3 มี.ค. 2020 เวลา 10:45 • ประวัติศาสตร์
เปิดแฟ้มคดีในอดีต เมื่อมีการนำ 'ศพ' มาทำการประหารเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ณ วัดพลับพลาไชย
การตัดหัวประหาร
”เมื่อคำพิพากษาของศาลสั่งให้ประหารชีวิตผู้กระทำความผิด และศาลได้มีประกาศแล้ว ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดละเว้นการปฏิบัติตามคำพิพากษามิได้”
‘เจาะเวลาหาอดีต’ พาท่านผู้อ่านย้อนดูคดีแห่งหน้าประวัติศาสตร์ไทย ที่มีการนำ 'ศพ' มาลงโทษตามคำพิพากษาของศาล โดยการเฆี่ยนและตัดหัว
ย้อนไปในปี พ.ศ. 2421 สมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีคำสั่งลงโทษผู้กระทำผิดตามคำพิพากษาอย่างแปลกประหลาด
ลายละเอียด คือ ชาวจีนผู้หนึ่ง นามว่า "จีนฉัน" จีนฉันเป็นเถ้าแก่เดินทางเข้ามาค้าขายในเมืองสยามโดยนำสินค้าลงเรือล่องขายตามหัวเมืองแถบภาคใต้ จนธุรกิจร่ำรวยและได้เมียคนไทยคนหนึ่ง ชื่อว่า "อำแดงทองใส" ซึ่งขณะนั้นกำลังตั้งครรภ์ได้ไม่กี่เดือน
ข้อมูลทางคดีมีอยู่ว่า ในช่วงที่ ‘จีนฉัน’ มีกำหนดจะนำเรือออกไปค้าขายที่ เมืองกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดการนำสินค้าบรรทุกขึ้นเรือล่าช้า เนื่องจากขาดกรรมกรคนงาน จึงตัดสินใจประกาศหาจ้างคนงานเพิ่ม
“จีนเซี๊ยะ” และ “จีนก๋งหุน” สองสหายกำลังว่างงาน ได้เห็นประกาศจึงสนใจ มาขอเถ้าแก่ทำงานช่วยขนสินค้าและเป็นลูกเรือ
ภาพจากมติชน
ในตอนแรก ‘จีนฉัน’ เถ้าแก่เจ้าของเรือสินค้า ต้องการคนงานเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น
แต่ด้วย ’จีนเซี๊ยะ’ ขอร้องเถ้าแก้ให้ช่วยจ้างเพื่อนเพิ่มอีกคน ด้วยความสงสารและที่เป็นคนจีนด้วยกัน จึงรับทั้งสองมาทำงาน
เมื่อการขนสินค้าขึ้นเรือแล้วเสร็จ เถ้าแก่ก็นำเรือออกจากท่าเรือหลังสวน มุ่งหน้าออกทะเล ระหว่างทางบริเวณปากน้ำหลังสวน เถ้าแก่ได้แวะบ้านเพื่อน เพื่อนำกระสอบสินค้าของเพื่อนฝากขึ้นเรือด้วย
ภาพกุลีแรงงานคนจีนในยุคต้นรัตนโกสินทร์
แต่ด้วยความประมาทของสองคนงานที่ทำการผูกเรือไว้ไม่ดี ทำให้เรือลอยหลุดท่าไป
เมื่อทำการนำเรือกลับมาได้แล้ว เถ้าแก่ ‘จีนฉัน’ จึงดุด่าต่อว่า กรรมกรทั้งสองอย่างรุนแรง โดยทั้งสองก็ไม่มีท่ามีตอบโต้แต่อย่างใด
หลังจากที่เรือออกสู่ทะเล บนเรือมีเพียง 4 คน คือ เถ้าแก่กับภรรยา และกรรมกรอีกสองคน
ขณะที่เรือแล่นเลียบชายฝั่งเปลี่ยว ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
สองกรรมกรลูกจ้าง “จีนเซี๊ยะ” และ “จีนก๋งหุน” ร่วมกันกระทำการวางแผนปล้นเรือและฆาตกรรมเถ้าแก่กับภรรยา โดยอาศัยช่วงที่เถ้าแก่เผลอ คว้าไม้สามง่ามย่องไปเสียบที่ร่างของเถ้าแก่เจ้าของเรือสินค้าจนหงายตกลงทะเล
ส่วนภรรยาเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตกใจ รีบกระโดดน้ำหนี ทั้งสองผัวเมียจึงจมน้ำตายอย่างอนาถ
สองลูกจ้างใจเหี้ยมตัดสินใจหันเรือมุ่งเข้าฝั่งทางบางเสา จังหวัดชุมพร และค้นหาทรัพย์สินบนเรือ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ตกลงกันเรื่องแบ่งทรัพย์สินไม่ได้ จึงตัดสินใจจุดไฟเผาทำลายเรือ เพื่ออำพรางความผิด
คดีสยองขวัญนี้ร่ำลือไปทั่วพระนคร จนเจ้าหน้าที่สืบจนรู้แหล่งกบดาน ของหนึ่งในโจรใจเหี้ยม “จีนเซี๊ยะ” และทำการเข้าจับกุมคุมตัวมาที่พระนคร ส่วนทางด้าน“จีนก๋งหุน”ฆาตกรอีกคนได้หลบหนีไปได้
ระหว่างทางคุมตัว “จีนเซี๊ยะ” เพื่อมาลงโทษที่พระนคร ฆาตกรใจเหี้ยมเกิดอาการลงแดงเพราะขาดฝิ่นจนช็อกตาย
วัดพลับพลาไชย ปัจจุบัน ภาพจาก: http://www.วัด.ไทย
ทางการในสมัยนั้นกรมพระนครบาล ( ชื่อเรียกตำรวจนครบาล ในยุครัชกาลที่ 5) จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล โดยนำศพฆาตกรใจเหี้ยม นาม “จีนเซี๊ยะ” มาเฆี่ยน 90 ที จากนั้นนำร่างไร้วิญญาณมาผูกหลักตัดหัว เสียบประจานไว้ ณ วัดพลับพลาไชย
แฟ้มบันทึกจากคดีนี้ เป็นดั่งประกาศให้ชาวประชาในสมัยนั้น เกรงกลัวพระราชอาญาแผ่นดิน ห้ามคิดกระทำความผิด ถึงแม้นความตายจะพรากวิญญาณไป แต่ก็ยังมิอาจหนีอาญาแผ่นดินได้
🙏กดไลค์กดแชร์และติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ❤️ขอบคุณครับ..
อ้างอิง:
- หนังสือเหตุการณ์น่าสนใจยุครัตนโกสินทร์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา