Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
8 ก.พ. 2020 เวลา 05:41 • ปรัชญา
#4 เล่มหนึ่ง บทที่ 1 หน้า 44 ~ 47
...
N : ที่พระองค์บอกว่า "การอธิษฐานก็คือคำกล่าวถึงสิ่งที่เป็นเช่นนั้น" พระองค์กำลังบอกว่า "พระเจ้าไม่ได้กระทำอะไรเลย" ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังการอธิษฐานเป็นผลมาจากตัวการอธิษฐานเองอย่างนั้นเหรอครับ?
G : หากเธอเชื่อว่าพระเจ้าคือผู้ทรงฤทธิ์ที่จะคอยฟังคำอธิษฐานทั้งหมด และจะบอกว่า "ได้" กับบางคน "ไม่" กับอีกคน และ "อาจจะ...แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ" กับคนที่เหลือ เธอก็เข้าใจผิดแล้วล่ะ
1
พระเจ้าจะเอากฏเกณฑ์จากไหนมาตัดสินใจแบบนั้น
หากเธอเชื่อว่าพระเจ้าคือผู้สร้างและผู้ลิขิตทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอละก็ "เธอเข้าใจผิดแล้ว"
1
*พระเจ้าคือผู้สังเกตการณ์ไม่ใช่ผู้กำหนดสร้าง*
2
แต่พระเจ้าจะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยเธอในการใช้ชีวิต ทว่าไม่ใช่ในวิถีทางที่เธอคาดคิดหรอก
"ไม่ใช่หน้าที่ของพระเจ้า" ที่จะสร้างหรือไม่สร้างเหตุการณ์หรือสภาวะการณ์ต่างๆในชีวิตของเธอ
2
พระเจ้าสร้างเธอตามฉายาลักษณ์ของพระเจ้า ส่วนเธอ *มีหน้าที่สร้างต่อหลังจากนั้นผ่านพลังที่พระเจ้าประธานให้*
2
พระเจ้าสร้างกระบวนการของชีวิตและตัวชีวิตอย่างที่เธอรู้จักขึ้นมา แต่ก็มอบ "ทางเลือกอิสระ" แก่เธอที่จะทำอย่างไรก็ได้กับชีวิตตามเจตจำนง
โดยลักษณาการนี้ *เจตจำนงที่เธอมีต่อตนเองก็คือเจตจำนงที่พระเจ้ามีต่อเธอนั่นเอง*
1
เธอก็ใช้ชีวิตไปตามที่เธอได้ใช้ชีวิตเถิด "ฉันไม่มีความชอบหรือไม่ชอบในเรื่องนี้หรอก"
"มายาภาพอันยิ่งใหญ่"* (ประการแรก) ที่เธอได้รับมาก็คือ พระเจ้าพอใจสิ่งที่เธอทำเพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น
*มายาภาพอันยิ่งใหญ่ หรือ สิ่งลวงหลอกอันใหญ่ยิ่งที่เราได้รับมาจากผู้อื่นนั่นล่ะ ในมุมมองของพระเจ้านั้นมันไม่มีหรอกสิ่งที่เรียกว่า "ดี" หรือ "ชั่ว" สำหรับพระองค์ มันไม่มีการแบ่งแยก (ให้ค่า) ออกมาเป็นสองสิ่งนี้หรอก ~ แอดมิน
1
ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะทำอะไร "นี่เป็นเรื่องยากที่เธอจะรับได้" เธอแคร์ไหมล่ะว่าลูกๆจะเล่นอะไรตอนออกไปเล่นนอกบ้าน มันเป็นปัญหากับเธอหรือเปล่าว่าพวกเขาจะเล่นไล่จับ ซ่อนหา หรือว่าเล่น ติ๊ต่าง `ไม่เลย` "เพราะเธอรู้ดีว่าพวกเขาจะปลอดภัย" เธอให้เด็กๆเล่นในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรอยู่แล้ว
แน่นอน เธอจะ `หวังอยู่เสมอ` ว่าพวกเขา `จะไม่ทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บ` แต่แม้จะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะไปอยู่ที่นั่นเพื่อ `ช่วยเหลือ` `รักษาบาดแผล` `ทำให้พวกเขาปลอดภัยดีอีกครั้ง` ให้มีความสุขเหมือนเดิมและออกไปเล่นได้ใหม่ในวันถัดไป และพรุ่งนี้ไม่ว่าพวกเด็กๆจะเล่นเกมอะไรก็ไม่สำคัญอะไรต่อเธออยู่ดี
แน่นอน เธอจะบอกถึงการละเล่นบางอย่างที่เป็นอันตราย แต่เธอไม่อาจหยุดยั้งพวกเขาจากการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ไม่ได้ ไม่ได้ตลอดไป ไม่ได้ตั้งแต่วินาทีนี้จนกระทั่งตาย พ่อแม่ที่ฉลาดจะรู้ดี
2
แต่พ่อแม่ไม่เคยหยุดห่วงใยถึง "ผลลัพธ์ที่จะติดตามมา" เรื่องนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกันเอง นั่นคือ *ไม่สนใจจริงจังนักเรื่อง`วิธีการ` แต่ห่วงใยถึง`ผลลัพธ์`มากกว่า* นี่ค่อนข้างใกล้เคียงกับคุณลักษณะที่ดูจะขัดแย้งกันเองของพระเจ้า
แต่ในอีกแง่หนึ่ง "พระเจ้าก็ไม่แคร์กระทั่งผลลัพธ์ด้วยซ้ำ" "ไม่ใส่ใจผลลัพธ์สุดท้าย" เพราะ "ผลลัพธ์บั้นปลายนั้นมั่นใจได้อยู่แล้ว"
และนี่คือ`มายาภาพอันใหญ่หลวงประการที่สอง` ของมนุษย์ นั่นคือ ผลบั้นปลายของชีวิตไม่อาจหยั่งรู้
2
"ความสงสัยผลลัพธ์สุดท้ายของชีวิต" ทำให้เธอต้องเผชิญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ *ความกลัว*
3
เพราะหากเธอสงสัยชีวิต เธอย่อมจะกังขาในผู้สร้าง เธอต้องสงสัยพระเจ้า เมื่อเธอสงสัยพระเจ้า เธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัวและรู้สึกผิดตลอดไป
2
หากเธอ`สงสัยในเจตจำนงของพระเจ้า` รวมทั้ง`ความสามารถของพระเจ้าที่จะมอบผลลัพธ์บั้นปลายให้เธอแล้ว` เธอจะผ่อนคลายได้อย่างไร? เธอจะพบความสงบสุขที่แท้ได้หรือ?
3
ทว่าพระเจ้ามีอำนาจเต็มเปี่ยมที่จะ "ผนวกเจตจำนงเข้ากับผลลัพธ์" *เธอไม่อาจและจะไม่เชื่อเรื่องนี้* (แม้เธอจะอ้างว่าพระเจ้าคือฤทธาอำนาจทั้งปวงก็ตาม)
เธอจึงต้องจินตนาการถึงอำนาจที่เท่าเทียมกับพระเจ้าขึ้นมาเพื่อหาวิธีที่เจตจำนงของพระเจ้าจะถูกขัดขวางได้
เธอจึงสร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ซาตาน" ขึ้นในตำนานปรัมปราต่างๆ และยังจินตนาการให้พระเจ้า`ทำสงครามกับสิ่งนี้` (ด้วยการคิดว่าพระเจ้าจะใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบเดียวกับเธอ) สุดท้ายเธอก็จินตนาการถึงขั้นว่าพระเจ้าสามารถ "พ่ายแพ้" ในการศึกนี้ได้
ทั้งหมดนี้หักล้างทุกอย่างที่เธอบอกว่าเธอรู้เกี่ยวกับพระเจ้า แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก "เธอมีชีวิตอยู่ในมายาการถึงได้รู้สึกถึงความกลัวขึ้นมา" ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการที่เธอตัดสินใจจะสงสัยในพระเจ้า
แต่ถ้าเธอจะ "ตัดสินใจใหม่"* ล่ะ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?
*ตัดสินใจ "เชื่อมั่นและศรัทธา" ในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ~ แอดมิน
1
ฉันจะบอกให้ว่า : เธอจะใช้ชีวิตเหมือน `พระพุทธเจ้า` `พระเยซู` หรือ `นักบุญทุกคนที่เธอเคารพบูชา` เลยล่ะ
3
ผู้คนจะไม่เข้าใจเธอเหมือนที่เกิดแก่นักบุญส่วนใหญ่ แล้วเมื่อเธอพยายามอธิบายถึง `ภาวะสันติสุขที่ได้รับ` `ความเบิกบานในชีวิต` หรือ `ความสุขอันลึกล้ำภายใน`
1
พวกเขาจะฟังถ้อยคำของเธอแต่ว่าไม่ได้ยิน
พวกเขาจะพยายามท่องจำคำพูดของเธอและอาจเพิ่มเติมบางอย่างเข้าไป
พวกเขาจะสงสัยว่าเธอ `มีสิ่งนี้ได้อย่างไร` ขณะพวกตนไม่อาจค้นพบ จากนั้นจะเกิดความริษยา แล้วความริษยาก็จะกลายเป็นโทสะ และด้วยความโกรธนั้น พวกเขาจะพยายามทำให้เธอเชื่อว่า *เธอต่างหากที่ไม่เข้าใจพระเจ้า*
เมื่อพรากเธอออกจากความสงบสุขไม่สำเร็จ พวกเขาจะหาทางทำร้ายเธอ คราวนี้ด้วยโทสะอันมากมาย แต่เมื่อเธอบอกว่า`ไม่เป็นไร` แม้ความตายก็ไม่อาจพรากความสุขสงบหรือเปลี่ยนความจริงที่เธอพบได้ พวกเขาก็จะฆ่าเธออย่างแน่นอนที่สุด ครั้งแลเห็นเธอยอมรับความตายอย่างสงบ พวกเขาก็จะเรียกเธอว่านักบุญ และกลับมารักเธออีกครั้ง
3
เพราะนี่คือธรรมชาติของมนุษย์ที่จะรักแล้วก็ทำลายแล้วก็รักอีกครั้งในสิ่งที่พวกเขาให้ค่าสูงสุด
...
...
...
*มายาภาพอันยิ่งใหญ่ทั้งสองประการของมนุษย์*
ที่พอเราเกิดขึ้นมาก็ได้รับการปลูกฝัง "จากภายนอก" ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
๏ หนึ่ง : พระเจ้าพอใจสิ่งที่เธอทำเพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น
[ซึ่งไม่จริงเลย อย่าเอาสิ่งที่มนุษย์`เป็น`(ในตอนนี้)
ไปยัดเยียดให้พระองค์]
๏ สอง : ผลบั้นปลายของชีวิตไม่อาจหยั่งรู้
[ไม่อาจหยั่งรู้ เพราะมันมีเหตุผลของมันอยู่ ซึ่งเราจะได้รู้ในตอนต่อๆไปที่หนังสือดำเนินไปถึง]
และมนุษย์แม้ว่าจะมีพลังอำนาจแบบเดียวกับพระเจ้า แต่มนุษย์ไม่เข้าใจ (ลืม) ถึงพลังอำนาจที่ตัวเองมี จึงใช้มันไม่เป็น เพราะมนุษย์ก็ใช้มันอยู่ตลอดแต่`ไม่รู้ตัว`ว่ากำลังใช้มันอยู่
3
หนังสือชุดนี้ จะทำให้เรา "จำได้" อีกครั้ง
ถึงพลังอำนาจที่เรามี และใช้มันได้อย่าง`รู้ตัว`
2
แอดมิน
บันทึก
3
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย