15 ก.พ. 2020 เวลา 16:06
"ศิลปะด้านมืดของคน"
หลายๆบทความของผมได้นำเสนอ ในด้านบวกมาเยอะแล้ว เดี๋ยวผู้อ่านจะเข้าใจผิด คิดว่าเพจนี้เป็นเพจธรรมะ
จุดประสงค์ของเพจนี้คือนำเสนอถึงความหลากหลายของผู้คน เมื่อมีความสว่างย่อมมีความมืด แสงแดดส่องไปที่ใด ที่นั่นย่อมมีเงา
ใช่แล้วครับ ผมจะพาท่านมารู้จักกับด้านมืดของมนุษย์ หรือต่อให้คนดีเองก็เถอะ แม้จะเป็นคนดีย่อมมีอดีต และมีด้านมืดของตัวเอง
ขอเริ่มต้นที่ฝั่งเอเชียก่อนเลยนะครับ ถ้าพูดถึงเอเชียดินแดนที่มีเรื่องราวเยอะ อันดับต้นๆของโลกคงไม่พ้นประเทศจีน เราไปดูด้านมืดของบุคคลดังๆสมัยประวัติศาสตร์จีนกัน ผมขอเลือกยุคที่ดังที่สุดล่ะกัน
ใช่ล่ะครับยุค 3 ก๊ก เกิดขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ฮั่น เป็นสมัยที่เกิดการรบพุ่งไปทั่ว เพื่อแย่งชิงดินแดนภายในประเทศ โดยแผ่นดินแบ่งออกเป็น 3 ก๊ก ได้แก่ วุยก๊ก จ๊กก๊ก และง่อก๊ก โดยผมจะขอยกตัวอย่างเป็นผู้นำทั้ง 3 คนของ 3 ก๊กล่ะกัน เพราะถ้ายกมาหมดจะกินเนื้อหามากเกินไป
คนแรกที่จะกล่าว คือ โจโฉ ผู้นำแห่งวุยก๊ก เมื่อพูดถึงโจโฉนี่ด้านมืดปกคลุมฟ้าเลยครับ พี่แกดาร์คมาก แต่ก็ถือว่าเป็นวีรบุรุษผู้เหี้ยมหาญแห่งยุคนั้น ทั้งปราบโจรโผกผ้าเหลือง รบกับโจรกบฎ พยายามรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น และมีสติปัญญามาก
ด้านมืดโจโฉ
มีครั้งหนึ่งโจโฉพยายามจะสังหารตั๋งโต๊ะ ผู้ทรงอิทธิพลในช่วงนั้น เจ๋งขนาดคุมฮ่องเต้ไว้ในกำมือ แต่พี่โจแกก็บุกเดี่ยวแอบตีเนียนตอนเขาหลับจะไปสังหารเขา แต่พอพลาดก็หนีหัวซุกหัวซุน ไปอาศัยเพื่อนพ่อเพื่อหลบภัย แต่ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าครอบครัวของเพื่อนพ่อคนนี้ จะฆ่าตัวเองเพื่อเอาเงินรางวัล เลยชิงฆ่าเขาทั้งตระกูลเลย พอมารู้ความจริงว่าเข้าใจผิด ยังไปฆ่าเพื่อนพ่อที่ออกไปซื้อเหล้าข้างนอกอีก เพื่อปิดปาก... คนนี้แหละครับเจ้าของ
วลีเด็ด "ข้าทรยศคนทั้งโลกได้ แต่จะไม่ยอมให้ใครทรยศข้า"
เมื่อโจโฉไปแล้วคนต่อไปก็เป็นเล่าปี่ เล่าปี่เป็นผู้นำแห่งจ๊กก๊ก ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้มีคุณธรรม ดังนั้นในวรรณกรรมสามก๊กเล่าปี่เลยกลายเป็นพระเอกเลย แต่คนเราย่อมมีด้านมืด
1
ด้านมืดของเล่าปี่
ด้วยความที่สมัยก่อนเล่าปี่เป็นคนยากจน จึงต้องอาศัยพึ่งพิง ชาวบ้านเขาไปทั่ว มีอยู่ครั้งหนึ่งเล่าปี่ไปอาศัยพึ่งพิงกับโจโฉ แล้วขอทหารโจโฉทำท่าจะไปปราบศัตรูให้ แต่สุดท้ายก็ฮุบทหารเป็นของตนเองแล้วหนีโจโฉไป ภายหลังเล่าปี่ยังยืมเมืองจากซุนกวนผู้นำของง่อก๊กแล้วไม่คืน ฮุบไปอีกเช่นเคย และนอกจากนี้ยังบุกยึดดินแดนของญาติตัวเองอีก ถ้าใครมีเพื่อนอย่างเล่าปี่อย่าให้ยืมตังเลยนะครับ
คนต่อไปคือซุนกวนผู้นำแห่งง่อก๊ก ผู้นำคนนี้มีเชื้อขุนนาง จึงเป้นผู้นำที่มีความรู้ และสติปัญญามาก เก่งในการปกครองคน
ด้านมืดของซุนกวน
ช่วงตอนมาบริหารงานใหม่ๆ แทนพ่อ และพี่ชายที่จากไป ซุนกวนทำหน้าที่ได้ดีมากเป็นนักปกครองที่ดี เลือกใช้งานคนเก่ง แม้อายุน้อยก็ให้โอกาสแสดงฝีมือ ทำให้ง่อก๊กยิ่งใหญ่ แต่พอภายหลังจากที่ซุนกวนตั้งตัวเป็นฮ่องเต้แล้ว จากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยครับ เอาแต่ลุ่มหลงสุรานารี ไม่สนใจในการบริหารบ้านเมือง ไม่สนใจและรับฟังขุนนางที่ความสามารถเหมือนเมื่อก่อน และลงโทษขุนนางโดยไม่มีเหตุสมควร จนง่อก๊กค่อนข้างจะเหลวแหลกในช่วงนั้น
1
ฝั่งเอเชียผมแถมให้อีกสักคน จากจีนแผ่นดินใหญ่ คราวนี้มาที่เกาะเล็กๆอย่างญี่ปุ่นกันบ้าง ถ้าเอ่ยถึงญี่ปุ่น ต้องนึกถึงซามูไร แล้วซามูไรที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ มิยาโมโต้ มุซาชิ เป็นซามูไรไร้พ่าย ต่อสู้มาทั้งหมด60ครั้ง ไม่เคยแพ้ใคร
ด้านมืดมุซาชิ
แม้ว่ามุซาชิจะถือเป็นยอดนักดาบไร้พ่าย แต่เขาก็คือปีศาจ ที่ฆ่าคนอย่างเยือกเย็น ถ้าฆ่าผู้ใหญ่ด้วยกันก็พอเข้าใจได้ แต่มีครั้งหนึ่งที่มุซาชิโดนลุม70 ต่อ 1 โดยผู้นำในครั้งนั้นชื่อ เคนจิโร่ ซึ่งเป็นเด็กอายุ13 ปี ทั้งๆที่เด็กเป็นแค่หุ่นเชิดของตระกูล(โดนบังคับมา) และกลัวมุซาชิจนตัวสั่น แต่มุซาชิไม่สนใจฟันเด็กอายุ 13 หัวขาดกระเด็น
1
คราวนี้มาทางฝั่งยุโรปกันบ้าง
ด้านมืดของอับราฮัม ลินคอล์น
นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองอเมริกา ลินคอล์นกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ แต่จดหมายส่วนตัวของเขากลับบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างออกไป ซึ่งจริงๆ แล้วเจตนารมณ์ของเขาที่แท้จริงไม่ใช่การปลดปล่อยทาส แต่เป็นการช่วย “สหภาพ” โดยในปี ค.ศ. 1862 เขาเขียนจดหมายถึง โฮเรซ กรีลีย์ บรรณาธิการของ New York Tribune ว่า “ถ้ามันสามารถช่วยสหภาพได้ โดยไม่ต้องปลอดปล่อยทาส ผมจะทำมัน”
1
ด้านมืดของวินสตัน เชอร์ชิล
รัฐบุรุษชาวอังกฤษ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย เขาคือผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสงครามของศตวรรษที่ 20 นอกจากนี้เขายังเป็นศิลปิน นักเขียน และเคยได้รับรางวัลโนเบลในสาขาอักษรศาสตร์ ซึ่งยังเป็นบุคคลแรกที่ได้เป็น “พลเมืองเกียรติยศแห่งสหรัฐอเมริกา” แต่ในอีกมุมหนึ่ง เขาเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติหัวรุนแรง ซึ่งเชอร์ชิลได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการใช้ก๊าซพิษกับพวกชนเผ่าป่าเถื่อน ซึ่งมันจะแพร่กระจายความกลัวให้กับคนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี” นอกจากนี้เขายังได้รับฉายาจากชาวแอฟริกันและอินเดียว่าเป็น “สัตว์ร้าย”
ด้านมืดของจอห์น เลนนอน
สมาชิกวงเดอะบีเทิลส์ ผู้ที่เขียนเพลงเกี่ยวกับความรักและสันติภาพมากมาย แต่ลูกชายของเขา “จูเลียน เลนนอน” กล่าวว่าเขากลายเป็นเหมือนอีกคนหนึ่งเวลาอยู่ที่บ้าน โดยในปี ค.ศ. 1998 จูเลียนเคยได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมรู้สึกว่าเขาเป็นพวกชอบเสแสร้ง พ่อมักจะพูดเรื่องความรักและสันติภาพกับคนอื่นทั่วโลก แต่เขาไม่เคยแสดงสิ่งเหล่านั้นกับภรรยาและลูกๆ เลย” โดยหลังจากจอห์นและแม่ของจูเลียนได้หย่าร้างกันในปี ค.ศ. 1968 จอห์นก็แทบไม่เคยมาเยี่ยมและพูดคุยกับจูเลียนอีกเลย
เห็นไหมล่ะครับ ขนาดยอดผู้นำหรือคนดังก็มีด้านมืดของตัวเอง
คำเตือนนะครับ ขอให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะอาจจะกระทบถึงบุคคลที่่ท่านนับถือเป็นไอดอล ผมไม่อยากให้เชื่อในทันที เพราะเป็นแค่ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้แค่นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นความจริงทั้งหมด เพราะบางเรื่องก็เกิดมานานจนไม่อาจหาข้อเท็จจริงได้ แค่เพียงจะแสดงให้เป็นข้อคิดว่า ที่ใดมีแสงย่อมมีเงา มีปัจจัยย่อมมีการกระทำ ขอให้เลือกนำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไปปรับใช้ครับ
ดังหลัก กาลามสูตร
1. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ได้ยินได้ฟังมา
2. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณ
3. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า กำลังล่ำลือกันอยู่อย่างกระฉ่อน
4. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า มีการบันทึกไว้ในตำรา
5. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า คาดเดาตามสามัญสำนึก
6. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า มีการคาดคะเนตามเหตุแวดล้อม (นัยยะ)
7. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า มีการตรึกตรองตามหลักเหตุผล (ตรรกะ)
8. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ชอบใจที่ตรงกับความเห็นที่เรามีอยู่ก่อนแล้ว
9. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ผู้พูดนั้นดูภายนอกมีความน่าเชื่อถือ
10. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ผู้พูดนี้คือครูอาจารย์ที่เรานับถือ
ขอบคุณครับที่ติดตามรับชม หากผิดพลาดประการใดผมต้องขออภัยมาในที่นี้ด้วยครับ by ชนดิเรก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา