27 ม.ค. 2020 เวลา 10:15 • ไลฟ์สไตล์
ตอนที่ 3 2 to 7 วันในช่วงแรกที่ใส่เฝือก
พูดกันตรงๆเลย กระดูกที่ร้าวของผมนั้นมัน ขี้ประติ๊วมาก ๆ
ร้าว 3 เซน นี่แม่ง ...จะเอาแต่ใจไปไหนวะกระดูก
ไอ้จุดเล็ก ๆ นั้นแหละ ใช่ ใช่แล้ว แค่นั้นแหละ
มันนิดเดียว แบบโคตาระจะนิดเดียวเลยจริง ๆ แต่ถึงกับต้องแบกปูนขนาดนี้ไว้ที่ขาเชียวหรือนี้....
ช่วงวันที่ 1 กับ วันที่ 2 คือไม่ชิน ถึงมากที่สุด รู้สึกท้อ เพราะทั้งเรื่องงานกลุ่มก็ต้องเลื่อนไปเดือนหน้า จนกว่าขาจะหายนั้นแหละ โรงเรียนก็ต้องหยุด
วิถีชีวิตคือเปลี่ยนไปหมดเลย ไม่รู้ว่าจะวางขาไว้ไง หมอสั่งห้ามลงแรง อะกูก็ค่อย ๆ ~~
คอยขยับนิ้วตีนที่โผล่ออกมาจากปูนที่โบกด้วยเพื่อให้เลือดมันไหลเวียน (เออทำแล้วมันก็น่ารักดี)
ทุก ๆ อย่าง ณ ช่วงนั้นคือช้าไปหมด มัน หน่วง เดินไปไหนก็ลำบาก จะไปห้องน้ำก็ลำบาก ต้องยืนขาเดียวแล้วกระโดด ดึ๊ง ๆ ไป
แล้วภาระก็มาตกที่ขาข้างซ้ายที่ต้องคอยแบกรับน้ำหนัก 50 กิโล ของผมอยู่ข้างเดียวอย่างเดียวดาย(แล้วในวันหนึ่งผมก็ตื่นมาพบว่า ข้างข้าซ้ายแรงหายไปเพราะรับน้ำหนักเกินเพื่อน จึงต้องเปลี่ยนวิธีเดินเป็นค่อย ๆ ไป)
ชั่งนาสงสาร....ไว้ขาขวาหายเมื่อไรจะยืนขาเดียววันละชั่วโมง เพื่อให้มันเข้า
ใจความรู้สึกของขาซ้ายแล้วกันนะ
แม่ง เสียเวลา เสียเงิน เสียกำลังใจชิบหาย ท้อแท้และสิ้นหวังมาก
โทษฟ้า โทษดิน โทษพระเจ้า ว่าทำไมลูกต้องมาเป็นแบบนี้ หน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบมันก็มีเยอะ
เรียนก็ต้องเรียน งานก็ต้องทำด้วยนะ
บ้านเองก็ขัดสนอยู่พอสมควร จึงต้องทำงานไปด้วย
แต่เหตุใดพระเจ้าถึงลงโทษข้าน้อยเพียงนี้
ผมทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลย ทั้งการกินข้าว พ่อก็ต้องสละเวลางานมา
คอยดูแลให้
ผมเหนื่อยและท้อถึงที่สุดในตอนนั้น
เฝ้าแต่อยากจะให้มีปุ่มกดข้ามเวลาไปถึงวันที่ได้ถอดเฝือกแล้ววิ่งเริงร่าท่ามกลางทุ่งดอกลาเวนร์เดอร์ได้เสียที
แล้วก็พักฟื้น 2-3วันจากนั้นก็กลับมาลุยต่อ
ผมได้แต่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่ห้องของตัวเอง เปิดคอม ดูหนัง อ่านหนังสือ
ฟังเพลง กินข้าว โดดดึ๋ง ๆ ไปเข้าห้องน้ำ
ไปสูดอากาศหน้าบ้านบ้าง แล้วพอคุณพระอาทิตย์กลมโตตกลงดิน
คุณจันทร์เดือนหงายลอยละล่องขึ้น ก็มาจบที่เตียงนอน แล้วก็ถึงเช้าวันใหม่
วนลูปแบบนี้ไปไม่รู้จบ และเหมือนเดิม โทษฟ้า โทษดิน โทษพระเจ้า
จนเก็บไปฝันว่า
ผมได้สวมวิญญาณ kratos แล้วฆ่าพระเจ้าให้เฆี่ยนหมดสวรรค์
จากนั้นก็ใช้พลังรักษาขาตัวเองให้หายภายใน 3 วินาที
กลับมาวิ่งได้เหมือนเดิม แล้วเริ่มถ่ายงานต่อไปอย่างสงบสุข......
ทุกอย่างต้องกลับมาสู่ความจริง ผมตื่นขึ้นมาพบว่า ใช่ มันยังเหมือนเดิม ขาที่หนักอึ้งเพราะโอบปูนเอาไว้
และขาอีกข้างที่ต้องคอยรับศึกหนักเวลาต้องเดินทางไปไหนตลอดหลายวันมานี้ ผมเหนื่อย แต่ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่างเดียว เปิดกระทู้ pantip ขึ้นมาถึงคนที่ขาเป๋บ้างเหมือนผม เผื่อจะช่วยให้มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง
และก็พบว่า....... ไม่ช่วยห่าไรเลย!!!!! สึด!!!
จนมาวันที่ 5 ผมทนไม่ไหวแล้วได้ร้องให้ออกมาให้พ่อได้เห็น
ผมระบายถึงสิ่งที่ผมนึกคิด ทั้งเรื่องเงินที่ผมพยายามจะหา เรื่องงานที่ไม่ได้ทำ เรื่องขาที่1เดือนจะหายจริงไหม
และรูปถ่ายที่ผมจะไม่ได้ถ่ายไป 1 เดือน
พ่อของผมได้ตอบว่า
พ่อ : เงินกูหาให้อยู่แล้ว งานก็แค่เลื่อนไป อยากถ่ายรูปเดี๋ยวกูพาไปถ่ายก็ได้ แบกมึงขึ้นหลังกูก็ได้ แบกมึงมาตั้งแต่น้อย ๆ นั้นแหละ ไม่กลัวหรอก แล้วจะแช่งตัวเองทำไม มันไม่ช่วยอะไร
บางคนเขาเป็นหนักกว่ามึงอีก สู้ดิวะ แล้วมึงตัวคนเดียวซะที่ไหน
....ผมเงียบไม่ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าอยู่อย่างงั้นจนหลับไป....
พ่อผมไม่ได้เป็นนักเทคแคร์อะไรมากอยู่แล้ว
....แต่นั้นก็คงเป็นคำปลอบใจ แล้วพยายามที่จะสร้างพลัง ให้แก่ผมที่กำลังท้อมาก ๆ อยู่นี้ ให้กลับมาฮึดกับมันได้อีก....
แต่อย่างไรก็ตามแต่ คนที่จะให้กำลังใจเราได้ดีที่สุด นั้นก็คือตัวเราเอง
เพราะไม่ว่าจะได้ดูหนังสร้างกำลังใจที่ได้รับคำชมจากเว็บมะเขือเน่าถึง 100 เปอร์เซ็น ก็ไม่ช่วยอะไรหากใจเรามันยังหมองหม่นอยู่ เพราะงั้นมันอยู่ที่ใจ
รอบข้างคือตัวช่วย
แล้ววันวานก็มาบรรจบครบ 1 อาทิตย์ วันที่หมอนัดเพื่อดูอาการ แต่อย่างที่
บอก ประกันผมไม่พอแน่จึงเลือกจะไปโรงบาลรัฐและเชี่ย.....
คนแม่งอย่างเยอะเลย...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา