งคันธนูก็เป็นรูปโค้ง bow จึงแปลว่าคันธนูถ้าพูดถึงความเป็นลักษณะครับ (นาม) สถานการณ์ในเพลงคือบอกอีกฝ่ายว่าได้เวลาโค้งคำนับขอบคุณผู้ชมแล้ว เพราะการแสดงของคืนนี้จบลงแล้ว (the night is over)
This masquerade is getting older - masquerade คือการเสแสร้ง getting older แปลว่ากำลังแก่ลงไปเรื่อยๆ หมายถึงเก่าลงไปเรื่อยๆ หมายถึงมุขเดิมของเธอมุขนี้มันเก่าแล้ว ชั้นชินแล้ว เคยเจอมาแล้ว
Light are low - Light หมายถึงแสงไฟสปอตไลท์ที่ฉายมายังเวที มัน low แล้ว ลดลงแล้ว หรี่ลงแล้ว curtains down - curtain คือผ้าม่าน เมื่อละครเล่นจบผ้าม่านก็จะถูกลดลงมาปิดเวที ละครจบคนกลับหมดแล้วจึงไม่มีใครอยู่ (there's no one here) เมื่อรวมความหมายของเพลงกับบริบทตั้งแต่ต้นจึงประมาณได้ว่า สองคนเล่นละครกันอยู่ในโรงละคร มีคนดูเต็มไปหมด แต่ว่าละครจบแล้ว ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว แต่เธอยังไม่ยอมจบ นางจึงบอกเธอว่าจบเถอะนะ โค้งคำนับจบเถอะ มันจบแล้ว
Say your line - line ในที่นี้หมายถึงบทพูดในฉากละครครับ เวลานักแสดงอ่านสคริปท์บทพูดมันก็จะมาเป็นบรรทัดๆ บรรทัดบทพูดเหล่านั้นก็คือ line เธอพูดบทพูดเหล่านั้นออกมาน่ะ เธอหมายความตามที่พูดจริงรึเปล่า? รู้สึกจริงอย่างที่พูดมั้ย? (do you feel them?) ถ้าไม่มีใครอยู่ดูเราแล้วเธอยังจะพูดแบบเมื่อกี๊ได้อีกมั้ย? เธอหมายความตามที่พูดจริงมั้ยถ้าไม่มีใครคอยดูเราอยู่? (do you mean what you say when there's no one around watching you watching me) เขาก็ไม่ได้บอกมานะครับว่า line นั้นฝ่ายชายพูดว่าอะไรบ้าง แต่ถ้าจะให้เดา มันน่าจะเป็นคำพูดดีๆ สวยหรูที่พูดออกมาแล้วทำให้ตัวเองดูดีต่อหน้าคนอื่นหรือคำบอกรักขอบคุณหรืออะไรๆที่ดูดีแต่ไม่จริงใจ นั่นคือเรารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสแสร้งแสดงละครครับ (masquerade) ดังนั้นจึงถามว่าถ้าไม่มีคนอื่นอยู่ข้างๆ เธอยังจะพูดแบบเมื่อกี๊อีกมั้ย?
One lonely star นักแสดงผู้เดี่ยวเด่น ทำไมเดี่ยวเด่นครับ? แปลผิดรึเปล่า? Lonely ก็คือโดดเดี่ยว เล่นอยู่คนเดียวก็คือโดดเด่น หมายความว่า ต่อให้เราทั้งคู่อยู่ในโรงละครกำลังเล่นละครกันอยู่ มันก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่เป็นนักแสดง ชั้นนั้นใช้ชีวิตจริงเล่นจริงเจ็บจริงไม่ได้ใช้แสตนอิน คนที่เสแสร้งหลอกลวงทั้งชั้น คนอื่น และตัวเองอยู่ในโรงละครนี้มีเพียงคนเดียวก็คือเธอ ผู้ไม่รู้จักตัวเอง (one lonely star who don't know who you are)
I've always been in love with you - ชั้นนั้นรักเธอมาตลอด ซึ่งเดาว่าเธอก็คงรู้ดีว่าจริงมาตลอดเหมือนกัน (guess you've always known) คือเป็น present perfect ทั้งสองประโยค นั่นหมายความว่าต่างคนต่างก็รู้กันมานานแล้ว คนนึงก็รู้ว่าตัวเองไปรักเค้า อีกคนก็รู้ว่าเค้ามารักเรา แต่ทำไมใช้ guess ครับ? เพราะไม่มั่นใจไม่แน่ใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นั่นเอง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะรู้ว่าเธอนั้นเสแสร้ง จึงต้องใช้คำว่าเดา (guess)
You took my love for granted, why? - ฝรั่งมีสำนวนว่า Take (something) for granted มันหมายถึง ...เอ่อ... คำอธิบายค่อนข้างซับซ้อนครับ เอา grant ก่อน แปลอังกฤษเป็นอังกฤษหมายถึง allow, permit, authorize, approve, admit, accept, recognize, acknowledge, give, bestow, presentation เป็นงัยครับ เอาเรื่องเหมือนกัน คราวนี้มาดูอารมณ์กัน you took my love เธอเอาความรักของฉัน - for granted - อย่าง อนุญาต เหรอ? เธอเอา (รับ) ความรักของฉันอย่าง...ยอมรับ เหรอ? อย่างยินยอม? อย่าง...สิทธิอันชอบธรรม? อย่าง...รับรู้? จะงงๆ มั้ยครับ? รึว่า อย่างเป็นสิ่งที่ชั้นต้องให้เธอ? (give, bestow, presentation) เริ่มเข้าเค้ารึยังครับ? มันหมายความว่า สิ่งที่ชั้นให้เธอนี้ (ในที่นี้คือความรัก) เธอรับมันอย่างที่มันเป็นของที่เธอต้องได้อยู่แล้ว มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเธอที่ชั้นต้องทำให้เธอ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อเธอหันกลับมาเธอต้องได้สิ่งนั้นเสมอ มันเป็นของเธออยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นอะไรที่เธอจะต้องไปรู้สึกซาบซื้ง ขอบคุณ รับรู้ถึงความพยายามในการทำให้ หรือประทับใจในสิ่งที่ชั้นเสนอให้ แต่ในกรณีนี้ คำที่น่าจะเข้ากับภาษาไทยมากที่สุดน่าจะเป็นคำว่า "ของตาย" ครับ เธอรับความรักของชั้นเหมือนอย่างกับว่ามันเป็นของตาย ดังนั้นไม่ต้องแยแส ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องซาบซึ้ง ไม่ต้องประทับใจ การกระทำบางอย่างที่เราทำให้คนที่เรารักด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ด้วยความใส่ใจ แล้วอีกคนมองว่าสิ่งนี้เป็นสิทธิ์ที่เขาต้องได้จากเราอยู่แล้ว ดังนั้นก็รับไว้เฉยๆ รับไว้งั้นๆ หรือตอบสนองกลับมาด้วยการเสแสร้งไม่จริงใจ เรารู้สึกยังไงครับ?
Why on why? ตรงนี้ตัดพ้อมากมายครับ (สังเกตว่าร้องด้วยการลากเสียงสูงในคำสุดท้าย) Why ทำไมล่ะ? ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น? ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอมีสิทธิ์นั้น? เป็นเพราะว่าฉันไปรักเธอยังงั้นเหรอ? เป็นเพราะว่าเธอเป็นคนที่มีคุณค่ามากกว่าฉันยังงั้นเหรอ? เป็นเพราะเธอเป็นคนพิเศษยังงั้นเหรอ? เธอรู้ไหมการทำสิ่งต่างๆ สิ่งที่ดีให้เธอนั้นต้องใช้พลังไปขนาดไหน? ฉันทำไปเพื่ออะไร? เมื่ออีกฝ่ายไม่รับรู้ไม่เข้าใจไม่รู้ซึ้งไม่ซาบซึ้งในสิ่งที่เราทำให้ แถมยังมา break my heart ทำร้ายจิตใจกันไม่พอ ยังตบตาคนอื่นเสแสร้งแสดงละคร ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้กับเราได้เพราะคิดว่ามันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่เขาสามารถกระทำได้อย่างไม่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเรา เมื่อคิดได้ดังนั้นก็บรรลุแตกฉานครับ จบแล้ว พอแล้ว พอกันที ไม่ต้องมีการเสแสร้งอีกต่อไป ละครจบแล้ว this show is over ได้เวลาลาจาก ได้เวลาเอ่ยคำลา (say good bye)
Make them laugh ทำให้พวกเขา (ในที่นี้คือคนดู คือผู้ชม) หัวเราะ นั้นมันช่างแสนง่ายดายเหลือเกิน (it comes so easy) ก็แค่ต้องเล่นบทตอนที่เธอหักอกชั้น (the part where you're breaking my heart) ตรงนี้สะเทือนใจดีมั้ยครับ? เรานั้นแสนจะเจ็บปวด แต่อีกคนหักอกเราอย่างยิ้มแย้มสดใส (hide behind your smile) แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ (make them laugh) เพราะใครๆก็ชอบตัวตลก (the whole world loves a clown) แล้วใครเป็นตัวตลกกันแน่ครับ?
Wish you well - นี่คือจะจากกันแล้วครับ อวยพรให้เธอไปดี ส่วนชั้นอยู่ต่อไม่ได้แล้ว (I can not stay) เธอเล่นดีมากจนสมควรได้รับรางวัล deserve (สมควร) award (รางวัล) จากการแสดงนี้ด้วยการ no more masquerade คือไม่ต้องมาเสแสร้งแสดงละครหลอกชั้นหลอกใครต่อใครให้เหนื่อยอีกต่อไปแล้วนะท่านนักแสดงผู้เดี่ยวเด่น
All the world is a stage ตรงนี้มีสองนัยครับ นัยแรกเหมือนกับว่ามาดอนน่าบอกกับเราว่า (ผู้ฟังเพลง) โลกทั้งโลกก็เหมือนเป็นโรงละครนี่แหล่ะ (มันหมายถึงชีวิตของคุณและฉันก็เหมือนเป็นละครนะ) และอีกนัยหนึ่งคือจะบอกว่าที่เล่าเรื่องมาว่าอยู่ในโรงละครน่ะแท้จริงแล้วคือชีวิตจริงของฉันเอง and everyone has their part และทุกๆคนก็มีบทที่ต้องเล่นของตัวเองแตกต่างกันออกไป ทีนี้ก็กลับมาพูดถึงเพลงต่อ but how was I to know which way the story'd go? ก็ชั้นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบทละครในชีวิตฉันมันจะเป็นยังไงมันจะไปทางไหน? ชั้นจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอคนที่ชั้นรักและทำทุกอย่างให้ดันมีบทที่จะเข้ามาเพื่อหักอกทำร้ายจิตใจฉัน (how was I to know you'd break my heart)
ช่างเป็นเพลงที่เศร้าและคลาสสิกมากมายครับ คนเราไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ยังมีการ take it for granted อยู่เสมอ สิ่งที่จะต้องรู้สึกตัวให้ได้เสมอคือเราเองเป็นแบบนั้นบ้างรึเปล่า ไม่ว่าจะเป็นละครเรื่องเธอกับฉัน สิ่งที่ทำให้กันเธอเคยรู้สึกถึงคุณค่าของมันบ้างรึเปล่า เรื่องเพื่อนกัน ทำไมฉันถึงทำสิ่งต่างๆให้เธอ? หรือทำไมเธอถึงทำสิ่งต่างๆให้ฉัน เรื่องครอบครัว อย่าง นี่มันหน้าที่ที่แม่ต้องทำให้เราอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรือซาบซึ้ง และเรื่องอื่นๆในชีวิตเรา หากเรารู้แล้วว่ามีบ้างเหมือนกันที่เราละเลยความรู้สึกของคนอื่นไป สิ่งที่เราทำได้ทันทีคือการ รับรู้ รับทราบ ซาบซึ้ง ขอบคุณ ให้คนที่ทำดีกับเรา แค่คำขอบคุณคำเดียวอาจทำให้สิ่งดีๆที่เราได้รับอยู่แล้วนั้นดียิ่งขึ้นไปอีกก็ได้ครับ