เมื่อครั้งขงจื่อเริ่มรับศิษย์ จื่อลู่เป็นศิษย์ในกลุ่มแรกๆ ที่ขอเข้าพบขงจื่อ ตามบันทึกคัมภีร์โบราณได้บอกเล่าลักษณะการแต่งกายของจื่อลู่ว่า “จื่อลู่สวมหมวกที่ประดับด้วยขนไก่ บนกายแขวนหินสลักรูปหมู”
ในตำราขงจื่อเจียอวี่ (孔子家語) ก็ได้บรรยายเหตุการณ์ที่จื่อลู่ได้พบขงจื่อในครั้งแรก ดังนี้
ขงจื่อถามจื่อลู่ว่า “เจ้าชอบอะไร?”
จื่อลู่ตอบว่า “ชอบกระบี่”
ขงจื่อกล่าวว่า “ข้ามิได้ถามเรื่องนี้ ข้าหมายถึงด้วยความสามารถของเจ้า หากเพิ่มเติมด้วยความรู้ คงไม่มีสิ่งใดที่จะกระทำไม่สำเร็จได้อีกแล้ว”
จื่อลู่ตอบกลับอย่างขึงขังว่า “การเรียนรู้ไม่มีประโยชน์อันใด”
ขงจื่อกล่าวว่า “หากกษัตริย์ไร้ขุนนางที่คอยทัดทานก็จะไร้ความเที่ยงธรรม บัณฑิตไร้มิตรคงแก่เรียนก็จะสูญเสียการฟังที่เที่ยงตรง ผู้ควบคุมม้าพยศจะไม่ยอมปล่อยบังเหียน ผู้ใช้ศรจะไม่ยอมทิ้งเครื่องปรับศูนย์ ไม้ที่มีเต้าตีเส้นก็จะเที่ยงตรง คนที่มีผู้ทัดทานก็จะเป็นอริยะ ดังนั้นหากผู้ศึกษารู้จักหมั่นถามไถ่ มีฤๅที่จะไม่สำเร็จ? หากว่าร้ายผู้ทรงเมตตา ชังเกียจอำมาตย์ขุนนาง สุดท้ายก็จะเฉียดใกล้กับอาญา ดังนั้นปราชญ์วิญญูจะไม่เรียนรู้นั้นไม่ได้เลย”
จื่อลู่ไม่เห็นด้วย จึงกล่าวแย้งขึ้นว่า “บนภูเขาหนันซันมีต้นไผ่ชนิดหนึ่ง มีความเหนียวและตรงแน่ว หากตัดมาใช้งาน ความคมแหลมของมันจะทะลวงได้แม้กระทั่งหนังแรด หากกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเลย”
ขงจื่อกล่าวว่า “แต่หากเติมขนนกให้กับลูกศร หัวศรฝนให้แหลมคม มันก็จะทะลวงได้ลึกมากยิ่งขึ้นมิใช่ฤๅ?”
ครั้นจื่อลู่ได้ฟังก็ยอมรับในที่สุด จึงหมอบกราบขงจื่ออีกครั้ง พร้อมทั้งกล่าวว่า “ศิษย์ขอน้อมคารวะรับการสอนสั่งจากท่านอาจารย์”