15 ก.พ. 2020 เวลา 14:23 • บันเทิง
𝗿𝗲𝘃𝗶𝗲𝘄 𝗯𝘆 𝗰𝗮𝗸𝗲. 𝗘𝗣.𝟭𝟲
released date: 14 Feb 2020
𝗖𝗵𝗮𝗻𝗴𝗲𝘀 (album) - 𝗝𝘂𝘀𝘁𝗶𝗻 𝗕𝗶𝗲𝗯𝗲𝗿
อัลบัมที่หลายๆ คนเฝ้ารอ อัลบัมใหม่ของ Justin Bieber ก็ได้ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันสักที อัลบัมนี้จัสตินได้เปลี่ยนแนวเพลง จากเพลงป็อปมาเล่นเพลง R&B ที่กำลังดังในขณะนี้ แต่หลังจากที่ปล่อยซิงเกิลแรกที่ชื่อ ‘Yummy’ มานั้น ก็เจอกระแสตอบรับทั้งในด้านดีและด้านลบ (แต่ส่วนมากจะเป็นด้านลบมากกว่า) ด้วยความที่ซิงเกิลแรกมันต่ำกว่าความคาดหวังของใครหลายๆ คน (รวมถึงเราด้วย) ทำให้คนก็จับตากันว่า อัลบัมนี้จะรุ่งหรือจะร่วงกันแน่นะ??? แต่ก่อนอื่นเลย อย่างแรกที่ขอบ่นก่อนเลยก็คือปกอัลบัม ทำไมมันดูธรรมดาจังหนิ - -
ป.ล. สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านรีวิวเพลง Yummy เราเคยเขียนไว้ให้แล้ว เป็นรีวิวเเรกของเพจเลย ไปอ่านกัน ⇩
อัลบัมใหม่นั้นจะเป็นยังไง จะสมกับการรอคอยมั้ย จะมีอะไรดีๆ ให้เราฟังบ้าง ไปฟังกันเลย!
เพลงแรก ‘All Around Me’ เพลงเปิดอัลบัมเพลงนี้ยังมีความเป็นป็อปแนวๆ ที่เราคุ้นเคยกันอยู่ เหมาะกับเป็นเพลงเปิดอัลบัมได้ดีนะ ทั้งในด้านความหมายและการบิ้วอารมณ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ฟังแล้วเป็นการเริ่มต้นของอัลบัม ยังไม่มีบีทแทร็ปอะไรให้รกหู ฟังง่ายๆ ดี
เพลงที่ 2 ‘Habitual’ เพลงนี้บีทแทร็ปเริ่มมา เป็นการเปิด R&B era อย่างเป็นทางการ ทำนองเป็นบีทเนิบๆ ไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็บิ้วอารมณ์ได้ดี ท่อนฮุคจัสตินร้องสมูทดี ฟังเพลินๆ แต่เอาจริงๆ ยังไม่รู้สึกถึงความเป็น R&B เท่าไหร่นะ ถ้าไม่นับทำนองเพลง เพราะเสียงจัสตินมันป็อปจ๋ามากอ่ะ 5555
เพลงที่ 3 ‘Come Around Me’ เพลงนี้ดูเป็น generic R&B มากเลยอ่ะ เเบบธรรมดามากกกก ทั้งทำนองทั้งการร้อง บีทนี่เหมือนยกมาจากปี 2009 เลย ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ ไม่เอาแนวนี้ในอัลบัมนะ ขอร้อง = =
เพลงที่ 4 ‘Intentions’ เพลงนี้ได้ Quavo จาก Migos มาร่วมแร็ปด้วย และเพลงนี้เป็นซิงเกิลที่สองของอัลบัม ซึ่งให้ฟีลลิ่งเหมือนเพลงที่ 3 เลยคือแมสมากกกก เป็น R&B ที่ธรรมดามากๆ แบบใครๆ ก็ร้องได้จริงๆ อ่ะ ไม่ได้โชว์ความพิเศษของจัสตินเลย เพลงนี้เนื้อหาคืออวดเมียแบบไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว แถมเนื้อหาก็คือตลกสุดๆ ด้วย แบบงงไปหมด 😂 เพลงนี้มีข้อดีอย่างเดียวน่าจะเป็นความติดหู ด้วยความที่ทำนองมันแมสๆ กับการลงบาร์ร้องที่เบสิก เลยทำให้มันออกมาติดหู แต่ความติดหูนั้นเมื่อฟังไปไม่กี่ครั้งก็กลายเป็นความเบื่อและรำคาญ สรุปเพลงนี้เป็นตัวอย่างเลยว่า มันมีเเค่เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างเพลงน่ารำคาญกับเพลงติดหู
เพลงที่ 5 ‘Yummy’ lead single ของอัลบัม พังจนไม่รู้จะพังยังไง ไปอ่านรีวิวได้ที่ลิงค์ด้านบน
เพลงที่ 6 ‘Avaliable’ เพลงนี้ดีกว่าสามเพลงที่ผ่านมาหน่อย ชอบสไตล์การร้องของจัสตินในเพลงนี้ ดูมีความเป็น R&B จริงๆ จังๆ สักที ถามว่าดีขนาดน่าจดจำมั้ยก็คือไม่ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดต้องกดข้ามไรงี้
เพลงที่ 7 ‘Forever’ ที่ได้ Post Malone และ Clever มาร่วมแจม เพลงนี้บีทท่อนฮุคหนักดี และได้เห็นจัสตินทั้งร้องทั้งแร็ปเลย ถึงเเม้ว่าจะไม่ค่อยเหมือนแร็ปก็เถอะ 😂 มันมีความแมสอยู่ แต่ก็มีความพิเศษในตัว แล้วก็แขกรับเชิญอย่าง Post Malone และ Clever ก็คือช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้เพลงอยู่ เสียดายโผล่มาน้อยไปหน่อย น่าจะให้ร้องยาวกว่านี้ (ปกติไม่ชอบ Post Malone นะ แต่เพลงนี้ร้องดีจริง)
เพลงที่ 8 ‘Running Over’ ที่ได้ Lil Dicky มาร้องด้วย เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ generic มากๆ ทั้งการร้องและทำนอง และเสียงของ Lil Dicky มันดูง้องแง้งมากเลยอ่ะ เข้าใจว่าเสียงของเจ้าตัวมันก็เป็นแบบนี้แหละ แต่มันไม่เข้ากับเพลงของจัสตินเลยอ่ะ เปิดข้ามไปเลยจ้า ~
เพลงที่ 9 ‘Take It Out On Me’ เพลงนี้ให้ฟีล mixtape ‘Journals’ ของเจ้าตัวที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2013 คือความบีทดาร์คๆ หน่อย และสไตล์การร้องในเพลงนี้ก็เข้ากับบีทดี ฟังแล้วอาจจะอึนๆ ถ้าเทียบกับเพลงอื่น แต่เพลงนี้ก็ถือว่าดีกว่าหลายๆ เพลงในอัลบัมอยู่นะ
เพลงที่ 10 ‘Second Emotion’ ที่ได้ Travis Scott มาร้องด้วย เพลงนี้ให้ mixed feelings มากๆ ความรู้สึกแรกคือมันแมสมากๆ ด้วยบีทและด้วยเนื้อร้อง แต่ก็มีอีกความรู้สึกนึงคือมันก็มีความดีงามอยู่นะ ให้อารมณ์แร็ปยุคใหม่ดี แบบให้สองอารมณ์เหมือนชื่อเพลงเลย 5555 เเต่ท่อนร้องของ Travis Scott คือน้อยมากกกกก แบบไม่คุ้มเลยอ่ะ แทบไม่ได้ช่วยอะไรเพลงเลย เหมือนเเค่เอาชื่อมาแปะเรียกยอดสตรีมเฉยๆ งี้ เอาเป็นว่าเพลงนี้ดีบางจุด และแย่บางจุด ไม่ได้ชอบหมด 100%
เพลงที่ 11 ‘Get Me’ ที่ได้ Kehlani มาร้องด้วย เพลงนี้ถูกตัดเป็น promotional single ของอัลบัมที่พอฟังมาถึงจุดนี้จะพบว่าเพลงนี้ค่อนข้างแตกต่างจากเพลงอื่นในอัลบัมเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เพลงนี้เป็นเพลงที่บีทช้าๆ ร้องก็ช้าๆ เลยเหมือนเป็นตัวเบรคอารมณ์ของอัลบัมไปในตัว แต่ถามว่าเพลงมันดีขนาดนั้นมั้ยก็คือไม่อ่ะ แบบไม่ติดหู ร้องก็ไม่ได้พิเศษอะไร แถมแขกรับเชิญที่เราชอบมากๆ อย่าง Kehlani ก็ช่วยอะไรเพลงไม่ได้ เพลงนี้ชอบสุดก็คือท่อนที่นางร้องนี่เอง ที่เหลือคือกรอข้ามไป
เพลงที่ 12 ‘E.T.A.’ เพลงนี้เป็นป็อปช้าๆ คล้ายๆ เพลงเเรกของอัลบัม เอาจริงเราชอบแนวเพลงแบบนี้ของจัสตินมากกว่าที่ร้อง R&B อีกนะ รู้สึกว่ามันเรียลกว่าอ่ะ เป็นตัวของตัวเองมากกว่า และทำได้ดีกว่าอีก ใครคิดถึง the old Bieber ให้ฟังเพลงนี้เลย
เพลงที่ 13 ‘Changes’ เพลงที่ชื่อเดียวกับอัลบัม เพลงนี้ยังคงฟีลจากเพลงก่อนหน้ามา มีความป็อป acoustic คล้ายๆ Love Yourself ของอัลบัมก่อน เนื้อเพลงก็คือบอกเกี่ยวกับว่าชีวิตตัวเองต้องเจออะไรมาบ้าง และตัวเองนั้นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเท่าไหร่แล้ว ก็คือดูเป็นเพลงที่ความหมายดูมีอะไรที่สุดในอัลบัมละ (แต่ถ้าพูดกันในแง่ที่เจ้าตัวเปลี่ยนสไตล์การร้องจากป็อปมาเป็น R&B ก็คือพังมากเลยนะ เปลี่ยนกลับเถอะ ยังไม่สายนะ)
เพลงที่ 14 ‘Confirmation’ เพลงนี้เป็นป็อปที่อัพบีทขึ้นมานิดนึง (นิดเดียวจริงๆ) มีความเป็น Justin อัลบัมก่อนๆ ช่วงสองสามเพลงมานี่เหมือนเป็นคนละอัลบัมกับครึ่งแรกเลยนะ มันให้คนละฟีลจริงๆ อ่ะ 555
เพลงที่ 15 ‘That’s What Love Is’ เพลงนี้มีกีต้าร์ด้วยยย เหมือนฟีลเพลงแต่งงานเลย ชอบเพลงนี้อยู่นะ ฟีลคล้ายๆ 1000 Hours ที่ไปร้องกับ Dan + Shay ก็คือเพลงนี้เหมือนเป็นภาคต่อเลย ถ้าได้ Dan + Shay มา feat. ด้วยอีกนี่ใช่เลย 55555
เพลงที่ 16 ‘At Least For Now’ เพลงปิดอัลบัมอย่างไม่เป็นทางการ (เพราะเพลงสุดท้ายคือรีมิกซ์ของ Yummy) เพลงนี้ให้ฟีลเดียวกับเพลงแรกของอัลบัม ป็อปฟังสบายๆ แนวที่เข้ากับเสียงนุ่มๆ ของจัสตินได้ดี เป็นป็อปสไตล์ที่เหมาะกับจัสตินที่สุดจริงๆ (ย้ำครั้งที่ล้าน)
เพลงสุดท้าย ‘Yummy (Remix)’ ที่เพิ่มความเป็น R&B เข้าไปโดยการเอา Summer Walker มาร้องด้วย ซึ่งลองคิดดูเอาว่าขนาดตัว Summer เองยังทำให้เพลงดีขึ้นมาได้แค่นิดเดียวเแงอ่ะ เพลงมันพังพินาศจริงๆ นะ เวอร์ชั่นนี้มีดีแค่ท่อนที่ Summer ร้องจริงๆ ส่วนเวอร์ชั่นแรกคือไม่มีอะไรดีเลย (มีข่าวว่าจัสตินจะทำ Country Remix อีก ขอบอกก่อนว่าไปพักเถอะ อย่าเข็นเลยเพลงนี้ มันไม่ได้มีดีอะไรเล้ยยยยยย เพลีย)
สรุปแล้ว อัลบัมนี้มีทั้งพาร์ทที่พอใช้ได้ และพาร์ทที่ย่ำแย่มาก โดยพาร์ทที่ใช้ได้อยู่ก็คือพาร์ทครึ่งหลังของอัลบัมที่เน้นป็อปสไตล์เดิมซะส่วนใหญ่ แต่ส่วนที่พังพินาศก็คือพาร์ทที่พยายามจะทำตัวเองให้เป็น R&B นั่นเอง แต่ด้วยความ wannabe นี้ทำให้เพลงมันกลายเป็น generic R&B ซะส่วนใหญ่เลย น้ำเสียงของบีเบอร์มันไม่เข้ากับเพลงแนวนี้จริงๆ นะ ถึงเจ้าตัวจะชอบแนวเพลงนี้ขนาดไหนแต่ถ้าเสียงมันไม่ได้ก็เลิกพยายามเถอะ ดูจากเสียงวิจารณ์ และกระแสต่างๆ แล้วคือคนไม่เห็นด้วยซะส่วนใหญ่เลย ขนาดเพลงเปิดอัลบัมยังไม่สามารถขึ้นอันดับหนึ่งได้ ทั้งๆ ที่อัลบัมที่แล้วคือฟาดอันดับหนึ่งไปสามเพลง คิดดูว่าอัลบัมนี้กระแสน้อยกว่าอัลบัมที่แล้วแค่ไหน
นอกจากนี้ถ้าเทียบกับอัลบัมก่อนๆ ของบีเบอร์ ก็คืออัลบัมนี้ชอบน้อยกว่าอัลบัมก่อนๆ มาก ด้วยความที่อัลบัมนี้เจ้าตัวเปรยมานานมากว่าจะทำเป็นแนว R&B ซึ่งธรรมชาติของเพลงแนวนี้มันต้องดูเนื้อหาน่าจดจำ ไม่ก็เนื้อหาไม่ธรรมดาหน่อยใช่มะ แต่อัลบัมของจัสตินนี้มันเนื้อหาธรรมดามากๆ เลยอ่ะ แบบใครๆ ก็แต่งได้ ใครๆ ก็ร้องได้ อาศัยแค่บารมีของบีเบอร์อย่างเดียวที่ทำให้อัลบัมนี้พออยู่รอดได้ และที่สำคัญเลยคือการที่เราได้เห็นบีเบอร์แต่งงานแล้ว เราก็คาดหวังว่าอัลบัมนี้จะมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จะได้เห็นแนวการร้องที่โชว์ศักยภาพของบีเบอร์ออกมา แต่กลายเป็นว่าอัลบัมนี้ของบีเบอร์ไม่ตอบโจทย์อะไรเลยสักอย่าง ตั้งแต่เนื้อเพลงที่เหมือนเด็กเพิ่งจีบแฟนครั้งแรก แนวเพลงที่เหมือนเพลงป็อปที่พยายามเอา trap music มาใส่ให้ดูมีความ swag มากขึ้น ไม่เห็นถึงความก้าวหน้าของบีเบอร์เลยสักด้าน และที่แย่เข้าไปอีกคือการเอาแขกรับเชิญระดับ A-list ไม่ว่าจะเป็น Post Malone หรือ Travis Scott มาร้อง แต่กลับให้ซีนน้อยมากกกกกกก ไม่โอเคสุด
อัลบัมหน้าไม่เอาอย่างงี้นะ กลับไปป็อปเถอะ ด้วยความห่วงใย
Changes (album): 6/10
meh.
top tracks: habitual, E.T.A., changes, confirmation, that’s what love is

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา