27 ก.พ. 2020 เวลา 11:20 • ปรัชญา
#23 เล่ม 1 บทที่ 3 หน้า 127 ~ 130
...
ถ้าอย่างนั้นจะทำไปทำไม ใช่ไหม?
ก็เพราะเธอ "ไม่ใส่ใจกับการยอมรับหรือการรับรองจากโลกอีกต่อไป"
"ไม่พอใจกับสิ่งที่โลกนำมาให้อีก"
และ "ไม่ยินดีกับสิ่งที่มันมอบให้คนอื่นๆด้วย"
เธอต้องการให้ความเจ็บปวดสิ้นสุด
ความทุกข์ทรมานยุติ มายาสลาย
เธอพอแล้วกับโลกที่เป็นอยู่นี้และแสวงหาโลกใบใหม่
ทว่า "ไม่ต้องเสาะหาอีกต่อไป"
*แต่จงนำออกมา*
...
N : ช่วยให้ผมเข้าใจมากกว่านี้ได้มั้ยว่าต้องทำยังไง?
G : ได้ อันดับแรก
มุ่งไปที่ความคิดสูงสุดที่เธอมีต่อตัวเอง
1
จิตนาการว่าเธอจะเป็นอย่างไรถ้ามีชีวิตตามความคิดนี้ทุกวัน
1
จินตนาการว่าเธอ `จะคิดอะไร `จะทำอะไร `จะพูดอะไร หรือ `ตอบสนองต่อสิ่งที่คนอื่นๆพูดและทำอย่างไร
1
เธอเห็นความต่างระหว่าง`ภาพนั้น`
กับสิ่งที่เธอคิด ทำ และพูดอยู่ `ในปัจจุบัน` ไหม?
N : ครับ ผมเห็นความต่างมากทีเดียว
G : ดี ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะเรารู้แล้วว่าตอนนี้เธอไม่ได้ใช้ชีวิตตามภาพความคิดสูงสุดเกี่ยวกับตัวเอง
1
ทีนี้เมื่อเห็น `ความต่าง` ระหว่างจุดที่เธอเป็นกับจุดที่อยากจะเป็นแล้ว
ลองเริ่ม`เปลี่ยน` ความคิด คำพูด และการกระทำของเธอ "อย่างมีสติรู้ตัว" ให้สอดคล้องกับภาพอันสง่างามที่สุดของตัวเธอ
2
*สิ่งนี้ต้องอาศัยความเพียรพยายามมหาศาลทั้งใจและกาย*
1
*ต้องตรวจสอบต่อเนื่องในการคิดพูดและทำของเธอขณะต่อขณะ*
1
*และยังเกี่ยวกับการเลือกอย่างมีสติด้วย*
2
กระบวนการทั้งหมดนี้คือ :
"การเคลื่อนสู่จิตสำนึกโดยรวมของตัวเธอ"
สิ่งที่เธอจะ`พบ`หากตัดสินใจรับความท้าทายนี้ก็คือ *เธอได้ใช้ชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งอย่างขาดสติ*
หรืออาจพูดได้ว่า "ไม่รู้ตัวในสิ่งที่เธอเลือกคิด พูด และทำ"
*จนกว่าจะต้องประสบผลลัพธ์ของสิ่งเหล่านั้น*
แล้วเมื่อเธอ `ประสบกับผลลัพธ์ดังกล่าว`
เธอก็ `ปฏิเสธ` ว่า "ความคิด คำพูด และการกระทำ" ของเธอไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยสักหน่อย
นี่คือการเรียกให้หยุดใช้ชีวิตด้วยความหลับไหลไร้สติ
นี่คือความท้าทายที่วิญญาณเธอเรียกร้องนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกาลเวลา
N : การตรวจสอบจิตใจตัวเองตลอดเวลาแบบนั้นดูเป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส...
G : อาจเป็นอย่างนั้นจนกว่าจะกลายเป็นธรรมชาติที่สองไป
ที่จริงมันคือธรรมชาติที่สองของเธอนั่นล่ะ
`ธรรมชาติแรก` ของเธอคือ :
*การรักอย่างปราศจากเงื่อนไข*
1
`ธรรมชาติที่สอง` คือ :
การเลือกที่จะแสดงถึงธรรมชาติแรก
*ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของเธออย่างมีสติรู้ตัว*
N : ขอโทษนะครับ แต่ว่าการคอยตรวจแก้อย่างไม่หยุดหย่อนต่อทุกอย่างที่ คิด พูด และทำ จะไม่ทำให้เรากลายเป็นคนน่าเบื่อไปหรือครับ?
G : ไม่มีวัน แตกต่างน่ะใช่ แต่ไม่น่าเบื่อแน่นอน
พระเยซูน่าเบื่อหรือ ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ
พระพุทธเจ้าน่าเบื่อหน่ายที่จะอยู่ใกล้ๆหรือเปล่าล่ะ?
ประชานชนคอยห้อมล้อมอ้อนวอนที่จะได้อยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่มีใครที่บรรลุความเป็นคุรุแล้วจะน่าเบื่อ อาจไม่ธรรมดา อาจพิเศษ แต่ไม่น่าเบื่อแน่นอน
ตกลงเธอต้องการให้ชีวิต "โงหัวขึ้น" เสียทีใช่ไหมล่ะ?
1
เริ่มต้นเดี๋ยวนี้เลย ด้วยการจินตนาการถึงวิถีทางที่เธออยากให้เป็น แล้วจง "เข้าสู่หนทางนั้น"
3
`ตรวจสอบทุกความคิด คำพูด และการกระทำ`ที่ไม่สอดคล้องกับวิถีดังกล่าวแล้ว "เลี่ยงออกจากมัน"
1
หาก "เกิดความคิด" ที่ไปกันคนละทางกับภาพตัวตนสูงสุดของเธอ `จงเปลี่ยนความคิดใหม่`
1
หาก "กล่าวถ้อยคำ" ที่ไม่อยู่ในแนวทางของความคิดอันสง่างามสูงสุด จงระลึกว่า `จะไม่กล่าวคำนั้นอีก`
2
หาก "ทำสิ่งใดลงไป" ที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์สูงสุดของเธอ ให้ตัดสินใจไปเลยว่า `จะทำสิ่งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย` และปฏิบัติให้ถูกต้อง `กับใครก็ตามที่เข้ามาข้องเกี่ยวหากทำได้`
1
N : ผมเคยได้ยินคำสอนอย่างนี้มาก่อน และผมก็ด่ามาตลอด เพราะมันเหมือนกับไม่ซื่อสัตย์ยังไงก็ไม่รู้
ผมหมายความว่าถ้าคุณซมซานเหมือนหมาตัวหนึ่ง
คุณก็ไม่ควรยอมรับสภาพ
ถ้าคุณถังแตกอย่างกับยาจก
คุณก็ไม่ควรพูดถึงมัน
ถ้าคุณโคตรว้าวุ่น
คุณก็ไม่ควรแสดงออกให้ใครเห็น
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคนตกนรกสามคน คนหนึ่งเป็นคาทอลิก คนที่สองเป็นยิว ส่วนอีกคนเป็นพวกนิวเอจ
มารได้กล่าวเยาะเย้ยชายคาทอลิกว่า "ไงล่ะ ชอบความร้อนมั้ย?" ชายคาทอลิคทำจมูกฟุดฟิดตอบ "ขออุทิศแด่พระผู้เป็นเจ้า"
เมื่อมารถามคนยิวเขาก็ตอบว่า "ผมจะคาดหวังอะไรได้เล่า นอกจากนรกขุมอื่นๆอีก"
ส่วนพวกนิวเอจเหงื่อไหลซิกๆตอบว่า "ร้อน?
ความร้อนอะไรที่ไหน?"
G : ตลกดี แต่ฉัน "ไม่ได้ให้เธอเพิกเฉยต่อปัญหา" หรือ "แกล้งทำเป็นว่ามันไม่อยู่ตรงนั้น" หรอกนะ
1
[*คาทอลิคและยิว เพิกเฉยต่อปัญหา นิวเอจแกล้งทำเป็นว่ามันไม่อยู่ตรงนั้น ~ แอดมิน]
ฉันพูดถึง *การเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น*
แล้วให้บอกสัจจะสูงสุดที่เธอมีต่อมันออกมา
1
หากเธอจนกรอบ เธอก็จนกรอบ เปล่าประโยชน์ที่จะโกหก
และจริงๆจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ถ้าพยายามจะสร้างเรื่องราวเพื่อจะไม่ต้องยอมรับ
ทว่า *ความคิด* ที่เธอมีต่อมันเช่น..."ถังแตกเป็นเรื่องแย่" "มันช่างน่าขนลุกขนพอง" "ฉันแย่มากเพราะว่าคนดีๆที่เขาทำงานหนักและเพียรพยายามจริงๆจะไม่ถังแตกอย่างนี้" ฯลฯ นี่เอง
1
*จะกำหนดว่าเธอจะมีประสบการณ์ถึงสภาวะถังแตกอย่างไร*
`ถ้อยคำ` ที่เธอมีต่อมันเช่น..."ฉันจน" "ซักบาทเดียวก็ไม่มี" "ฉันไม่มีเงินเลย" นี่เอง
*จะคอยบงการว่าเธอจะจนกรอบไปอีกนานแค่ไหน*
สิ่งที่เธอ `ปฏิบัติ` ต่อมันเช่น..."รู้สึกเสียใจกับตัวเอง" "นั่งหดหู่หมดอาลัยตายอยาก" "ไม่พยายามหาทางออก" "เพราะว่ายังไงก็ตามจะมีประโยชน์อะไร?"
*จะยิ่งสร้างความจริงในระยะยาวของเธอ*
`อย่างแรก` ที่ควรจะเข้าใจคือ ในจักรวาลนี้
"ไม่มีสภาวะใด" ที่ "ดี" หรือ "เลว" หรอก
มันแค่เป็นเช่นนั้นเอง
1
ฉะนั้น "เลิกตัดสินคุณค่าได้แล้ว"
1
`อย่างที่สอง` ที่ควรรู้ก็คือ ทุกสภาพการณ์ดำรงอยู่ชั่วคราว ไม่มีสิ่งใดเหมือนเก่า ไม่มีสิ่งใดคงที่
1
*สิ่งๆหนึ่งจะเปลี่ยนไปทางไหนขึ้นกับตัวเธอเอง*
1
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา