13 มี.ค. 2020 เวลา 00:30 • การศึกษา
ทำไมเนื้อสัตว์คือตัวการของโลกร้อน ตอนที่ 3 ป่า🌲
ในความเดิมตอนที่แล้ว...
เราได้เล่าถึงการใช้ที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพื่อการทำปศุสัตว์ ซึ่งเมื่อพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ไม่เพียงพอต่อความต้องการเนื้อสัตว์
สิ่งที่ตามมา นั่นคือการ "บุกรุกป่า"
จึงขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ ที่เพิ่งเป็นข่าวระดับโลกมาเล่าให้ทุกคนฟัง นั่นคือ "ไฟไหม้ป่าอะแมซอน"
ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่เมื่อปี 2019
ไฟป่า เป็นเหตุตามธรรมชาติที่เกิดกับป่าอะแมซอนมานานนับพันปีเป็นวงจรตามธรรมชาติ สาเหตุของไฟป่านั้น อาจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฟ้าผ่า ภูเขาไฟระเบิด ดินถล่ม การเสียดสีกันของเศษไม้ หรืออุบัติเหตุจากมนุษย์ เช่นสูบบุหรี่ หรือก่อกองไฟ เป็นต้น
ไฟป่าที่เกิดตามธรรมชาตินั้นมีประโยชน์อยู่ คือ ทำให้พืชพันธุ์ต้นกล้าต่าง ๆ สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ได้ และบางครั้งยังกระตุ้นให้เกิดดอกและเกิดผลของพืชพันธุ์บางชนิด จากเถ้าถ่าน และแร่ธาตุที่เพิ่มขึ้นการเผาไหม้ของไฟป่า
แต่ ไฟป่าอะแมซอนในประเทศบราซิลที่เกิดขึ้นในปีหลังๆมานี้ ต่างจากเหตุไฟป่าโดยทั่วไป... เพราะสาเหตุอันดับ 1 นั้นมาจากการทำปศุสัตว์
Credits: NY times
จากกราฟด้านล่างนี้จะเห็นว่า "สาเหตุของการเกิดไฟป่าอะแมซอน มาจากการถางพื้นที่เลี้ยงสัตว์ (Pasture) ถึง 63%"
มีรายงานว่า เหตุไฟป่าอะแมซอนทวีความรุนแรงและกินพื้นที่มากขึ้นทุกปี จนอาจจะเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศขนาดใหญ่ของโลกได้
ระบบนิเวศของโลกนั้น ต้องการป่าอะเมซอน เพราะ ป่าอะแมซอนคือป็นป่าดิบชื้นเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุด เปรียบเสมือนปอดของโลก สร้างออกซิเจนให้ชั้นบรรยากาศ และดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้โลกถึง 1,500-2,000 ล้านตันต่อปี ทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์และพืชบางชนิดที่ไม่มีที่ใดในโลก
รายงานการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ พบว่า
"สาเหตุใหญ่ที่สุด ของไฟป่าอะแมซอนในปีหลังๆมานี้ เกิดจาก การเผาถางพื้นที่ แนวต้นไม้ใหญ่ เพื่อทำให้เป็นทุ่งหญ้ากว้างที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงสัตว์"
การเผานี้เองทำให้ไฟไหม้ลุกลามกินพื้นที่ป่าเข้าไปด้านใน อีกทั้งการเผาไม่ได้เกิดขึ้นจากจุดเดียว แต่เกิดพร้อมๆกันในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง ประกอบกับภาวะโลกร้อนที่ทำให้อากาศแห้ง ยิ่งไฟติดง่าย ก่อให้เกิดความเสียหายกับป่าไม้ พืชพรรณหายาก และสัตว์ป่าจำนวนมาก
สีแดงคือจุดที่มีไฟไหม้ในเขตป่าอะแมซอน
มาถึงตอนนี้ ทุกคนอาจมีคำถามว่า
การเลี้ยงสัตว์มันส่งผลขนาดนั้น จริงหรือ?
เราให้คุณดูข้อมูลเหล่านี้...
• ประเทศบราซิลเป็นประเทศที่ผลิตเนื้อส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก
• 50% ของพื้นเลี้ยงสัตว์ในประเทศบราซิล เดิมเคยเป็นป่าดิบชื้นมาก่อน
แล้วทำไมรัฐบาลบราซิลถึงไม่จัดการเรื่องนี้?
อันที่จริง อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์นั้นทำรายได้เข้าสู่ประเทศได่อย่างหมาศาล และกลุ่มนายทุนใหญ่ของบราซิลเป็นผู้ได้ผลประโยชน์ บวกกับการที่รัฐบาลหละหลวมในการออกกฎหมายด้านป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ทำให้เหตุไฟป่าของอะแมซอน ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง
กล่าวคือ ไฟป่าอะแมซอน ยังคงเกิดขึ้น เพราะมีผู้ได้รับผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ นั่นคือ กลุ่มนายทุนที่เป็นระดับมหาเศรษฐีของบราซิลที่ประกอบธุรกิจเนื้อสัตว์ขนาดใหญ่ และรัฐบาลบราซิลเองที่สนับสนุนก และออกกฎหมายเอื้อผลประโยชน์กับนายทุนเหล่านี้
ฟังดูคล้ายๆกับประเทศแถวนี้มั้ย?
และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ จากการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง The Guardian, BBC และ New York times พบว่า ...
มีนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถูกฆาตกรรมอำพรางในบราซิลมากถึง 1,100 คน ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
มีนักเคลื่อนไหว เพื่อป่าอะแมซอน ที่เสียชีวิตลงด้วยเหตุต่างๆ เช่น ถูกยิง ไฟไหม้ อุบัติเหตุ หรือหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งหลายคนเชื่อว่ารัฐบาลบราซิลมีส่วนรู้เห็น
ล่าสุดปี 2019 Paulo Paulino Guajajara นักอนุรักษ์ที่ออกมาเรียกร้องเพื่อป่าอะแมซอน ถูกยิงเสียชีวิต (https://www.theguardian.com/world/2009/apr/08/brazilian-murder-dorothy-stang)
ทุกวันนี้ยังคงมีการดำเนินคดี และการทำร้ายคนที่ออกมารณรงค์เรียกร้องต่อรัฐบาล จากการที่รัฐไม่ออกกฎหมายอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการรักษาป่าอะแมซอน หากใครที่แข็งกร้าวโจมตีกลุ่มนายทุนอย่าเปิดเผยนั้น มักจบไม่สวย
ล่าสุดประธานาธิบดีบราซิลถึงกับออกมาต่อว่า ดาราฮอลลีวูดอย่าง ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ ว่าเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มคนให้เผาป่าเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล (บ้าไปแล้ว!)
Credit : The Guardians
นี่ไม่ใช่เรื่องของคนบราซิล...เพราะมีกลุ่มอนุรักษ์ในประเทศต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว รณรงค์ในเรื่องนี้จริงจัง เพราะป่าอะแมซอนไม่ใช่สมบัติของบราซิล แต่คือสมบัติของคนทั้งโลก
ทุกปี...ไฟป่าอะแมซอนจะยังคงดำเนินต่อไป
ทุกปี...ไฟป่าในพืนที่อื่นๆของโลกยังคงดำเนินต่อไป
ทุกปี...กลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อป่าจะยังคงเจ็บตัวต่อไป
และทุกปี...เราทุกคนที่อยู่ในอีกซีกโลก จะยังคงนิ่งเฉยต่อไป?
แล้วเราคนธรรมดาจะทำอะไรได้ ?
บินไปดับไฟที่บราซิลไหม?
ไปร่วมเดินขบวนไหม?
หรือบริจาคเงินไหม? (เหมือนพวกดาราฮอลลีวู้ด)
วิธีการที่ง่าย ไม่เหนื่อย และตัวคุณยังปลอดภัยอยู่ก็คือ
"การบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง"
หากทุกคนช่วยกัน ความต้องการบริโภคโดยรวม(Demand)ก็จะลดลง ส่งผลให้ต้องผลิต(Supply) น้อยลง ทำให้การถางพื้นที่ป่าเพื่อเลี้ยงสัตว์ลดลง
และลดการเกิดไฟป่าได้ อนาคตเราจะมีพื้นที่ป่ามากขึ้น
ฉะนั้น
ลดเนื้อสัตว์ = ช่วยผืนป่า ช่วยชีวิตสัตว์และคนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมากมาย
เป็นคุณ...คุณจะช่วยไหม?
บทความโดย "กินพืช"
Credit: mynation.com
โฆษณา