เพลงในวันนี้ไม่ได้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ครับ เป็นเพลงนึงที่ผมรู้จักจากยูทูปที่แนะนำขึ้นมาให้ดูเมื่อหลายปีแล้ว หลังๆนี้ผมได้ดูอีกครั้งก็ยังรู้สึกประทับใจได้เหมือนที่เคยรู้สึก ผมรู้จักเพลงนี้จากเวอร์ชั่นสก๊อตครับ เชื่อว่าหลายๆคนรู้จักเพลงนี้ก็เพราะสก๊อตเช่นกัน เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า แล้ว version original นั้นเป็นยังไงหนอ?
Dancing On My Own - ที่ Calum Scott นำมาร้องใน BGT
somebody said you got a new friend อันนี้ตรงตัวครับ มีคนพูดว่าเธอมีเพื่อนใหม่ ซึ่งมันก็เป็นข้อมูลธรรมดาๆนะครับ แต่พอพูดว่า แล้วเค้ารักเธอมากกว่าที่ชั้นรักเธอรึเปล่าเท่านั้นแหล่ะครับ รู้เลยว่าเค้ามีแฟนใหม่ทันที (Does she love you better than I can?) คำถามนี้เหมือนกับจะพูดกับตัวเองมากกว่าครับ เหมือนจะไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่รักเธอมากกว่าที่ชั้นรักเธอได้ เลยอยากจะได้คอนเฟิร์มจากเจ้าตัว อะไรประมาณนั้น
It's a big black sky over my town ฟ้าดำเหนือเมืองคืออะไรครับ ถ้าเราลองออกไปยืนที่ถนนแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าตอนกลางคืนก็จะเห็น big black sky เหนือเมืองของฉันเหมือนกัน นั่นคือเวลากลางคืนนั่นเอง ด้วยความที่เคยเป็นแฟนเก่า รู้จักกันดี นางก็รู้เลยทันทีว่าตอนนี้เธอจะอยู่ที่ไหน (I know where you at) มันต้องไปเที่ยวผับแน่เลย แล้วนังแฟนใหม่มันต้องอยู่ด้วยแน่ๆ (I bet she's around) Yeah, I know it's stupid ใช่ๆ ชั้นรู้น่าว่ามันโง่งี่เง่า ถ้าไปแล้วจะเจออะไร จะรู้สึกยังไง แต่มันก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาให้ได้ (I just gotta see it for myself)
I'm in the corner watching you kiss her ชั้นอยู่ในมุมนี้ มองดูเธอจูบเขา ลองนึกภาพว่าเป็นตัวเองดูสิครับเราจะรู้สึกยังไง เฮ้ย... เล่นจูบกันตรงนี้ไม่เกรงใจตูเลยไม่เห็นรึงัย (I'm right over here, why don't you see me) อารมณ์ประมาณนี้ครับ
แล้วทีนี้ก็น้อยใจครับ ชั้นให้เธอทุกอย่างเลย (I'm giving it my all) แต่สุดท้ายคนที่เธอพากลับบ้านดันเป็นคนอื่น (but I'm not the girl you're taking home) นี่หรือคือสิ่งที่ชั้นได้รับ มันน้อยใจ มันโกรธ มันผิดหวัง มันเสียใจครับ แต่จะไปโวยวายหาเรื่องเขาก็ใช่ที่ มันต้องกรี๊ด มันต้องกระโดด มันต้องเป็นบ้าอะไรซักอย่างเพื่อระบายความรู้สึกนี้ การเต้นอยู่ในผับมันดันเป็นวิธีอันแนบเนียนที่จะแหกปากกรีดร้องตะโกนกระโดดโลดเต้นเพื่อระบายความรู้สึกให้มันบ้าบอโดยที่คนอื่นคิดว่าเรากำลังเต้นอยู่ครับ มันก็อารมณ์เดียวกับที่บางคนไปร้องไห้ท่ามกลางสายฝนนั่นแหล่ะครับเพื่อที่จะไม่ให้ใครดูออกว่านั่นมันฝนหรือน้ำตากันแน่ เพราะฉะนั้นชั้นจึงต้องเต้นไปเรื่อยๆให้หายโมโห (I just keep dancing on my own)
I'm just gonna dance all night ซึ่งชั้นคงต้องเต้นไปทั้งคืนแน่เลย เพราะชั้นทั้ง mess up และ out of line - mess up ก็คือเละเทะ นึกสภาพห้องของเราตอนที่ปล่อยให้เจ้าตูบอยู่ในห้องตัวเดียวตอนเช้าแล้วเรากลับมาเปิดห้องดูตอนเย็นนะครับ นั่นแหล่ะ mess up คือมันเละเทะยุ่งเหยิงสับสนไปหมด แถมยังโกรธมากๆถึงขนาดส้นสูงที่ใส่มากระทืบขวดจนแตกได้ (stilettos on broken bottles) อย่างที่บอกครับ มันโกรธ มันต้องทำอะไรซักอย่าง ต้องกระโดดต้องเต้นต้องกระทืบ out of line ก็คือ... เอิ่มมม... เห็นมั้ยครับความดิ้นได้ของภาษาอังกฤษ ในเพลงที่แล้วบอกว่า line คือบทพูด แต่คราวนี้ line คือการควบคุมตัวเอง ในความหมายนี้ line เหมือนเป็นสิ่งที่ต้องเป็นไปให้ได้ตามเส้นนั้น ลองลากเส้นยาวๆบนพื้นขึ้นมาหนึ่งเส้นแล้วลองให้แมวมันเดินให้ตรงตลอดไปตามเส้นนั้นนะครับ เราจะรู้ว่ามันควบคุมไม่ได้ มันเดินออกนอกเส้นนั่นเอง ชั้นควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะพอได้เห็นเธอจูบกันคนอื่นแล้วมันทำให้สมองชั้นยุ่งเหยิงหัวหมุนไปหมด (spinning around in circle) ก็เลยคิดว่าคงต้องเต้นไปทั้งคืนแน่ๆถึงจะหายโกรธ
So far away but still so near ลองนึกว่าเป็นตัวเองนะครับ จังหวะที่เราเห็นเค้าจูบกัน เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ คือตอนที่สัมผัสของเค้ากระทบกัน มันเหมือนเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นตรงหน้าต่อหน้าต่อตาเรา หูเหมือนไม่ได้ยินอะไร เหมือนเสียงเพลงมันดับลงไปดื้อๆซะยังงั้น (the music dies) ทั้งๆที่แสงไฟมันก็ยังวูบวาบอยู่เหมือนเดิม (the light goes on) ช่วงเวลานี้มันทำร้ายเราถึงขนาดนั้น เค้าจูบกันไกลถึงตรงนั้น แต่มันเหมือนกับมาจูบกันให้เราเห็นต่อหน้าต่อตาเราใกล้ถึงตรงนี้ หมดกันครับ พอกันที ชั้นยอมแพ้ I just come to say good bye ชั้นบอกลาเธอเลยดีกว่า แบบนี้คือเผยตัวออกมาครับเพราะว่าเค้ามองไม่เห็นนี่ ก็เราอยู่ในมุม พอจะลาเขาก็ต้องเผยตัวออกมาบอกลา
น่าประหลาดใจนะครับ พอเราเข้าถึงอารมณ์เพลงได้ลึกแบบนี้ ตอนผมฟังต้นฉบับ original จาก Robyn ครั้งแรกถึงกับน้ำตาซึมเลย (ทั้งๆที่เป็น electronic เนี่ยนะ? ใช่ครับ) ตอนดูของ Scott ใน BGT ยังไม่ขนาดนี้เลย (ก็มีซึมบ้างเหมือนกันแหล่ะ) เพราะ Scott เค้าเป็นผู้ชายแล้วมาร้องเพลงผู้หญิง แล้วเขาใช้คำว่า I'm not the guy (ผู้ชาย) you're taking home เลยงงว่าอ้าวเฮ้ย แล้วเอ็งเป็นเกย์รึเปล่า เพราะเค้าร้องแบบต้นฉบับมาตลอดว่า watching you kiss her มันทำให้เห็นภาพแฟนเขาที่เป็นผู้ชายไปจูบผู้หญิงอื่นแล้วท่อนนี้มาบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายที่นายพากลับบ้าน เห็นความเร็วของความคิดมั้ยครับ ขณะที่กำลังอินๆกับเพลงอยู่ดีๆความงงก็เลยบังเกิดขึ้นอารมณ์ที่ตามเพลงมามันก็เลยสะดุดเพราะความสงสัยแค่นั้นแหล่ะครับ เลยไปหา original ฟังดีกว่า