19 ม.ค. 2020 เวลา 14:23 • บันเทิง
𝗿𝗲𝘃𝗶𝗲𝘄 𝗯𝘆 𝗰𝗮𝗸𝗲. 𝗘𝗣.𝟳
released date: 17 Jan 2020
𝗠𝗮𝗻𝗶𝗰 (album) - 𝗛𝗮𝗹𝘀𝗲𝘆
Halsey ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบัมที่ 3 ของเธอที่มีชื่อว่า ‘Manic’ อัลบัมนี้กว่าจะหาฤกษ์ปล่อยได้ก็คือดูใจกันมานานมาก ตั้งเเต่ซิงเกิลแรก ‘Without Me’ ปล่อยแอกมาเมื่อปลายปี 2018 จนถึงซิงเกิลล่าสุดอย่าง ‘You Should Be Sad’ ที่ปล่อยมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิริรวมเวลาที่ปล่อยซิงเกิลออกมาก่อนอัลบัมจะคลอดก็ปาเข้าไปปีกว่าๆ เลยทีเดียว แต่จะแล้วจะเล่า นางก็ดันดวงแตก เลือกปล่อยอัลบัมมาในสัปดาห์เดียวกับที่ Eminem (ที่ปล่อยเเบบไม่บอกไม่กล่าว) และ Mac Miller (ที่เพิ่งบอกว่าจะปล่อยอัลบัมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) ปล่อยอัลบัมเหมือนกัน ซึ่งนางน่าจะงานเข้าเพราะคิดว่ายอดสตรีมอัลบัมนี้ของนางไม่น่าสู้ Eminem ได้ (อัลบัมนี้ของป๋าเน็มก็คือดีวามมากเหมือนกัน แต่เขียนรีวิวไม่ได้เพราะไม่ได้ติดตามเฮียขนาดนั้น) เอาเป็นว่า อย่าไปสนใจอันดับในชาร์ทหรือยอดขาย เราไปโฟกัสกันที่ตัวเพลงกันดีกว่า เพลงที่ดีถึงจะขายได้หรือไม่ได้ก็ยังเป็นเพลงดีอยู่ดีแหละ ~ (ปลอบใจ)
ก่อนอื่นเลย เกริ่นก่อนว่าเราชอบเพลงของ Halsey หลายๆ เพลง ตั้งเเต่ EP แรก (Room 93) จนถึงอัลบัมที่แล้วอย่าง Hopeless Fountain Kingdom ด้วยความที่นางเป็นคนที่ร้องเพลงได้หลายแนวอยู่นะ ป็อปร็อค ป็อปคันทรี ป็อปโซล ก็คือร้องได้อินในทุกๆ แนว และเสียงนางก็เป็นเอกลักษณ์ดีด้วย เลยทำให้สายงานนี้ของนางรุ่งดี ไม่เป็น one hit wonder เหมือนศิลปินยุคใหม่หลายๆ คน มาดูกันว่าอัลบัม Manic ที่นางปั้นมายาวนานนี้ จะยังคงความ unique ในตัวนางได้หรือไม่ ไปฟังกันเลย —
ป.ล. Without Me ที่เป็น lead single ของอัลบัมนี้นี่ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของเราอยู่เลยตั้งเเต่ฟังครั้งเเรก ฟังทีไรอินลึกไปถึงทรวง ฟังกี่ทีๆ ก็อิน ใครยังไม่เคยฟัง นี่คือโอกาส ⇩
เพลงแรก ‘Ashley’ (คือชื่อจริงของนางเอง พอสลับตัวอักษรก็จะกลายเป็น ‘Halsey’ ที่เป็นชื่อในวงการของนางเก๋ๆ) เป็นเพลงที่มีความเป็นป็อปร็อคพอควร อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงนางด้วยที่ส่งเพลงให้ไปในแนวนี้ เพลงนี้น่าจะพอชี้แนวเพลงในอัลบัมนี้ได้ ส่วนถ้าพูดกันเรื่องของตัวเพลงก็คือเป็นเพลงที่โอเค ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้พิเศษ เพลงต่อมา ‘Clementine’ เพลงนี้ปล่อย MV ออกมาด้วยตอนวันเกิดของนาง แต่เป็นเพลงที่ปล่อยออกมาขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไร เพลงนี้เป็นเพลงซ็อฟๆ ฟังเพลินๆ แต่แอบมาสะดุดตรงท่อนฮุคที่นางลงเสียงหนักแบบจะให้จริงจัง แต่คิดว่ามันไม่ค่อยเข้ากับเพลงนี่อ่ะ ก็คือเข้าใจได้ว่านางไม่อยากให้เพลงเป็น monotone แต่การกระแทกเสียงในฮุคของเพลงนี้ก็หม่ได้ทำให้เพลงดีขึ้นสักเท่าไหร่
เพลงที่ 3 ‘Graveyard’ เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 2 ของอัลบัม มีความเป็นซ็อฟป็อปคงฟีลมาจากเพลงก่อนหน้า แต่เพลงนี้ทำได้ลงตัวกว่าในทุกๆ พาร์ทของเพลง ก็คือนางตัดสินใจถูกอยู่ที่เลือกตัดเพลงนี้เป็นซิงเกิล เพราะตัวเพลงก็คือฟังง่าย สำหรับเราฟังครั้งเเรกก็เฉยๆ แต่พอโดนเปิดกรอกหูในวิทยุบ่อยขึ้นก็เริ่มติดหูบ้าง
ซิงเกิลที่ 4 ‘You Should Be Sad’ ซิงเกิลล่าสุดของอัลบัม เพลงนี้เราได้เขียนรีวิวไว้แล้ว ไปอ่านในโพสนั้นละกัน เดี๋ยวแนบลิงค์ไว้ให้ ~
You Should Be Sad (single) review: ⇩
เพลงที่ 5 ‘Forever ... (is a long time)’ ซิงเกิลนี้ก็ยังอยู่ในเซ็ทเพลงช้าอยู่ ทำนองเหมือนหลุดมาจากการ์ตูนดิสนีย์ฉากซึ้งๆ ให้อารมณ์ตามชื่อเพลงอยู่ แต่ outtro ของเพลงดูยาวแบบไม่ค่อยเหมาะกับเป็นเพลงที่อยู่กลางอัลบัมเท่าไหร่ น่าจะเอาไปเป็นเพลงปิดอัลบัม เพลงที่ 6 ‘Dominic’s Interlude’ เพลงนี้เหมือนเป็นเพลงเกริ่นเข้าสู่พาร์ทสองของอัลบัม (ชอบนะ นางดูแบ่งอัลบัมเป็นส่วนๆ โดยใช้เพลงคั่นคือ interlude) เพลงนี้ให้ฟีลโฆษณายุค 80’s อ่ะ เสียงผช ที่ร้องในเพลงดูเก่าเหมือนหลุดมาจากยุคก่อน เเต่ก็คือชอบนะ เปลี่ยนมูทอัลบัมดี จากที่ช้าๆ มาหลายเพลง
เพลงที่ 7 ‘I Hate Everybody’ เพลงนี้ดูจากชื่อเพลงคือเหมือนจะเกรี้ยวกราดนะ แต่พอฟังแล้วก็คือมูทเพลงไม่ได้เกรี้ยวกราดขนาดนั้น (แต่เนื้อเพลงก็คือเดือดใช้ได้อยู่) ดนตรีดู contrast กับเนื้อเพลง เป็นความพิเศษอย่างนึง เพลงนี้ทำออกมาได้ดีอยู่นะ เพลงที่ 8 ‘3am’ เพลงนี้ให้ฟีลเพลงร็อคยุค 00’s แนวๆ Avril Lavigne ยุคก่อน ดูมีความฟังง่าย แต่ในความฟังง่ายก็อาจจะทำให้เพลงนี้ไม่ได้พิเศษเท่าเพลงอื่น (ถึงอย่างงั้น เราก็ชอบเพลงนี้มากกว่าหลายๆ เพลงที่ผ่านมานะ อาจเป็นเพราะส่วนตัวชอบเพลงแนวนี้ 😂)
เพลงที่ 9 ‘Without Me’ ชอบ ชอบมาก ชอบมากๆ ชอบมากๆๆๆๆๆ ในทุกๆ ด้าน (เวอร์ชั่นที่มี Juice WRLD มาร้องด้วยก็ดี เพิ่มความอินแบบ x100 เสียดายไม่มีโอกาสได้เห็นสองคนนี้น้องสดด้วยกันแล้ว ;-;) เพลงที่ 10 ‘Finally // Beautiful Stranger’ เพลงนี้เป็น promotional single ของอัลบัม ตัวเพลงเป็นป็อปกึ่ง acoustic ช้าๆ ฟังเพลินๆ เนื้อเพลงบอกถึงการ move on จากจุดที่โดนทิ้งมาได้ และเริ่มต้นพร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้าใหม่อีกครั้ง เป็นเพลงปิดพาร์ทแห่งความเกรี้ยวกราดนี้ได้ดีเลย
เพลงที่ 11 ‘Alanis’ Interlude’ เพลงเกริ่นเข้าสู่พาร์ทใหม่ของอัลบัม ชอบ interlude นี้สุดในบรรดาเพลงคั่นทั้ง 3 เพลงในอัลบัมนี้ ความพิเศษของแทร็กนี้คือได้นักร้องร็อคในตำนานอย่าง Alanis Morissette มาร้องด้วย ซึ่งทั้งเสียงของเธอและ Halsey คือเวลาน้องด้วยกันแล้วเข้ากันดีมากๆ ไม่แปลกใจที่ Hasley ให้สัมภาษณ์ว่าได้ Alanis เป็นแรงบันดาลใจในการร้องเพลง เพลงที่ 12 ‘Killing Boys’ เพลงนี้คืออะไรก่อน เป็นเพลงสั้นๆ ที่เหมือนไปไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ ไม่ค่อยโดดเด่นถ้าเทียบกับเพลงอื่นในอัลบัม
เพลงที่ 13 ‘Suga’s Interlude’ เพลงนี้ได้ BTS มาร้อง คือเป็นเพลงที่ (ส่วนตัว) คิดว่าอิหยังวะที่สุดในอัลบัม เสียงนักร้องเกาหลีไม่เหมาะกับแนวเพลงในอัลบัมนี้ของนางเลยอ่ะ คือจะบอกว่าเสียงของ Halsey อ่ะสามารถเข้าได้กับเพลงหลายๆ genre เลยไม่แปลกที่พอนางไปร้อง Boy With Luv เลยฟังได้ แต่คือเสียงของ BTS มันไม่ได้เข้าได้กับเพลงทุกแนวไง เพลงนี้เลยเป็นตัวอย่างของความเอานักร้องเกาหลีมาร้องเเล้วพัง
เพลงที่ 14 ‘More’ เพลงนี้ชอบตั้งเเต่ต้นเพลงจนถึงกลางๆ เพลง เริ่มค้นพบว่าเพลงนี้ม่อนฮุคค่อนข้างวนอยู่ในอ่าง และไม่ค่อยชอบช่วงดูดเสียงท้ายๆ เพลง มันดูอึนๆ มึนๆ งงๆ เพลงที่ 15 ‘Still Learning’ เพลงนี้ดี ฟังง่าย และอิน เหมาะแก่การตัดเป็นซิงเกิลต่อไป เพลงสุดท้าย ‘929’ ไม่ค่อยชอบนิดนึงตอนต้นเพลงที่เป็นเสียงนางพูดอ่ะ คือปรับมูทไม่ทัน ควรเอาเพลงนี้ไว้เป็นเพลงแรกของอัลบัมจะดูดีกว่า
สรุปแล้ว อัลบัมนี้วิจารณ์เป็นจุดๆ เริ่มจากเสียงและสไตล์การร้อง Halsey ยังคงไม่ทำให้ผิดหวัง โดยตัวนางนั้นสามารถร้องให้คนฟังอินได้ในเกือบทุกๆ ช่วงของอัลบัม รวมถึงเสียงนางยังเข้าได้กับ featured artists ได้ดีอีกด้วย (ยกเว้นกับเพลงนึง เพลงที่คุณก็รู้ว่าเพลงไหน - -) ด้านดนตรี ก็ดีอยู่นะ แต่ละเพลงก็คือดนตรีส่งอยู่ production ก็คือดี เก็บรายละเอียดเสียงเล็กเสียงน้อยดี ลูกเล่นเยอะ ด้าน flow ของอัลบัม อันนี้คิดว่ายังแปลกๆ อยู่ บางจุดยังสะดุด ถ้าเรียนแทร็กใหม่ กับจัดเพลงในเเต่ละพาร์ทดีๆ จะเป็นอัลบัมที่ขึ้นหิ้งมาก
ชื่ออัลบัม Manic ไม่ได้มาลอยๆ มันสื่อถึงการที่นางเปลี่ยนหลายอารมณ์ในแต่ละเพลง บางเพลงจากโทนช้าๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นโทนเกรี้ยวกราดในท่อนฮุคงี้ ซึ่งก็จัดเป็นเอกลักษณ์ของอัลบัมนี้อยู่นะ
โดยรวมแล้วอัลบัมนี้อยู่ในระดับน่าพอใจ เพลงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า ในสองอับบัมแรก แต่แอบฟังยากกว่าอัลบัมที่แล้วนิดหน่อย เพลงแต่ละเพลงก็คือมีทั้งเฉยๆ ดี ดีมาก เพลงที่เฉยๆ จริงๆ แล้วมันก็มีข้อดีในเเต่ละเพลงนะ เพียงแต่ว่าเวลาพอเอาทุกองค์ประกอบมารวมกันแล้วอาจจะไม่ได้เด่นอะไร และที่สำคัญคือ ไม่มีเพลงไหนเทียบรัศมีของ ‘Without Me’ ได้เลย นั่นเลยทำให้เราไม่ได้รู้สึกพิเศษกับอัลบัมนี่มาก ส่วนที่ตะหงิดอีกนิดนึงคือหน้าปกอัลบัม เหมือนนางโดนใครต่อยมามาก 😂 ชอบปกซิงเกิลมากกว่าอีก
Manic (album): 7.5/10
decent.
top tracks: you should be sad, without me, finally // beautiful stranger, alanis’ interlude, still learning

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา