11 ก.พ. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) ประธานาธิบดีผู้ครองใจอเมริกันชน” ตอนที่ 2
ชีวิตวัยเรียน
ถึงแม้จะร่ำรวย แต่โจเซฟและโรสก็ต้องการให้ลูกๆ รู้คุณค่าของเงิน
ลูกๆ ของทั้งคู่ได้รับเงินค่าขนมจำกัด ไม่สามารถสุรุ่ยสุร่ายได้ โดยขณะที่แจ๊คอายุได้ 10 ขวบ เขาได้ค่าขนม 40 เซ็นต์
ในเวลานั้น ไอศครีมหนึ่งถ้วยราคาประมาณ 10 เซ็นต์ ส่วนหนังสือการ์ตูนประมาณห้าเซ็นต์
แต่ต่อมา แจ๊คได้เป็นลูกเสือ เขาจึงต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น แจ๊คจึงได้เขียนจดหมายถึงพ่อ มีใจความว่า
1
“ในเมื่อตอนนี้ผมเป็นลูกเสือแล้ว ผมจำเป็นต้องซื้อของใช้จำเป็น ผมจึงจะขอขึ้นค่าขนมอีก 30 เซ็นต์เพื่อใช้จ่ายส่วนตัวมากขึ้น”
โจเซฟประทับใจในความช่างเจรจาของแจ๊ค เขาจึงเก็บจดหมายนี้ไว้และขึ้นค่าขนมตามที่แจ๊คขอ
ค.ศ.1930 (พ.ศ.2473) แจ๊คได้เข้าเรียนโรงเรียนเอกชนที่คอนเนคทิคัต แต่ช่วงเวลาที่โรงเรียนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับแจ๊ค
แจ๊คมักจะรู้สึกเหงาและคิดถึงบ้าน อีกทั้งในเวลาต่อมา เขาก็มีไข้สูงและยังมีลมพิษอีกต่างหาก พอถึงวันหยุดอีสเตอร์ แจ๊คก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดใส้ติ่ง
ภายหลังจากผ่าตัด แจ๊คก็ยังคงป่วยและไม่ได้กลับไปเรียนที่คอนเนคทิคัต
ในเวลาต่อมา แจ๊คได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนประจำอีกแห่งหนึ่งในคอนเนคทิคัต ซึ่งเป็นโรงเรียนที่โจ จูเนียร์ พี่ชายของเขาเรียนอยู่
ขณะเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำ แจ๊คไม่ได้เป็นนักเรียนที่โดดเด่นหรือเก่งกีฬา แต่เขามีความชอบเรื่องของประวัติศาสตร์ และเขายังชอบงานเขียนอีกด้วย โดยเขาเป็นนักเรียนคนเดียวในโรงเรียนที่บอกรับเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ New York Times
แต่ยังไงก็ตาม แจ๊คก็รู้สึกอึดอัดกับการเป็นน้องของโจ จูเนียร์
แจ๊คได้กล่าวถึงโจ จูเนียร์ในภายหลังว่า
“โจเป็นดาวประจำครอบครัว เขาทำทุกอย่างได้ดีกว่าพวกเราทุกคน”
แจ๊คและโจ จูเนียร์
แจ๊คนั้นหงุดหงิดและอึดอัดใจ เขาไม่อยากจะถูกเปรียบเทียบกับโจ จูเนียร์ ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะได้
แจ๊คจึงพยายามที่จะทำทุกอย่างตรงข้ามกับโจ จูเนียร์
โจ จูเนียร์เป็นนักเรียนที่จริงจัง เอาการเอางาน แจ๊คจะทำตัวสบายๆ ไม่เคร่งเครียด โจ จูเนียร์นั้นรอบคอบและคิดเยอะ แต่แจ๊คจะหัวแข็งและกล้าได้กล้าเสีย
โจ จูเนียร์อาจจะเป็นดาวประจำครอบครัวที่ทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ แต่แจ๊คก็ทำให้น้องๆ รักและชื่นชมด้วยความร่าเริงและเป็นกันเอง
แจ๊คอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวในครอบครัวใหญ่อย่างนี้เป็นบางเวลา แต่เขาก็รักพี่น้องทุกคน และในบรรดาพี่น้องตระกูลเคนเนดี้ ก็ได้มีสายสัมพันธ์บางอย่างที่แยกพวกเขาไม่ออก
ภายหลังจากจบมัธยม แจ๊คตัดสินใจไม่เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่พ่อและโจ จูเนียร์เคยศึกษา
แจ๊คไม่ต้องการจะเดินตามรอยของพ่อและพี่ชาย เขาจึงเลือกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน แต่เขาก็ไม่ค่อยมีความสุขนักและตัดสินใจย้ายมาฮาร์วาร์ดในภายหลัง
ขณะศึกษาในมหาวิทยาลัย ผลการเรียนของเขาก็ไม่ได้ดีโดดเด่น แต่แจ๊คก็ยังฝันถึงความสำเร็จและวันข้างหน้าที่รุ่งเรือง
ขณะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น แจ๊คอยากจะเป็นดาวเด่นทางด้านกีฬา เขาจึงเข้าร่วมกับทีมอเมริกันฟุตบอลของมหาวิทยาลัย
แต่ขณะฝึกซ้อม แจ๊คเกิดได้รับบาดเจ็บที่หลังและต้องออกจากทีม แจ๊คจึงเข้าร่วมกับชมรมว่ายน้ำแทน
ถึงแม้แจ๊คจะมีผลการเรียนในระดับกลาง แต่อาจารย์ต่างก็ประทับใจแจ๊ค เนื่องจากแจ๊คนั้นเป็นคนช่างคิดและถนัดทางด้านการเขียน
ขณะอยู่ที่ฮาร์วาร์ด แจ๊คก็มีเพื่อนมากมาย และเขายังถูกเชิญให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหนึ่งในชมรมของมหาวิทยาลัย ซึ่งโจ จูเนียร์ไม่ได้รับเชิญ
ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) ขณะยังคงศึกษาที่ฮาร์วาร์ด โจเซฟ พ่อของแจ๊คได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูต และต้องเดินทางไปสหราชอาณาจักร
ครอบครัวเคนเนดี้ได้ย้ายไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยแจ๊คซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ดก็จะเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวในเวลาที่ปิดเทอม
ขณะอยู่ที่ลอนดอน แจ๊คก็ได้ให้ความสนใจกับการเมืองของยุโรป
แจ๊คยังไม่กลับไปเรียน แต่ได้ใช้เวลาของฤดูใบไม้ผลิ ปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) ท่องเที่ยวไปในหลายประเทศในยุโรป โดยเขาได้ทำการจดบันทึกถึงสิ่งที่เห็น เรื่องที่ได้ยิน และการเดินทางนี้ก็ทำให้เขาได้เห็นโลกกว้าง
กันยายน ค.ศ.1939 (พ.ศ.2482)เยอรมนีได้รุกรานโปแลนด์และสงครามโลกครั้งที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้น
แจ๊คได้กลับไปเรียนที่ฮาร์วาร์ด แต่ช่วงเวลาที่ยุโรปได้เปลี่ยนแปลงแจ๊ค
เมื่อกลับมาเรียน เขากลายเป็นนักศึกษาที่จริงจัง เขาเริ่มเรียนหนักและตั้งใจเรียนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
แจ๊คได้เขียนเปเปอร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมอังกฤษถึงยังไม่พร้อมจะทำสงคราม ซึ่งเปเปอร์ของแจ๊คนี้ยาวมาก
เมื่อเขียนเสร็จ แจ๊คได้ส่งเปเปอร์ไปให้พ่อของเขาดู โดยเขาเขียนจดหมายแนบไปด้วย โดยจดหมายเขียนว่า
“เปเปอร์นี้แสดงถึงงานของผมมากยิ่งกว่างานไหนๆ ที่ผมเคยทำมาในชีวิตนี้”
โจเซฟได้ลองอ่านเปเปอร์ของแจ๊ค และเขาก็ประทับใจมาก
โจเซฟคิดว่างานเขียนของแจ๊คนั้นดีมากจนน่าจะสามารถตีพิมพ์ได้ เขาจึงติดต่อสำนักพิมพ์เพื่อให้ตีพิมพ์เปเปอร์ของแจ๊ค
กรกฎาคม ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) “Why England Slept” หนังสือของแจ๊คก็ได้รับการตีพิมพ์และกลายเป็นหนังสือขายดีในทันที
ในเวลานี้ สงครามได้แผ่ขยายไปทั่วโลก อิตาลีและญี่ปุ่นได้เข้ากับเยอรมนี โดยในตอนแรก ฝรั่งเศสและอังกฤษยังคงเฝ้าดูทีท่าก่อน โดยทั้งสองประเทศนี้คิดว่าควรจะหาทางรักษาสันติภาพกับเยอรมนีเอาไว้ก่อน แต่ภายหลังต่างก็ต้องประกาศสงครามต่อเยอรมนี
ต่อมา 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ญี่ปุ่นได้โจมตีฐานทัพอเมริกันที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ทำให้มีคนเสียชีวิตกว่า 2,400 คน บาดเจ็บอีกกว่า 1,100 คน และทำให้สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามต่อญี่ปุ่นในทันที
ญี่ปุ่นนั้นเป็นพันธมิตรกับเยอรมนี เท่ากับสหรัฐอเมริกาได้ประกาศสงครามต่อเยอรมนีด้วย
สงครามนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และชีวิตของแจ๊คก็ต้องเจออะไรอีกเยอะ
ชีวิตของแจ๊คจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้าครับ
โฆษณา