3 ก.พ. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“แอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank) ดอกไม้งามแสนบริสุทธิ์ยามสงคราม” ตอนที่ 3
เมื่อกองทัพนาซีรุกรานเนเธอแลนด์
ต้นปีค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) อากาศนั้นหนาวเย็นจนน้ำในแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งนานกว่าปกติ
1
แอนน์และเพื่อนๆ ใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันเล่นสเก็ตบนน้ำแข็งของแม่น้ำ
แต่พ่อแม่ของแอนน์ไม่มีเวลามาคิดเรื่องเล่นสนุก พวกเขากำลังกังวลเรื่องการโจมตีเนเธอแลนด์ เนื่องจากในเวลานั้นก็มีการเตือนเรื่องการโจมตีจากเยอรมนี
10 พฤษภาคม ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) เยอรมนีได้โจมตีเนเธอแลนด์
ที่ผ่านมา ฮิตเลอร์ได้รอให้อากาศอบอุ่นขึ้นจึงค่อยโจมตี โดยเช้าวันนั้น เครื่องบินทิ้งระเบิดของนาซีได้ทิ้งระเบิดลงยังอัมสเตอร์ดัม
อีกสองวันต่อมา เยอรมนีได้ทิ้งระเบิดลงยังอัมสเตอร์ดัมอีกครั้ง ทำให้สนามบินและท่าเรือได้รับความเสียหาย แต่อัมสเตอร์ดัมก็ยังถือว่าได้รับความเสียหายน้อยกว่าเมืองอื่นๆ บางเมืองนั้นมีคนตายนับพัน
“สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ (Wilhelmina of the Netherlands)” พระราชินีแห่งเนเธอแลนด์ได้เสด็จหนีไปอังกฤษ แต่พระองค์ก็ยังทรงติดต่อกับประชาชนผ่านการออกอากาศทางวิทยุ
สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ทรงมีรับสั่งให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ประชาชนต่างใจเสียและแตกตื่น
สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ (Wilhelmina of the Netherlands)
ในเวลานั้น ระบบโทรศัพท์ก็ไม่มีแล้ว รถเมล์และรถไฟก็หยุดวิ่ง ผู้คนต่างแตกตื่นและกังวลว่าจะไม่มีเสบียงและของใช้ที่จำเป็น ผู้คนจึงแห่กันซื้อของมาตุน ทำให้ร้านค้าต่างๆ ขาดสินค้า
สัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังแทบทุกวัน ทำให้ชาวเนเธอแลนด์ต่างกังวลและไม่เป็นสุข
ชาวยิวในเนเธอแลนด์หลายรายพยายามจะออกจากเนเธอแลนด์ทางเรือ แต่มีไม่กี่รายที่ทำได้สำเร็จ
ครอบครัวแฟรงค์ไม่ได้หนีออกไปจากเนเธอแลนด์ เนื่องจากโอม่านั้นก็แก่และสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถเดินทางไปไหนไกลๆ ได้
อ็อตโต้ได้พาครอบครัวย้ายมาอัมสเตอร์ดัมเพื่อหนีจากเยอรมัน แต่ในเวลานี้ กองทัพเยอรมันได้บุกมายังอัมสเตอร์ดัม และพวกเขาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกแล้ว
ทางรอดเดียวที่มีคือการ “หลบซ่อน”
ในที่สุด เยอรมนีก็ยึดเนเธอแลนด์ได้ ธงนาซีโบกสะบัดไปทั่วประเทศ และชีวิตของชาวเนเธอแลนด์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป โดยเฉพาะชาวยิว
ในเวลานี้ ชาวยิวทั้งหมดรวมทั้งเด็กๆ ต้องลงทะเบียนกับเยอรมัน เนื่องจากเยอรมันต้องการจะจับตาดูชาวยิว
ชาวยิวต้องจ่ายเงินเกือบทั้งหมดให้นาซี ธุรกิจก็ถูกยึด โดยอ็อตโต้ได้ยกบริษัทของตนให้เพื่อนที่ไม่ใช่ชาวยิวสองคน และเป็นคนที่ทำงานให้เขา
หนังสือที่เขียนโดยนักเขียนชาวยิวก็ถูกแบน ภาพยนตร์ที่สร้างโดยชาวยิวก็ถูกห้ามฉาย ชาวยิวจะไปดูหนังก็ไม่ได้
พ่อแม่ของแอนน์เข้าใจดีว่าลูกๆ นั้นเครียด พวกเขาจึงเช่าหนังและจอฉายเพื่อมาฉายหนังให้ลูกๆ ดูที่บ้าน
การโจมตีชาวยิวยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ในบ่ายวันเสาร์วันหนึ่ง กลุ่มทหารเยอรมันได้ทำการซ้อมและจับกุมชาวยิวจำนวน 400 คน จากนั้นจึงส่งไปเข้าค่ายกักกัน
ชาวเนเธอแลนด์ต่างโกรธแค้น พวกเขารวมตัวกันประท้วง โดยเวลาสิบโมงครึ่งของวันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ชาวเนเธอแลนด์ต่างหยุดงานทั่วประเทศ รถสาธารณะก็หยุด ร้านค้าปิด โรงงานก็หยุด
ชาวเนเธอแลนด์กำลังจะแสดงให้ฮิตเลอร์เห็นว่าชาวเนเธอแลนด์รังเกียจนาซี การที่นาซีกดขี่ชาวยิวเป็นสิ่งที่แย่และไม่มีความเป็นมนุษย์
แต่ถามว่ากองทัพเยอรมันยอมหยุดและทำดีต่อชาวยิวมั้ย?
คำตอบคือ “ไม่”
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา