6 ก.พ. 2020 เวลา 03:10 • ปรัชญา
#3 เล่มหนึ่ง บทที่1 หน้า 41~44
...
N : นี่หมายความว่าผมไม่สามารถขออะไรที่ผมต้องการได้เลยอย่างนั้นหรือครับ? พระองค์กำลังบอกผมใช่มั๊ยครับว่า ถ้าเราอธิษฐานขออะไรก็เท่ากับเป็นการผลักสิ่งนั้นออกไปจากตัวเราเอง?
G : นี่เป็นคำถามที่ถูกถามมาทุกยุคทุกสมัยและได้ตอบไปทุกคราวที่ถาม แต่เธอก็ "ยังไม่ได้ยิน" หรือไม่ก็ "ไม่เชื่อ" คำถามจะถูกตอบอีกครั้งด้วยถ้อยคำในภาษาปัจจุบันว่าอย่างนี้
เธอจะ "ไม่ได้สิ่งที่เธอขอ" หรือ "ไม่ได้รับสิ่งใดๆที่เธอต้องการ" เพราะ "การร้องขอคือคำประกาศถึงความขาดแคลน"
3
การบอกว่าเธอ "ต้องการ" สิ่งใดๆจะส่งผลให้เกิดประสบการณ์นั้นขึ้นมาในความเป็นจริงของเธอ นั่นคือ "จะเกิดประสบการณ์แห่งความต้องการ"*
1
[*ประสบการณ์แห่งความต้องการ คือประสบการณ์ของการ "ไม่มี" สิ่งนั้น เมื่อเรารู้สึก (คิด พูด) ว่าเราไม่มีสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา มันจึงเกิดประสบการณ์ของ "ความไม่มี" ขึ้นจริงในชีวิตเรา เพราะเราเป็นคนดึงดูดมันเข้ามา ด้วยความคิด ด้วยคำพูด ด้วยความรู้สึกของตัวเราเอง ~ แอดมิน]
2
การอธิษฐานที่ "ถูกต้อง" จึงมิใช่การอธิษฐานขอสิ่งต่างๆแต่เป็นการ "อธิษฐานเพื่อขอบคุณ"
4
เมื่อเธอ "ขอบคุณพระเจ้าล่วงหน้า" สำหรับสิ่งที่เธอเลือกจะประสบในชีวิตจริง ผลก็คือ "เธอได้รับรู้ว่ามันอยู่ที่นั่นกำลังให้ผลอยู่"
3
*การขอบคุณจึงเป็นคำกล่าวที่ทรงพลังที่สุดต่อพระผู้เป็นเจ้า
1
เป็นการ "ยืนยัน" ว่า "แม้ก่อนที่เธอจะร้องขอ ฉันก็ได้ให้เธอไปแล้ว"
*ดังนั้นอย่าวอนขอเลยแต่จงขอบคุณเถิด
2
N : แต่ถ้าผมขอบคุณพระเจ้าล่วงหน้าสำหรับบางสิ่งบางอย่างแล้วมันไม่เป็นจริงขึ้นมาซักทีล่ะ มันจะไม่ทำให้ผมรู้สึกขมขื่นหรือรู้สึกว่าถูกหลอกหรือครับ?
G : "สำนึกขอบคุณ" ไม่อาจใช้เป็นเครื่องมือครอบงำพระเจ้าหรือเป็นอุบายปั่นหัวจักรวาลได้หรอกนะ `เธอไม่อาจโกหกตัวเอง` `จิตใจของเธอรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่` หากเธอบอกว่าขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยที่ตลอดเวลารู้ชัดว่ามันไม่มีอยู่จริงในชีวิตของเธอ เธอก็ไม่อาจคาดหวังให้พระเจ้ารู้ชัดน้อยกว่าเธอแล้วเนรมิตสิ่งที่ไม่มีอยู่นั้นได้หรอก
2
*พระเจ้ารู้สิ่งเดียวกับที่เธอรู้และสิ่งที่เธอรู้นั่นเองที่จะปรากฏเป็นความจริงของเธอ
3
N : แล้วผมจะกล่าวขอบคุณสิ่งที่ผมรู้ว่าไม่มีอยู่แน่ๆได้ยังไงละครับ?
G : *ศรัทธาไง* ถ้าเพียงแต่เธอมีศรัทธาเท่าเมล็ดมัสตาร์ด เธอจะเคลื่อนย้ายขุนเขาได้เลย
4
เธอ "รับรู้" ว่ามันอยู่ที่นั่น เพราะฉันบอกว่ามันอยู่ที่นั่น เพราะฉันกล่าวอย่างนั้น
แม้ก่อนที่เธอจะร้องขอฉันก็มีคำตอบให้แล้ว เพราะฉันเคยบอกและได้บอกไว้ในทุกทางที่เธอจะนึกได้ ผ่านคุรุทุกคนที่เธอรู้จักว่าสิ่งใดก็ตามที่เธอเลือกและเลือกในนามของฉันมันจะเป็นไปตามนั้น
2
N : ถึงอย่างนั้นคนมากมายก็ยังบอกว่าคำอธิษฐานของพวกเขาไม่ได้รับการตอบสนองอยู่ดี
G : ไม่มีคำอธิษฐานใดไม่ได้รับการตอบสนอง
3
คำอธิษฐานไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคำกล่าวอย่างกระตือรือร้นถึง "สิ่งที่เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว"
ทุกคำอธิษฐานซึ่งก็คือ `ทุกความคิด `ทุกถ้อยคำ `ทุกความรู้สึก ล้วนแต่มีพลังสร้างสรรค์
3
ยิ่งถูกยึดมั่นอย่างแรงกล้าว่าเป็นความจริงมากแค่ไหน มันยิ่งปรากฏให้เห็นในระดับประสบการณ์ชีวิตของเธอมากแค่นั้น
4
ที่พวกเธอบอกว่าคำอธิษฐานไม่ได้รับการตอบสนองนั้น แท้จริงสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความคิด ถ้อยคำ หรือความรู้สึก "อันแรงกล้าที่สุดกำลังให้ผลอยู่ต่างหาก"
3
แต่สิ่งที่เธอต้องรู้ไว้ (และนี่เป็นความลับ) ก็คือ `มีความคิดซ่อนอยู่เบื้องหลังความคิดเสมอ` เราอาจเรียกว่า "ความคิดสนับสนุน"
1
ความคิดที่อยู่เบื้องหลังนี้ละคือตัวกำหนดผล
ดังนั้นเมื่อเธอ "วิงวอนขอ" ก็มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่เธอจะได้รับประสบการณ์ถึงสิ่งที่เธอคิดว่าตนกำลังเลือก ทั้งนี้เพราะความคิดที่อยู่เบื้องหลังทุกการ`วอนขอ`ก็คือ "ตอนนี้เธอยังไม่มีสิ่งที่ตนอธิษฐานขอเลย" ความคิดเบื้องหลังนี้เองจะกลายเป็นความจริงของเธอ
1
ความคิดสนับสนุนเดียวที่จะเอาชนะความคิดนี้ได้ก็คือ "ความคิดอันเปี่ยมศรัทธาว่าพระเจ้าจะให้ทุกสิ่งที่เธอขอเสมอ"
6
บางคนมีศรัทธาเช่นนี้แต่ก็หายากเต็มที
กระบวนการอธิษฐานจะง่ายขึ้นมากหากแทนที่จะต้องเชื่อว่าพระเจ้าจะ "ตอบรับทุกขอที่ร้องขอ" เธอสามารถหยั่งรู้ได้ว่า "ลำพังการขอนั้นก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น"
3
ดังนั้น "การอธิษฐานจึงเป็นการกล่าวขอบคุณ"
ซึ่งนั่น "ไม่ใช่การอ้อนวอนขอแต่อย่างใด"
1
*แต่เป็นการกล่าวขอบคุณที่ทุกสิ่งเป็นไปเช่นนั้น*
2
...
...
...
1
*กระบวนการที่เราคิด (เข้าใจ) ว่ามันเป็นไป...
ขอ (ไม่มี) ---> ได้รับ ---> ขอบคุณ
1
พระองค์สอนให้เรา `ขอบคุณ` เลยเพราะ
เรา`ได้รับแล้ว` จึงรู้สึก `ขอบคุณ` (ตามสมการ)
6
เปรียบเหมือนเวลาคนยื่นของให้เรา เราได้รับของในมือแล้ว เราก็ไหว้ขอบคุณ เราทั้งขอบคุณด้วยการกระทำ ด้วยคำพูด รวมทั้งยัง`รู้สึก`ขอบคุณ อยู่ภายในด้วย
ถ้าเราไม่รู้สึกขอบคุณก็แสดงว่าเราไม่มีสิ่งนั้นอยู่
2
ความคิด คำพูด ความรู้สึก มีพลังสร้างสรรค์
เมื่อเรารู้สึกว่าไม่มี พูดว่าไม่มี คิดว่าไม่มี ความไม่มีก็เลยปรากฏขึ้นในชีวิตเรา
3
ดังนั้นเราถึงต้อง "รู้สึกขอบคุณ" "คิดขอบคุณ" และ "พูดขอบคุณ" เพราะนี่เป็นการบอกออกไปว่าเรามีสิ่งนั้นอยู่แล้วเราถึงขอบคุณ
3
ยิ่งรู้สึก (คิด พูด) ขอบคุณอย่าง`ชัดเจน`เท่าไหร่
(รู้สึกขอบคุณอย่างท่วมท้น, แจ่มชัด, ชัดแจ้ง)
สิ่งที่เราอธิษฐานขอยิ่งปรากฏเร็วขึ้นเท่านั้น
4
และมันไม่ใช่เป็นเพราะขอแล้วจึงได้รับ หากเป็นการสร้างขึ้นมาด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ของตัวเราเองต่างหาก
3
แอดมิน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา