20 ม.ค. 2020 เวลา 04:14 • ประวัติศาสตร์
“บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ อัครมหาเศรษฐีระดับโลก” ตอนที่ 5
บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและชีวิตครอบครัว
ยุค 80 (พ.ศ.2523-2532) อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กำลังคึกคัก เกิดบริษัทคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมามากมาย และการแข่งขันก็เป็นไปอย่างดุเดือด
ค.ศ.1985 (พ.ศ.2528) ไมโครซอฟต์ก็ได้ออกซอฟต์แวร์ตัวใหม่ออกมา
1
นั่นคือ “วินโดวส์ (Windows)”
สิ่งที่ทำให้มันต่างออกไป คืออุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่า “เม้าส์ (Mouse)”
เม้าส์นั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาหลายปีก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนมากจะได้ใช้เม้าส์ ซึ่งเปลี่ยนวิถีการใช้คอมพิวเตอร์ไปในทันที
ใช้เม้าส์ในการคลิ๊กและโปรแกรมทั้งหมดก็จะเปิดขึ้นมา และสามารถเปิดหลายๆ หน้าจอได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ซอฟต์แวร์ใหม่นี้ถูกเรียกว่า “วินโดวส์” หรือหน้าต่างนั่นเอง
วินโดวส์นั้นใช้งานได้ง่ายทำให้ได้รับความนิยมมากและยิ่งทำให้ไมโครซอฟต์เติบโต
แต่ถึงบริษัทจะเติบโตมากแค่ไหน แต่ความสำเร็จก็ไม่ได้ทำให้บิลล์หยุดกระตือรือร้น บิลล์มักจะใช้เวลาคิดวางแผนเรื่องต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เขาแทบจะไม่มีเวลาได้คิดเรื่องส่วนตัว
บิลล์จึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนปีละครั้ง เพื่อที่จะใช้เวลาคิดหาไอเดียใหม่ๆ โดยเขาเรียกช่วงเวลาพักผ่อนนี้ว่า “สัปดาห์แห่งการคิด (Think Week)” ซึ่งบิลล์ก็คิดว่าผู้จัดการของเขาต่างก็ต้องการจะพักผ่อนเช่นกัน ดังนั้นบิลล์จึงให้สัปดาห์แห่งการคิดนี้เป็นวันหยุดของพนักงานด้วยเช่นกัน
ค.ศ.1986 (พ.ศ.2529) บิลล์นำไมโครซอฟต์เข้าตลาดหุ้น และหุ้นของไมโครซอฟต์ก็พุ่งทะยาน
ภายในเวลาข้ามคืน บิลล์และพอล (ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟต์) ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี และในปีค.ศ.1987 (พ.ศ.2530) ราคาหุ้นของไมโครซอฟต์ก็ได้พุ่งขึ้นอีกจนบิลล์กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน
บิลล์เพิ่งจะมีอายุได้ 32 ปี ทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีพันล้านที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้นที่สร้างตัวด้วยตัวเอง
แปดปีหลังจากนั้น ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) บิลล์ก็ได้กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก และติดอันดับหนึ่งเป็นเวลาหลายปี มีขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ติดสิบอันดับคนรวยที่สุดในโลก ไม่เคยหลุดโผ
ในเวลานั้นทรัพย์สินของบิลล์อยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท)
แต่ถึงจะร่ำรวยมหาศาล แต่บิลล์ก็ยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน ชีวิตของเขามีแต่งาน
แต่ขณะอายุได้ 32 ปีนี้เอง บิลล์ก็ได้พบกับพนักงานคนหนึ่งของไมโครซอฟต์ นั่นคือ “เมลินดา เฟรนช์ (Melinda French)”
เมลินดา เฟรนช์ (Melinda French)
เมลินดานั้นอายุน้อยกว่าบิลล์ถึงเก้าปี แต่เธอนั้นฉลาดและมีการศึกษาดี และเมลินดากับบิลล์นั้นก็คุยกันถูกคอมากและตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา
วันปีใหม่ ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) บิลล์ได้แต่งงานกับเมลินดาที่เกาะลานาอิในฮาวาย
การแต่งงานของทั้งคู่นั้นเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก แต่บิลล์กับเมลินดาก็ต้องการความเป็นส่วนตัว
บิลล์ได้ทำการจองห้องพักทุกห้องของทุกโรงแรมบนเกาะ เหมาจองทั้งเกาะ และยังจ้างเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดเป็นของตนเพื่อป้องกันไม่ให้ช่างภาพแอบขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาถ่ายภาพตน
ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) บิลล์และเมลินดาก็ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปหลายที่ ตั้งแต่ประเทศจีนไปจนถึงแอฟริกา
ต่อมา ทั้งคู่ก็ได้มีลูกสาวคนแรกในปีค.ศ.1996 (พ.ศ.2539) ตามมาด้วยลูกชายในปีค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) และมีลูกสาวอีกคนในปีค.ศ.2002 (พ.ศ.2545)
ครอบครัวของบิลล์
ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน บิลล์ก็ได้ทำการสร้างบ้านของตน และเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) โดยบ้านนี้มีขนาด 5,500 ตารางฟุต
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนทางสูงชันบนเขาที่มองเห็นทะเลสาปวอชิงตันนอกเมืองซีแอตเติ้ล และบิลล์ก็ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ไม้เก่าๆ ในการสร้าง ไม่ตัดต้นไม้
บ้านของบิลล์นั้นหรูหราและไฮเทคสุดยอด มีการให้ไมโครชิพแก่แขกที่มาเยี่ยมบ้าน ในไมโครชิพนั้นจะบรรจุข้อมูลความชอบของแขกผู้นั้น หากแขกผู้นั้นเดินเข้าห้องไหน ห้องนั้นก็จะเล่นเพลงโปรดของแขก
แสงไฟและอุณหภูมิแต่ละห้องก็จะปรับไปตามความชอบของแขกโดยอัตโนมัติ และมีห้องมากมาย ทั้งห้องเล่นเกม โรงหนัง โรงยิม และอีกหลายห้อง
บ้านของบิลล์
ท่ามกลางห้องที่หรูหราอลังการหลายๆ ห้อง แต่ห้องที่บิลล์ชอบมากที่สุดคือห้องสมุด
ห้องสมุดของบิลล์นั้นจะมีชั้นหนังสือที่ทำไว้ลับๆ ติดผนัง ซึ่งภายในนั้นเก็บสมบัติล้ำค่าไว้ นั่นคือสมุดโน้ตที่เขียนโดย “ลีโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci)” ซึ่งบิลล์ซื้อมาในราคา 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 900 ล้านบาท)
แต่ในส่วนหลักๆ ของตัวบ้านนั้น มีเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้เข้าชม เนื่องจากบิลล์และเมลินดาหวงความเป็นส่วนตัวและอยากให้ลูกๆ เติบโตมาอย่างเด็กทั่วๆ ไป
ชีวิตของบิลล์จะไปในเส้นทางไหนต่อ ผมจะมาเล่าต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา