Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
16 ก.พ. 2020 เวลา 11:49 • ปรัชญา
#11 เล่มหนึ่ง บทที่ 1 หน้า 72 ~ 76
...
N : พระองค์กำลังบอกใช่มั้ยว่าสิ่งเลวร้ายทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพวกเรา คือ "สิ่งที่เราเลือกเอง" แม้กระทั่งภัยพิบัติหรือหายนะภัยต่างๆในโลก "เราก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง" ไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่งเพื่อที่จะมีประสบการณ์ถึง "ด้านตรงข้ามของตัวเรา"
ถ้าอย่างนั้นไม่มีหนทางอื่นที่เจ็บปวดน้อยกว่านี้หรือครับ ทางที่เจ็บน้อยกว่าสำหรับเราเองและคนอื่นๆในการสร้างโอกาสที่จะมีประสบการณ์ถึงตนเอง?
G : เธอถามหลายคำถามนะแล้วก็เป็นคำถามที่ดีทุกข้อเลย เรามาดูกันทีละข้อดีกว่า
สิ่งที่เธอบอกว่า "เลวร้าย" ในชีวิต ไม่ได้มาจากการเลือกของเธอทั้งหมดหรอก
ไม่ใช่ในแง่ที่หมายความว่าเธอตั้งใจให้เกิดแบบนั้น
ทว่าสิ่งเหล่านั้น "มาจากการสร้างสรรค์ของเธอเอง"
*เธออยู่ในกระบวนการแห่งการสร้างสรรค์เสมอ*
"ทุกเวลา" "ทุกวินาที" "ทุกวัน"
ส่วนเรื่องที่ว่าเธอ`สร้างได้อย่างไร`นั้น
เราจะพูดกันภายหลัง
ตอนนี้ฟังคำของฉันก่อน
เธอคือเครื่องจักรแห่งการสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ และเธอก็กำลังสร้างโลกแห่งความจริงใหม่ๆขึ้นมา *เร็วเท่าความคิด*
เหตุการณ์ สถานการณ์ อุบัติการณ์ สภาวะการณ์ ทั้งหมดทั้งสิ้น *เกิดขึ้นจากจิตสำนึก*
จิตสำนึกของแต่ละคนมีพลังมากพอให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้
เธอลองจินตนาการถึงพลังงานแห่งการสรรค์สร้างที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อ "คนสองคน" หรือ "มากกว่านั้น" `มารวมกันในนามของฉันสิ`
ส่วน "จิตสำนึกรวมหมู่" น่ะหรือ!
นั่นย่อมมีพลังมากถึงขนาดสร้างสถานการณ์หรืออุบัติการณ์ระดับโลกรวมทั้งผลกระทบต่อดาวเคราะห์ดวงนี้ได้เลย
`ไม่ถูกต้อง`ตามที่เธอหมายถึงนักที่จะบอกว่าเธอเป็นผู้เลือกผลลัพธ์เหล่านั้น
"เธอเองไม่ได้เลือกมากไปกว่าฉันเลือกหรอก"
เธอก็เหมือนกับฉันที่กำลัง "เฝ้าสังเกต" อยู่
และตัดสินว่าเธอจะเป็นใครจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น
ทว่าไม่มีทั้งเหยื่อและผู้ร้ายในโลกนี้
เธอไม่ใช่เหยื่อในการเลือกของคนอื่น
ในระดับใดระดับหนึ่งพวกเธอทั้งหมดได้สร้างสิ่งที่พวกเธอบอกว่ารังเกียจขึ้นมา และการสร้างมันขึ้นมาก็หมายความว่าเธอได้เลือกมันนั่นเอง
นี่เป็น "ระดับคิดขั้นสูง" (ไม่มีทั้งเหยื่อและผู้ร้ายในโลกนี้) ซึ่งบรรดาคุรุทั้งหมดของเธอจะเข้าถึงไม่ช้าก็เร็ว
เพราะจนกว่าจะ`ยอมรับ`ความรับผิดชอบต่อ`สิ่งทั้งหมด`แล้วเท่านั้น
พวกเขาจึงจะ "มีพลัง" ที่จะเปลี่ยนแปลง`บางส่วน`ของมันได้
ตราบที่เธอยังหลงอยู่กับ "ความคิด" ที่ว่า มีบางอย่างหรือใครบางคน`ข้างนอก` "กระทำสิ่งต่างๆต่อเธอ"
เธอก็จะลดทอนพลังตัวเองที่จะทำอะไรกับมันได้ไปจนหมด
จนกว่าเธอจะพูดว่า "ฉันเองเป็นคนทำ" นั่นล่ะ
1
เธอจึงจะค้นพบพลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้
1
*เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองทำนั้นง่ายกว่าเปลี่ยนสิ่งที่คนอื่นทำมากนัก*
ก้าวแรก ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ตามคือ
จงรู้และยอมรับว่าเธอได้เลือกให้มันเป็นอย่างนั้น
หากเธอ`ยอมรับไม่ได้`ในระดับชีวิตของตนเอง
ก็จงเห็นด้วยผ่านความเข้าใจว่า "เราทั้งหมดคือหนึ่งเดียว"
จากนั้นจงพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลง
"ไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นผิด" แต่เพราะ "ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เธอเป็นอีกต่อไป"
2
มีเพียงเหตุผลเดียวที่จะทำอะไรก็ตาม นั่นคือ...
*เพื่อประกาศต่อจักรวาลว่าเธอคือใคร*
ด้วยวิถีทางนี้ ชีวิตก็จะกลายเป็นการรังสรรค์ตัวตนของเธอ
เธอใช้ชีวิตเพื่อสร้างตัวเองให้เป็นตัวตนที่แท้จริง และเป็นตัวตนที่เธอปรารถนาจะเป็นตลอดมา
1
และมีเหตุผลเพียงประการเดียวเช่นกันที่จะ "ไม่ทำ" สิ่งใดๆ นั่นคือ "เพราะมันไม่ใช่ใครที่เธอปรารถนาจะเป็นอีกต่อไป"
มันไม่สะท้อนหรือแสดงถึงตัวเธอ
(นั่นคือ มันไม่ได้แสดงให้เห็นตัวตนของเธออีก)
หากอยากให้แสดงถึงตัวตนของเธออย่างเที่ยงตรงละก็ เธอจะต้อง "เปลี่ยนแปลง" สิ่งใดๆในชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับภาพที่เธอปรารถนาจะนำเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์
1
พูดอย่างกว้างที่สุดคือ "สิ่งเลวร้าย" ทั้งหมดเกิดจากการเลือกของเธอเอง
ความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่การเลือกนั้นแต่อยู่ที่ `การเรียกว่าเลวร้าย`
เพราะเมื่อบอกว่ามันเลวร้ายก็เท่ากับ "บอกว่าตัวเองเลวร้ายด้วย"
เพราะ `เธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง`
เธอไม่อาจยอมรับ`การตราหน้า`นี้ได้
ดังนั้นแทนที่จะตราหน้าตัวเองว่าเป็นคนเลวร้าย
เธอกลับ "ปฏิเสธสิ่งต่างๆที่ตนสร้างขึ้นมาเสียเลย"
อสัตย์ทางสติปัญญาและจิตวิญญาณนี้เองที่ทำให้เธอยอมรับโลกอันมีสภาพอย่างนี้
หากเธอยอมรับหรือแม้เพียงรู้สึกลึกๆข้างในว่า "ตนมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อโลกใบนี้บ้าง"
โลกจะต่างออกไปกว่านี้มาก
มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ "หากทุกคนรู้สึกถึงความรับผิดชอบ"
การที่สิ่งเหล่านี้ชัดเจนเหลือเกินทำให้เป็นเรื่องสุดเจ็บปวดและน่าขันสิ้นดี
ภัยพิบัติและหายนะภัยทางธรรมชาติต่างๆ เช่น พายุทอร์นาโด เฮอริเคน ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย หรือความโกลาหลเชิงกายภาพของโลกไม่ได้เกิดจากเธอคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะหรอก
เธอ "มีส่วน" ทำให้เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนให้ดูจากระดับที่เหตุการณ์เหล่านั้น "ส่งผลกระทบต่อชีวิตเธอ"
ส่วนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในจักรวาล
ซึ่งไม่ว่าจะใช้จินตนาการมากแค่ไหนก็นึกภาพไม่ออกว่าเธอเป็นผู้สร้างหรือส่งเสริมให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
อุบัติการณ์พวกนี้ถูกสร้างขึ้น
*โดยการรวมตัวของจิตสำนึกมนุษย์*
*มนุษย์ทั้งโลกได้ร่วมกันสร้าง*
และ *ผลิตประสบการณ์เหล่านี้ขึ้นมา*
สิ่งที่เธอแต่ละคนในระดับปัจเจกทำได้คือ "เคลื่อนผ่านและตัดสินใจว่ามันมีความหมายอย่างไรต่อเธอบ้างหรือไม่" และ "ตัดสินใจว่าเธอเป็นใครและเป็นอะไรในความสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ดังกล่าว"
ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้สร้างชีวิตและห้วงเวลาที่เธอกำลังมีประสบการณ์อยู่นี้ขึ้นมา
ทั้งโดยส่วนตัวและส่วนรวม
เพื่อจุดประสงค์ของการวิวัฒน์ของจิตวิญญาณนั่นเอง
เธอถามว่าไม่มีทางอื่นในกระบวนการนี้ที่เจ็บปวดน้อยกว่านี้หรือ `คำตอบคือมี`
"แต่ประสบการณ์ภายนอกของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย"
วิธีที่จะบรรเทาความเจ็บปวดจากการเข้าไปสัมพันธ์กับประสบการณ์และเหตุการณ์ต่างๆทางโลกทั้งของตัวเองและผู้อื่นคือ :
1
*ต้องเปลี่ยนวิธีที่เธอมอง*
เธอยังไม่สามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ภายนอก (เพราะมันถูกสร้างโดยพวกเธอจำนวนมาก และจิตสำนึกของเธอก็ยังไม่ได้เติบโตถึงขนาดจะไปเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นจาก`จิตสำนึกรวมหมู่ได้ด้วยตัวคนเดียว`)
*เธอจึงต้องเปลี่ยนประสบการณ์ภายในแทน*
นี่คือ "หนทางสู่การกุมบังเหียนชีวิต"
2
ไม่มีสิ่งใดที่เจ็บปวดในตัวเองและโดยตัวเอง
ความเจ็บปวดเป็นผลมาจาก "ความคิดผิดๆ"
1
มันคือ "ความผิดพลาดในการคิด"
คุรุ คือผู้ที่ทำให้ความเจ็บปวดอันทุกข์ทรมานที่สุดอันตรธานไปได้
ด้วยวิธีนี้เองที่คุรุทำการเยียวยารักษา
ความเจ็บปวดเป็นผลมาจากการพิพากษาที่เธอมีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ลบคำพิพากษานั้นเสียแล้วบาดแผลจะหายไปเอง
บ่อยครั้งการพิพากษาหรือการตัดสินมีที่มาจากประสบการณ์ก่อนหน้า
`ความคิดที่เธอมีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งมักมาจากความคิดก่อนหน้าเกี่ยวกับสิ่งนั้น` และความคิดครั้งก่อนของเธอก็มาจากความคิดก่อนนั้นขึ้นไปอีก
เหมือนกับการก่ออิฐซ้อนเป็นชั้นๆ
จนกว่าเธอจะหาทางออกมาจากห้องแห่งกระจกเงาสู่สิ่งที่ฉันเรียกว่า "ความคิดแรก" ได้
ทุกความคิดล้วนมีพลังสร้างสรรค์
1
และไม่มีพลังความคิดใดจะมีพลังมากเท่ากับ *ความคิดแรก*
นี่เองที่ว่าทำไมบางครั้งจึงถูกเรียกว่า "บาปแรก"
บาปแรกคือการที่เธอคิดถึงสิ่งใดๆในครั้งแรกอย่างผิดพลาด และความผิดพลาดนั้นจะยิ่งผสมเพิ่มไปอีกเมื่อเธอคิดเช่นเดิมเป็นครั้งที่สองหรือสาม
เป็นหน้าที่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์*ที่จะจุดประกายเธอสู่ความเข้าใจใหม่ๆซึ่งจะปลดปล่อยเธอจากความผิดพลาดนั้น
[*พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ ความคิดแรก คือ พระเจ้า มันจึงโยงกลับไปถึงบทความแรกที่อธิบายถึงการสื่อสารจากพระเจ้า และการแยกแยะว่าแบบไหนถึงเป็นสารที่แท้จริงจากพระองค์ ผมถึงบอกว่ามันจึงสำคัญที่สุดที่คุณต้องฟังเสียงจากภายใน (ให้ได้ยินหรือรู้สึกถึงพระองค์ให้ได้) ~ แอดมิน]
1
N : พระองค์กำลังพูดว่า ผมไม่ควรจะรู้สึกแย่กับเด็กๆที่อดอยากในแอฟริกา กับความรุนแรงและความอยุติธรรมในอเมริกา หรือแผ่นดินไหวที่คร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยในบราซิลงั้นหรือครับ?
G : ไม่มีคำว่า "ควร" หรือ "ไม่ควร" ในโลกของพระเจ้า
"จงทำสิ่งที่เธอต้องการทำ"
"ทำสิ่งที่สะท้อนถึงตัวเธอ
และสิ่งที่แสดงถึงตัวตนอันงามสง่ายิ่งกว่าเก่า"
แต่ถ้าอยากจะรู้สึกแย่ จงรู้สึกแย่ไป
"แต่อย่าพิพากษาหรือประณาม"
เพราะเธอไม่รู้หรอกว่าเพราะเหตุใดสิ่งต่างๆจึงเกิดขึ้นและอะไรคือจุดสุดท้ายของมัน
และจงจำไว้ว่าสิ่งใดที่เธอตำหนิประณามมันจะประณามเธอ
สิ่งใดที่เธอพิพากษามันจะย้อนกลับมาหาเธอ*
1
[*ยิ่งเกลียดสิ่งใดยิ่งได้สิ่งนั้น มันมีภูมิปัญญาซ่อนอยู่ในประโยคนี้ ~ แอดมิน]
1
ทว่าเธอควรหาทาง "เปลี่ยนสิ่งซึ่งไม่สะท้อนตัวตนสูงสุดของเธออีกต่อไป" หรือ "สนับสนุนใครก็ตามที่กำลังเปลี่ยนอยู่"
*และจงชื่นชมทุกสิ่ง*
ด้วยว่า "ทุกสิ่งคือการรังสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าผ่านการใช้ชีวิต"
และนั่นคือ *การสร้างสรรค์สูงสุด*
1
...
...
...
"คุณคือเครื่องจักรแห่งการสร้างสรรค์ขนาดใหญ่"
และคุณ *ก็กำลังสร้างโลกแห่งความจริงใหม่ๆ
ขึ้นมา`เร็วเท่าความคิด`*
ฉะนั้น..."ความคิด" คือ จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ
`ความคิดเปลี่ยน โลกเปลี่ยน`
เริ่มจากโลกภายใน สู่โลกภายนอก
ปรารถนาให้โลก (ภายใน-ภายนอก) เป็นอย่างไร
*จงคิดแบบนั้น*
แอดมิน
2 บันทึก
1
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย