24 ก.พ. 2020 เวลา 15:57 • บันเทิง
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
ภูมิใจเสนอ นิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเพจ MovieTalk
“เงาวายุ” บทที่ 13
ความเดิม
อี่ทงฮวงถูกฟาดฝ่ามือใส่โดยมั้วเง็กร่างปลอมของฉุ่ยยี้ แต่เนื่องจากอี่ทงฮวงสวมเสื้อเกราะเพชรใยไหม ซึ่งช่วยลดทอนพลังฝ่ามือ อีกทั้งอี่ทงฮวงยังมีความลับอีกประการ นั่นคือหัวใจของอี่ทงฮวงแตกต่างจากคนทั่วไปตรงที่ตำแหน่งของหัวใจอยู่ด้านขวา อี่ทงฮวงทำให้ฉุ่ยยี้บาดเจ็บเพื่อหวังจะให้ยื่อต๊อหรืออาเฉ่าช่วยเหลือ แต่ยื่อต๊อกลับสังหารฉุ่ยยี้ทิ้ง แต่อี่ทงฮวงก็อาศัยจังหวะชั่วพริบตา สังหารเอาเฉ่าและหลบหนีจากยื่อต๊อไปได้ในที่สุด
“เงาวายุ” บทที่ 13 พันธมิตร ไม่ได้ให้เสียงภาษาไทย
ไช้ตื้อเซ้งนั่งนิ่งอยู่บนบังลังก์เนิ่นนาน แม้สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งนั้นกวาดตามองดูผู้คน
มองดูคนที่ถูกจับกุมไว้ จากซ้ายไปขวา
ก่อนจะมาหยุดที่มั้วเง็กที่เวลานี้นั่งอยู่ในกลุ่มผู้คนเหล่านั้นด้วย
ไช้ตื้อเซ้งหยุดมองที่นางชั่วครู่
มั้วเง็กคล้ายรู้สึกดวงตาเย็นชาจับจ้องมองนาง ไม่สามารถอ่านความนัยใด ๆ ได้
มั้วเง็กอดประหวั่นพรั่นพรึ่งไม่ได้
พริบตาไช้ตื้อเซ้งเคลื่อนไหวแล้ว!
ไช้ตื้อเซ้งดีดกายพุ่งขึ้นไปเบื้องบนอีกครั้ง ร่างทะยานดุจอินทรีย์โผบิน
ไช้ตื้อเซ้ง
ครั้งนี้ไม่ได้แบกร่างอ๋องเอี๊ย ท่าร่างทั้งรวดเร็ว ทั้งสวยงาม ร่างกายโผบินถึงชั้นสี่ ไช้ตื้อเซ้งก็ตวัดฝ่าเท้าขวาเหยียบลงบนฝาเท้าซ้าย อาศัยแรงนี้หยิบยืมสภาวะหนุนส่งอีกครั้ง ดีดส่งร่างตัวเองพลิ้วลงบนชั้นแปดของหอคอยตำหนักเจดีย์มังกรฟ้า
ไช้ตื้อเซ้งเดินตรงไปหางั่งเจง งั่งเจงหันมาเห็นไช้ตื้อเซ้งจึงกล่าวขึ้น
“เซ้งเฮีย...”
ยามเมื่ออยู่เพียงลำพัง งั่งเจงจะเปลี่ยนคำเรียกไช้ตื้อเซ้ง นั่นเพราะทั้งสองมิใช่
เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง แต่มีความสัมพันธ์มากกว่าบุคคลอื่นในกลุ่มสังหาร
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
งั่งเจงหันมาแลดูอ๋องเอี๊ยแว่บหนึ่ง
“นับเป็นบุรุษที่มีจิตกล้าแข็งยิ่งนัก ข้าพเจ้าพยายามสะกดจิตแล้วแต่ไม่สามารถ
รุกล้ำเข้าไปในจิตส่วนลึกของท่านอ๋องได้”
“นั่นก็ไม่เป็นที่น่าประหลาดใจ อ๋องเอี๊ยเป็นถึงรัชทายาทของฮ่องเต้ปัจจุบัน เป็นผู้สืบทอดบังลังก์มังกร ดังนั้นหากท่านทะลวงจิตส่วนลึกได้ง่ายดายเช่นสามัญชนก็มิสมควรเป็นรัชทายาทแล้ว...”
“เหลืออีกเพียงหนึ่งชั่วยามดวงตะวันจะขึ้นแล้ว จะอย่างไรท่านต้องเร่งมือแล้ว หากถึงเวลารุ่งเช้า กำลังทหารจากป้อมพิทักษ์แดนใต้จะมารายงานตัวกับท่านอ๋อง
ถึงเวลานั้นพวกเราจะลำบาก”
“รับทราบ” งั่งเจงรับคำ
งั่งเจง
ไช้ตื้อเซ้งผงกศรีษะ หันกายกำลังจะกลับลงไปด้านล่าง งั่งเจงพลันถามขึ้น
“ทางด้านท่านเป็นอย่างไร?”
ไช้ตื้อเซ้งหันกลับมา สีหน้าเคร่งเครียด
“เราเสียจ๋อชิ่วจ๋อคา อิ่วชิ่วอิ่วคา และซิงโท่ยไปแล้ว เวลานี้เราส่งยื่อต๊อ อาเฉ่า
และฉุ่ยยี้ออกตามล่าอี่ทงฮวงแล้ว แต่จนถึงบัดนี้เรายังไม่รับทราบข่าวคราว
จากพวกมัน”
น้ำเสียงแฝงแวววิตกอยู่หลายส่วน
อ๋องเอี๊ยที่รับฟังอยู่ด้านข้าง แค่นหัวเราะอย่างสบอารมณ์
“เฮอะ...กลุ่มสังหารเกียอุ้ยนึ้ง คงไม่อาจเป็นเกียอุ้ยนึ้งแล้ว เราว่าเวลานี้พวกท่านคิดผิดยิ่งนัก ที่คิดช่วงชิงผลึกตะวัน”
ไช้ตื้อเซ้ง หันมาทางอ๋องเอี๊ย แย้มยิ้มเย็นชาอย่างเต็มฝืน
“มิผิด มาถึงเวลานี้ ข้าพเจ้ารู้สึกสูญเสียไปมิใช่น้อยทีเดียว เกียอุ้ยนึ้งย่อมไม่อาจเป็นเกียอุ้ยนึ้งได้อีกแล้วจริง ๆ”
“ท่านยอมรับว่าเดินหมากผิดหนึ่งตา พลาดทั้งกระดาน?”
“ข้าพเจ้ายอมรับเดินหมากผิด แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ ย่อมไม่มีทางถอยหลัง ต่อให้ต้องสละเบี้ย เรือ หมากตัวไหนก็ตาม ข้าพเจ้าต้องได้ครอบครองผลึกตะวันมาไว้ในกำมือให้จงได้”
ไช้ตื้อเซ้งหันมาสั่งงั่งเจงด้วยเสียงเคร่งเครียด
“งั่งเจง ท่านรีบจัดการโดยเร็ว อีกครึ่งชั่วยามเราจะต้องได้เห็นเจ้าเปิดประตู
คลังมังกร!”
จบคำ ร่างสาดพุ่งออก ร่วงละลิ่วลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
ขณะใกล้พื้น ไช้ตื้อเซ้งสะบัดฝ่ามือฟาดออกไป กระแสลมปราณทะลักออกกระแทกพื้นเบื้องล่าง บังเกิดเป็นลมหอบหนึ่งลอยขึ้น พยุงร่างของไช้ตื้อเซ้งไว้
อาศัยท่วงท่านี้ ไช้ตื้อเซ้งตีลังกากลางอากาศหนึ่งรอบ
และพลิ้วร่างกลับลงมานั่งบนบัลลังก์คล้ายเมื่อครู่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้น
นี่คือความสามารถอันเลิศล้ำสุดประเมินของไช้ตื้อเซ้ง
ไช้ตื้อเซ้ง
ส่วนด้านบนชั้นแปดของหอคอยตำหนักมังกรฟ้า
อ๋องเอี๊ยที่นั่งนิ่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ ยามนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ เพราะงั่งเจงได้สักดจุดทั่วร่างไว้แล้ว
ริมฝีปากของอ๋องเอี๊ยปรากฎโลหิตไหลออกมาที่ริมปาก
งั่งเจงที่อยู่อยู่ตรงเบื้องหน้าอ๋องเอี๊ยเอ่ยขึ้น
“ท่านอ๋อง ข้าพเจ้านึกไม่ถึงว่าท่านจะกล้ากัดริมฝีปากตนแองเพื่อคลายมนต์สะกด
ของข้าพเจ้า จะได้ไม่เผลอหลุดวาจาใดออกมา แต่ยามนี้ข้าพเจ้าสกัดทุกจุดทั่วร่างของท่านแล้ว ท่านอ๋องไม่อาจกระทำเช่นเดิมได้อีกต่อไป”
อ๋องเอี๊ยไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนใดแม้กระทั่งริมฝีปากของตนเอง กระทั่งดวงตา
ก็ไม่สามารถกระพริบได้
เมื่อเป็นในลักษณะนี้ อ๋องเอี๊ยย่อมไม่สามารถหลับตาเพื่อหลบหลีกเนตรภวังค์
ของงั่งเจงได้อีกต่อไป ในใจของท่านอดกังวลใจมิได้ ท่านไม่รู้ว่างั่งเจงจะใช้
เล่ห์เพทุบายใดกับท่านอีก
อ๋องเอี๊ย
งั่งเจงแย้มยิ้มหวานหยดย้อย ทีท่ากระชดกระช้อยก่อนจะหยิบหยกเนื้อดีสลักเสลา
เป็นรูปสตรีเปลือยขึ้นมา
เป็นหยกสตรีเปลือยลักษณะเดียวกับที่อี่ทงฮวงได้รับจากซิงโท่ย!
งั่งเจงใช้มือจับภู่ที่ร้อยกับหยกชิ้นนั้น กวัดแกว่งเป็นวงกลม
ลีลาท่วงท่างดงามอ่อนช้อยแฝงแววยั่วยวนส่วนหนึ่ง
ภู่ร้อยกวัดแกว่งเป็นวงกลม ยิ่งหมุนยิ่งเร็วขึ้น...เร็วขึ้น
ละอองผงบางอย่างฟุ้งกระจายออกมาจากจี้หยกสตรีเปลือยในระหว่างที่กวัดแกว่ง
ผงกระจายล่องลอยไปทั่ว...ล่องลอยครอบคลุมร่างของอ๋องเอี๊ยแล้ว
อ๋องเอี๊ยชมดูอากัปกริยาของงั่งเจงทั้งงุนงง ทั้งเคลิบเคลิ้ม
ตัวท่านไม่สามารถพริ้มตาหลับลงได้ คิดจะกัดริมฝีปากให้คลายต้องมนต์ก็กระทำ
ไม่ได้ ยามนี้จมูกสูดกลิ่นจากละอองที่ครอบคลุมตัวท่านแล้ว
สติของอ๋องเอี๊ยเคลิบเคลิ้ม คล้ายล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ล่องลอยดุจปุยเมฆ
ดวงตาของอ๋องเอี๊ยเริ่มเซื่องซึม ไร้แววห้าวหาญทรงอำนาจเช่นที่เคยเป็น
ใบหน้าของงั่งเจงปรากฏรอยยิ้ม นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นุ่มนวลชวนฝัน คล้ายอยู่ห่างไกลลิบตา แต่คล้ายได้ยินชัดกระซิบที่ข้างหู
“ท่านอ๋อง ยามนี้ท่านไม่รับรู้สิ่งใดแล้ว ท่านกลายเป็นปุยเมฆ...ท่านกำลังล่องลอย”
อ๋องเอี๊ยคล้ายฟังเสียงของนางอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ
งั่งเจงเห็นเช่นนั้นจึงครุ่นคิดในใจ
“ผงภวังค์หลุดพ้นนับว่าออกฤทธิ์แล้ว ต่อไปใช้กำลังภายในเข้าช่วยก็จะบรรลุผล”
ระหว่างครุ่นคิด สีหน้าของงั่งเจงปรากฏแวววิตกกังวล ถึงกับมีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าอันสวยงามของนาง
นี่คือวิชาลับสุดยอดของงั่งเจง ที่ใช้ทุกอย่างผสมผสานกัน
งั่งเจง
ผงภวังค์หลุดพ้นที่กระจายออกจากจี้หยกสตรีเปลือย มีส่วนผสมของสมุนไพรนานาชนิด ที่มีส่วนประกอบสำคัญสุดคือดอกฝิ่น ที่จะทำให้ผู้สูดผงเข้าไปอยู่ในอาการเซื่องซึม ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ คล้ายปิดกั้นตนเองจากทุกสรรพสิ่ง คล้ายหลุดไปอยู่ในโลกของตนเอง โลกแห่งความฝัน
ประการสำคัญเมื่อผู้สูดดมตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว จะเป็นช่วงเวลาที่รีดเค้นความลับได้ง่ายดายที่สุด
เมื่อผนวกกับกำลังภายในของงั่งเจง ที่ใช้ดรรชนีจี้ที่จุดกลางหน้าผากของคนผู้นั้น
และดวงตาอันวิบวามแวววับของนางที่คล้ายดึงดูดคนผู้นั้นเข้าสู่ดินแดนเร้นลับ
แต่สิ่งเดียวที่งั่งเจงกังวลใจคือ น้อยครั้งยิ่งนักที่นางต้องใช้ถึงวิชาลับนี้ นับเป็นการเสี่ยงชีวิตความเป็นความตายของนางเอง
งั่งเจงต้องทุ่มเทกำลังภายในเพื่อรีดเร้นความลับออกมา
หากเป็นผู้มีจิตใจกล้าแข็ง ยิ่งต้องสิ้นเปลืองกำลังภายใน สติ สมาธิ มากขึ้นเท่าทวีคูณ
งั่งเจงล่วงรู้ว่า ด้วยระดับของอ๋องเอี๊ย นี่คือภารกิจตึงมือที่สุดของนางอย่างไม่อาจคาดประเมินได้จริง ๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร งั่งเจงมีแต่ต้องทำ และยิ่งต้องเร่งกระทำให้ทันตามกำหนด
ครึ่งชั่วยามของไช้ตื้อเซ้ง
คำสั่งไช้ตื้อเซ้ง ไม่อาจปฏิเสธได้
หากปฏิเสธหมายถึงชีวิต!
ไม่มีละเว้น กระทั่งงั่งเจงที่เป็นสตรีข้างกายของไช้ตื้อเซ้งก็เป็นความหมายเดียวกัน
....
อี่ทงฮวงอาศัยช่วงเวลาที่สับสน พาร่างอันบอบช้ำหลบหลีกหนีออกมาได้
เป็นผลสำเร็จ
อี่ทงฮวงพยายามลากสังขจารลัดเลาะออกด้านข้างของสวนจำลองดินแดน
เจียนงหนาน
ตะบึงอยู่ได้ครู่หนึ่ง ก็ต้องหยุดฝีเท้าลง รู้สึกหน้ามืดตาลาย ถึงกับกระอักโลหิตคำโต
ออกมา ก่อนที่จะทรุดลง
อี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงพลันรู้สึกได้ถึงพลังกดดัน ที่แผ่พุ่งตรงมาททางด้านตน
อี่ทงฮวงลอบคิดในใจ
“มันตามเรามาแล้ว...ไฉนจำแนกทิศทางหนีของเราได้?”
อี่ทงฮวงกัดฟันแน่น ยันกายพุ่งปราดต่อไปที่หินจำลองขนาดใหญ่
อี่ทงฮวงใช้มือดึงสลักที่แอบบซ่อนอยู่ตรงหินก้อนนั้นออกมา
หินใหญ่ก้อนนั้นเคลื่อนที่เลื่อนออก มีอุโมงค์ลับสายหนึ่ง อี่ทงฮวงมุดลงอุโมงค์ลับนั้น ดึงสลักภายในปิดปากทางเข้าไว้เช่นเดิม หลังจากนั้นพุ่งปราดไปตามอุโมงค์
อี่ทงฮวงวิ่งปราดมาสักครู่จึงทรุดกายนั่งลง ตระเตรียมจะโคจรลมปราณ
ยื่อต๊อที่โลดแล่นตามมาจนถึงหน้าหินจำลองขนาดใหญ่ มันกวาดสายตาไปมา
ก่อนใช้ใบหูขนาดใหญ่เงี่ยหูฟังเสียง
ยื่อต๊อแย้มยิ้มแล้ว
ที่มันเห็นคือฝุ่นละอองกลุ่มหนึ่งที่โรยอยู่ตามพื้น ฝุ่นละอองนั้นหายไปตรงหิน
ก้อนใหญ่
ยื่อต๊อที่มาหยุดยืนตรงหน้า ชะโงกซ้ายขวาชั่วครู่ ก็พบคล้ายสลักเปิดปิด
เมื่อมันดึงออก หินใหญ่ก้อนนั้นก็เลื่อนออก เห็นช่องอุโมงค์ลับสายหนึ่ง
ยื่อต๊อ
ยื่อต๊อยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและอำมหิต มันมุดลงไปตามอุโมงค์สายนั้น
ในอุโมงค์ที่ยื่อต๊อเห็นคือฝุ่นละอองที่โรยเป็นทางไปข้างหน้า
ตำแหน่งข้างหน้าคืออี่ทงฮวง!
โปรดติดตามตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา