Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เจาะเวลาหาอดีต
•
ติดตาม
21 มี.ค. 2020 เวลา 13:46 • ประวัติศาสตร์
ย้อนรอยกรุขุมสมบัติโบราณที่ใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งถูกค้นพบโดยแก๊งหัวขโมย
กรุขุมสมบัติที่ว่า ตั้งอยู่ที่วัดราชบูรณะ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ติดกับวัดมหาธาตุทางบริเวณทิศตะวันออก ห่างจากพระราชวังโบราณเพียงเล็กน้อย สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ในปี พ.ศ. 1967
วัดราชบูรณะ ภาพจาก: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000031637
เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนครอินทราธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งกรุงศรีอยุธยา และพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีพระราชโอรสของพระองค์ 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยาและเจ้าสามพระยา
ในปี พ.ศ. 1967 สมเด็จพระนครินทราธิราชเสด็จสวรรคตโดยยังไม่ได้สถาปนาพระมหาอุปราชผู้เป็นรัชทายาทครองกรุงศรีอยุธยา เจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยาทราบข่าวการสวรรคต จึงยกกองทัพเข้ากรุง เพื่อชิงราชสมบัติสืบแทนพระราชบิดา ทั้งสองพระองค์จึงเคลื่อนทัพเข้าสู้รบกัน ผลปรากฏว่า ทั้ง 2 พระองค์ทรงพระแสงของ้าวฟันต้องพระศอขาดพร้อมกันทำให้สวรรคตทั้งคู่
2
วัดราชบูรณะ
เจ้าสามพระยาซึ่งไม่ได้มาร่วมรบ จึงได้สิทธิ์ขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา ต่อมาพระองค์ทรงจัดการถวายเพลิงพระศพ พระเชษฐาธิราชทั้งสองพระองค์พร้อมกัน ทรงอุทิศสร้างพระเจดีย์สององค์ไว้ที่เชิงสะพานป่าถ่าน และโปรดให้สร้างพระปรางค์องใหญ่ขึ้นอีกองค์หนึ่งใกล้กับพระเจดีย์ทั้งสอง
• วิเคราะห์ตามหลักฐานทางพงศาวดาร •
“...จึงให้พระราชกุมารท่าน พระนครอินทร์เจ้า เสวยราชสมบัติเมืองนครหลวง ท่านจึงให้เอาพระยาแก้ว พระยาเดโชและครอบครัว และทั้งรูปพระโค รูปสิงห์ สัตว์ทั้งปวงมาด้วย ครั้นถึงพระนครศรีอยุธยา จึ่งให้เอารูปสัตว์ทั้งปวงไปบูชาไว้ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุบ้าง ไปไว้วัดพระศรีสรรเพชญ์บ้าง...”
***สันนิษฐานว่าเจ้าสามพระยาทรงนำสมบัติเหล่านี้ไว้ที่กรุบริเวณพระปรางค์ วัดราชบูรณะขณะทำการสร้างพระปรางค์และเจดีย์ทั้งสอง
ซึ่งตามพงศาวดารได้บอกเพียงว่ามีการขนย้ายสิ่งของไปไว้ที่วัดมหาธาตุและวัดพระศรีสรรเพชญ ส่วนเรื่องวัดราชบูรณะคาดว่าคงต้องการให้เป็นความลับ
วัดราชบูรณะสถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงและโด่งดังมาก กับการถูกกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่ง ลักลอบขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน ในปี พ.ศ. 2499 กรุแห่งนี้ยังไม่เคยมีใครกล้าบุกรุกมาก่อนแม้แต่กรมศิลปรากร จากข้อมูลตามข่าวในสมัยนั้น เริ่มจากมีสามหัวขโมยเข้าไปขุดหาพระเครื่องตามซากปรักหักพัง โดยลงมือขุดในคืนวันที่ 27 ตุลาคม แต่ขณะที่กำลังขุดได้เกิดลมพัดและฝนตกอย่างรุนแรง ทั้งสามจึงเปลี่ยนขึ้นไปขุดที่ชั้นบนพระปรางค์และนำชะแลงงัดเข้าไปห้องใต้พระปรางค์
หัวขโมยทั้งสามอยู่ตรงศูนย์กลางในห้ององค์พระปรางค์ ซึ่งตรงกับกรุพอดี ผู้ร้ายเปิด
งัดศิลาแลงลงไปลึกประมาณ 3.60 เมตร
ตรงปากหลุมกว้างประมาณ 2.50 เมตร
และค่อยๆ เจาะจนถึงก้นหลุมเหลือกว้างประมาณ 0.70 เมตร ก็ถึงห้องกรุ ห้องที่ 1 ขนาดห้องกว้าง 1.40 เมตร
ช่องที่ถูกเจาะ
เมื่ออยู่ภายในห้องใต้ประปรางค์ หัวขโมยทั้งสามได้สังเกตุว่าพื้นที่ตนเหยียบเป็นเพียงหินแผ่นหนึ่งวางกั้นไว้ คล้ายกับปิดอะไรที่พื้นไว้ จึงช่วยกันยกขึ้นและส่องไฟฉายลงไป แทบตะลึง ทุกอย่างล้วนเหลืองอร่ามไปด้วยทองคำ หัวขโมยได้วางแผนการขนย้ายสมบัติทั้งหมด โดยสองคนลงไปทำการขนย้ายด้านล่างกรุ ส่วนอีกคนชักรอกขึ้นมาทยอยไปเก็บไว้ที่บ้าน
จนในคืนที่ 3 ทั้งสองคนที่อยู่ภายในกรุเริ่มสงสัยและห่วงสมบัติที่ไปเก็บไว้ จึงตามไปที่บ้านของหัวขโมยคนที่เอาสมบัติไปเก็บ ปรากฏว่ามีคนที่รู้เรื่องมาร่วมขอส่วนแบ่งนับสิบคน
ต่อมาแผนการณ์ทุกอย่างได้ถูกเปิดโปง เมื่อมีนายตำรวจชั้นผู้น้อย 2 คนที่เข้ามารับส่วนแบ่ง ดื่มสุราและไปคุยโวถึงความร่ำรวยให้ผู้บังคับบัญชาฟังบนโรงพัก จนนายตำรวจเริ่มสงสัยและระแคะระคาย จึงสืบสาวเรื่องราวต่อ
พระแสงขรรค์ที่ถูกขโมยไปนำกลับมาได้ ภาพจาก: https://www.matichon.co.th/entertainment/arts-culture/news_106181
พร้อมกับในช่วงนั้น หัวหน้าทีมแก๊งหัวขโมยขุดกรุมีอาการประสาทหลอน เมื่อสมบัติที่นำไปฝากไว้ตามบ้านผู้ที่ตนเองสนิทแต่กลับถูกเชิดไปซะเอง ตนเองจึงเสียสติคลั่งใส่พระมาลาถือพระขรรค์สมบัติที่เหลือ ไปร่ายรำที่หน้าตลาดหัวรอ ชาวบ้านและตำรวจเห็นเข้าก็คิดว่าเป็นของปลอม แต่ภายหลังทราบว่าเป็นของจริงที่ถูกลักลอบขุดกรุมา
3
ภาพจากมติชนออนไลน์
เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยตามจับหัวขโมยทั้งแก๊ง ทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและอ้อมได้ราว 20 คน มีการเล่าว่าร้านทองที่รับซื้อสมบัติไว้ เปิดเตาหลอมกันทั้งวันทั้งคืนก่อนที่ตำรวจจะตามมาพบเข้า
1
วัตถุโบราณ ณ กรุวัดราชบูรณะ
มีการประมาณการสมบัติที่หายไปจากเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ที่เหลือเพียงเครื่องทองราชูปโภคจากกรุวัดราชบูรณะรวมแล้ว มีน้ำหนักราว 100 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งสามารถตามกลับคืนมาได้ คิดเป็นเปอร์เซ็นได้ราว 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนนอกนั้นว่ากันว่าสมบัติอันล้ำค่าของชาติได้ถูกนำไปหลอมแปลงสภาพและหลุดขายออกไปสู่ต่างประเทศ จนไม่สามารถประเมินมูลค่าได้
1
แม้กระทั่งปัจจุบันยังมีการค้นพบโบราณวัตถุที่ตรวจสอบได้ว่าเป็นศิลปะในสมัยอยุธยาอยู่ต่างประเทศ เช่น พระมาลาในพิพิธภัณฑ์อาเซียนอาร์ต สหรัฐอเมริกา เชื่อว่าเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่หลุดไปจากกรุวัดราชบูรณะ เช่นกัน
พระมาลาในพิพิธภัณฑ์อาเซียนอาร์ต สหรัฐอเมริกา
ต่อมากรมศิลปากร ได้สร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ขึ้นเพื่อเก็บรักษา จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ รวมถึงโบราณวัตถุที่พบในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
1
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ภาพจาก:INNNews
อาคารก่อสร้างด้วยเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งผู้บริจาคจะได้รับพระพิมพ์ที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะเป็นการสมนาคุณ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระนามสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ผู้ทรงสร้างพระปรางค์วัดราชบูรณะเป็นนามพิพิธภัณฑ์
❤️กดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเป็นกำลังใจ🙏
อ้างอิง:
-
https://www.museumthailand.com/th/museum/Chao-Sam-Phraya-National-Museum
-
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000031637
-
https://www.matichon.co.th/entertainment/arts-culture/news_98635
-
https://th.m.wikipedia.org/wiki/วัดราชบูรณะ_(จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
35 บันทึก
163
46
24
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อยุธยายอยศยิ่งฟ้า
35
163
46
24
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย