Learning Visual Diary #54 : Work From Home อย่างมีคุณภาพกันเถอะ
สวัสดีครับทุกท่าน ในสถานการณ์ Covid19 เราทุกคนต้องปรับตัวอย่างมาก ภายใต้ภาวะที่ท้าทายเช่นนี้ วันนี้ทุกคนพูดถึง Work from Home ครับ ผมเลยอยากมาชวนคุยหลายๆแง่มุมของ WFH ทำแล้วดียังไง หรือว่าไม่ดี แล้วถ้าต้องทำควรปรีบวิธีคิดวิธีทำงานยังไง ใหนๆเราก็ต้องเผชิญกับมันครับ ก็มาทำความรู้จักกับ WFH กันครับ
คือมันอย่างนี้ครับ...
จริงๆแล้วต่อให้เราไม่ได้อยู่สภาพการณ์แบบนี้ Work from Home ก็ถือเป็น trend หนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึงมากครับ เพราะในยุคที่เต็มไ ปด้วย gen Y และ Z ซึ่งให้มูลค่ากับความอิสระอยู่แล้ว เราจะมีการพูดกันเรื่อง Flexible time มากขึ้น จากการสำรวจใน US ในปี 2018 พบว่า 57%ของคนทำงานประจำใข้ flexible time และประมาณ 25% มีการทำ Work form Home เป็นบางครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เรามีเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ง่าย
วัตถุประสงค์ของ Work from Home ถ้าเป็นแบบดั้งเดิมเลย มันก็คงเริ่มจากความจำเป็นของตัวพนักงานหรือสถานการณ์ เช่น คุณแม่มือใหม่ขอ work from home เพื่อดูแลลูก น้ำท่วมที่หลายคนยังจำได้ จนถึง Covid19 ในปัจจุบัน แต่นอกจากเหตุผลด้านความจำเป็น มันก็ยังมีเหตุผลด้าน productivity ด้วย เหมือนที่เราเคยคุยกันในหนังสือ Drive ว่าแรงจูงใจของคนใสปัจจุบันนี้้ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องอิสระที่จะเลือกงาน ที่ทำงาน เวลาทำงาน ที่พูดมาก็ฟังดูว่า WFH ก็ดี ลองมาพิจารณาด้วยกันครับ
ข้อสนับสนุนของ WFH
1. ประหยัดเวลาและเงิน ข้อนี้จริงมากๆโดยเฉพาะการทำงานในกรุงเทพ เราต้องเสียเวลาเป็นจำนวนมากบนถนน โดยที่ไม่ได้อะไรเลย การ Work from Home ทำให้ตัวเราและองค์กรได้เวลานี้กลับมา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พูดถึงว่าพนักงานที่ Work from Home มีแนวโน้มที่จะมีเวลาพักในช่วง Working Hour ลดลง ก็อาจเป็นเพราะไม่ต้องเดินไปใหนไม่มีที่ช๊อปปิ้งมั้งครับ นอกจากนี้ยังมีสถิติว่าพนักงานมีแนวโน้มลาป่วยลดลง อาจเป็นเพราะอยู่บ้านอยู่แล้วป่วยนิดหน่อยก็อาจจะไม่ลาก็ได้ครับ
2. Work-Life Balance อยู่บ้านก็ทำให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายขึ้น มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น รู้สึกมีอิสระมากขึ้น บางคนหรือบางองค์กรมองว่า Work from Home ถือเป็น benefit สำหรับพนักงานเลยครับ ลองคิดง่ายๆว่าถ้าเราได้ Work from Home แล้วเราได้งานใหม่ที่เงินเดือนมากขึ้นแต่ไม่มี WFH แล้วเราอาจจะไม่ไปก็ได้นะครับ อย่างน้อยถ้าไม่มากพอหรือไม่มากกว่าค่าน้ำมันที่ต้องเสียไป
2. ขาดการสื่อสารต่อหน้า แม้จะมี video conference แต่เราก็จะขาดการสื่อสารผ่าน body language ไปเยอะเหมือนกัน งานบางงานทำต่อหน้าดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการให้ feedback การสอนงาน ต้องอย่าลืมว่าการสื่อสารมนุษย์ผ่านภาษาเป็นแค่ 20% ส่วน body language ทำหน้าที่อีก 80%ที่เหลือครับ
Culture ข้อนี้เป็นเรื่อง mindset การทำ WFH ให้ได้ผลดี ต่องเริ่มจาก mindset ของผู้บริหาร องค์กรต้องมีความชัดเจนเรื่อง core value มากๆ ทีมต้องเห็นเป้าหมายเหมือนๆกันตั้งแต่บนถึงล่าง เมื่อทีมมีเป้าหมายเดียวกัน ทีมก็จะมีความรับผิดชอบต่อเป้าหมาย ซึ่งองค์กรหรือผู้บริหารต้องมีความเชื่อเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่ไม่ใช่แค่ความเชื่อใจที่มาจากตำแหน่งหรือความสามารถ แต่เป็นความเชื่อใจที่มาจากเป้าหมายเดียวกัน ทำให้การ empowerment มันเป็นการกระจายความเชื่อใจออกไปได้จริงๆ ปัจจุบันมีการพูดถึงการทำงานแบบ Result Only Work Environment (ROWE) ที่บอกว่าจะทำงานแบบใหนก็ได้ เข้างานที่ใหนก็ได้ แต่ต้องมีเป้าของผลลัพธ์ที่เหมือนกันครับ เหมือนที่ Jeff Bezos พูดไว้ว่า "Stubborn on vision and flixible on details" แต่ก็แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ support สองข้อแรกก็ต้องมีด้วยนะครับ