Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
•
ติดตาม
11 เม.ย. 2020 เวลา 05:40 • บันเทิง
MovieTalk ภูมิใจเสนอ นิยายบู๊ภูธร
“บางบอกดิก” ตอนที่ 10
โดย มูฟวี่ เมืองกรุง
1
ความเดิมตอนที่แล้ว
แม่ฉัตรเล่าให้ปามฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยที่ข้าวกับก้อมเข้ามาบางกอกใหม่ ๆ และได้ช่วยชีวิตนายแม่ หรือแม่น้อย แม่ของฉัตรที่กำลังโรคหัวใจกำเริบ นายแม่จึงรับข้าวกับก้อมเข้าทำงาน และให้ไปพักอาศัยที่เรือนแพเก่าริมคลองท้ายสวนตลิ่งชัน
ขณะเดียวกัน ภาพ คนรักเก่าของฉัตร ได้แอบสะกดรอยตามมาโดยตลอด และเป็นคนเดียวกับที่เคยแอบเฝ้ามองฉัตรที่วัดในวันก่อน ปล้นอาวุธจากพ่อเลี้ยงก้อม ภาพกลับมาในฐานะ เสือมุบแห่งป่าพยนต์ ที่กลับมาล้างแค้นข้าวกับก้อม
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ขอเชิญติดตามอ่าน “บางบอกดิก” ได้ ณ บัดนี้...
บางบอกดิก ตอนที่ 10
ป่าพยนต์
ไร้ ท่าแร้งค่อย ๆ บังคับรถปิคอัพแล่นผ่านแนวป่าเข้าไปส่วนลึก ก่อนจะจอดรถไว้ใต้โพรงแห่งหนึ่งและมันถูกปกปิดด้วยกลุ่มต้นไม้ที่บดบังทางเข้าไว้เป็นอย่างดี
เสือมุบกับไร้เดินทางด้วยเท้า ลัดเลาะไปตามแนวป่าจนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเบื้องหน้าของทั้งสองคือ
“ศาลเพียงตา” และต้นไทรผูกผ้าสามสี
เมื่อกวาดตามองสภาพรอบข้าง การที่มีศาลเพียงตาปรักหักพังเก่าโทรม ตั้งโดดเด่นข้างต้นไทรผูกผ้าแพรสามสีหลายสิบเส้น ละอองหมอกที่ลอยคลอบคลุม เห็นแสงตะวันบางส่วนที่ส่องผ่านกิ่งไม้ลงมาเห็นเป็นลำ ทั้งหมดทำให้บรรยากาศโดยรอบดูหลอน วังเวง และน่าสะพรึงกลัว
คำเตือน เขตป่าพยนต์ ห้ามเข้า
พร้อมกับป้ายปักไว้เขียนด้วยเลือด “คำเตือน เขตป่าพยนต์ ห้ามเข้า”
เสือมุบกับไร้ท่าแร้งเดินผ่านป้ายนั้นก่อนจะร่างของทั้งสองจะกลืนหายไปในม่านหมอกเหล่านั้น
ในป่าพยนต์ส่วนลึกที่สุด หลังจากทั้งสองเดินผ่านแนวกำแพงป่าไม้มาแล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีความสุขสงบ
หมู่บ้านป่าพยนต์
เสือมุบกับไร้เดินตรงไปที่กลางลานของหมู่บ้าน มีคนสามคนหน้าตาไม่ต่างจากพวกเศรษฐีจากเมืองกรุง ที่ทำเป็นแต่งชุดเดินป่าเหมือนตัวเองเป็นายพรานจริง ๆ โดนจับมัดกับเสาไว้กลางแดด ท่าทางพวกมันเหนื่อยล้าอิดโรยอย่างสาหัส
มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในกระท่อมใกล้ ๆ กันนั้น เสือมุบและไร้เดินตรงเข้าไปนั่งพักที่แคร่ มีสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งวิ่งไปตักน้ำจากในตุ่มมาส่งให้
เสือมุบรับมา แต่ยื่นส่งให้ไร้ดื่มก่อน ไร้เหมือนจะลังเล แต่เห็นเสือมุบพยักหน้าจึงได้รับมาดื่ม ก่อนส่งคืนกลับให้เสือมุบที่รับขันน้ำนั้นมาดื่มต่อก่อนจะเอ่ยถาม
“พี่หนัง ไอ้สามคนที่ถูกผูกไว้กับเสายืนตากแห้งนี่มันเป็นใคร?”
“พวกเจ้าสัวแอบเข้ามาในป่าพยนต์แล้วล่าสัตว์น่ะ” หนังตอบกลับ
“มันไม่กลัวคำเตือนเหรอ?” เสือมุบย้อนถาม
“น่าจะคนต่างถิ่น เห็นว่าเป็นเจ้าสัวใหญ่จากเมืองกรุงนะ ชอบเข้าป่าล่าสัตว์ คนของเราไปเจอตอนกำลังยิงแม่เสือดาว และกำลังจะยิงลูกเสือดาวอีกสองตัวด้วย”
เสือมุบมีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้พวกคนมีตังค์ที่ชอบมีงานอดิเรกล่าสัตว์นี่มันเป็นไงนะ ถึงเห็นชีวิตอื่นไม่มีค่ามีราคา”
เสือมุบ
จบคำเสือมุบก็ชักปืนพกออกมาขึ้นไกและเดินตรงดิ่งไปที่ทั้งสามคนที่กำลังถูกมัดอยู่ ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าชายร่างอ้วนพุงพลุ้ยที่ถูกมัดอยู่ตรงกลาง
เสือมุบเอาปากกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากของชายร่างอ้วนคนนั้น
“มึงชื่ออะไร?”
ชายร่างอ้วนหน้าซีดเหงือกแตกพลั่ก เพราะเวลานี้ปากกระบอกปืนแนบอยู่กับหน้าผากของตัวเอง
“ผม...ผม...ชื่อ..ซ้งครับ....อย่าทำผมเลยครับ....อยากได้เงินเท่าไหร่เดี๋ยวผมตีเช็คให้ครับ....ไว้ชีวิตผมเถอะครับ...”
เสือมุบมองตาขวาง
“มึงคิดว่าเงินมึงซื้อได้ทุกอย่างเหรอ แล้วเสือดาวมันมีโอกาสขอชีวิตแบบมึงไหม?”
“ผม...ผม...ผิดไปแล้วครับ อย่าฆ่าผมเลย....ให้โอกาสผมเถอะ....”
“ปังงงงง”
เสือมุบตะโกนเสียงดัง “ปัง” ดังลั่นไปทั่ว
เจ้าสัวซ้งตกใจจนฉี่ราดเต็มกางเกง
เสือมุบหันกลับมาสั่ง
“หมูแว่น แกะรอยทางผ่านถิ่นเสือโคร่งได้ใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุน้อยกว่าไร้ ท่าแร้งปราดออกมาจากกระท่อมพยักหน้า
“ได้เลยพี่มุบ”
เสือมุบหันมามองหน้าเจ้าสัวซ้ง
“กูจะให้โอกาส..กูจะเอาพวกมึงสามคนไปปล่อยไว้ในถิ่นเสือโคร่ง ถ้ามึงเก่งจริง เอาชนะได้ ก็มีชีวิตรอดออกจากป่าแห่งนี้ไปได้อย่างเป็น ๆ”
“พวกมึงถนัดนักกับการใช้อาวุธล่าสัตว์ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นนักล่า กูจะให้มึงได้ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรีกับสัตว์ป่าที่มึงชอบล่าด้วยมือเปล่า”
“เอาตัวมันไป” เสือมุบสั่งเด็ดขาด
หมูแว่นกับพรรคพวกอีกห้าคนทำตามคำสั่งทันที พวกเจ้าสัวซ้งถูกแก้เชือกที่มัดกับเสาออก และถูกลากถูลู่ถูกังไปตามพื้น ทั้ง ๆ ที่ทั้งสามไม่ยินยอมจะไป พร้อมกับแหกปากร้องขอชีวิตไปตลอดทาง
เสือมุบยืนมองดูภาพที่อันน่าทุเรศตานั้นอย่างพอใจ ชายที่ชื่อหนังเดินมายืนข้าง ๆ เสือมุบมองดูหมูแว่นลากเจ้าสัวนักล่าจากไป
หนัง มิติ
หนัง มิติ คือชายที่ยืนเคียงข้างเสือมุบ ภาพความจำเก่า ๆ ผุดขึ้นมา
หลายปีแล้วสินะที่ หนัง มิติ รู้จักกับเสือมุบ ไม่ใช่สิ...ภาพ เทวารักษ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่มุ่งมั่นตามประสาข้าราชการไทยใหม่ไฟแรง ส่วนเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน
ภาพต่อสู้กับนายทุน เศรษฐี เจ้าสัวที่ทำทำผิดกฎหมาย รุกล้ำป่าสงวน ลักลอบล่าและค้าสัตว์สงวน และหนัง มิติคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ร่วมอุดมการณ์พิทักษ์ผืนป่า
แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดี เงินซื้อความถูกต้องได้ ไม่ว่าภาพและเขาจะจับคนร้ายมากี่คดี สุดท้ายมันก็จะหลุดรอด และลอยนวลได้เสมอ ตราบเท่าที่เจ้านายระดับเบื้องบนคุยกันใต้โต๊ะกับคนเหล่านี้
ครั้งสุดท้ายในฐานะเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของภาพก็คือ การที่ภาพถูกยัดข้อหาว่าใช้
ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อการลักลอบฆ่าและค้าสัตว์ป่าสงวน ทั้งหมดเป็นแผนของผู้มีอิทธิพลที่ต้องการจะกำจัดภาพให้พ้นทาง
เขากล้ายืนยันเลยว่าภาพ เทวารักษ์จะเป็นคนสุดท้ายที่คิดจะล่าสัตว์ป่าสงวนหรือลักลอบค้าสัตว์ การเห็นคนดี ๆ ต้องมาติดคุกในสิ่งที่ไม่ได้ทำเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ แต่เขาเองก็ไม่รอดข้อหาสมรู้ร่วมคิด และถูกจับพร้อม ๆ กับภาพ
แต่ระหว่างทางถูกส่งไปคุกที่เกาะตะรุเตา ภาพและเขาได้รับการช่วยเหลือจากทีม ตชด.ของเขาเอง หนังวางแผนให้ทุกคนเข้าใจว่าเรือที่ใช้หลบหนีเกิดอัปปางกลางทะเล และภาพ เทวารักษ์ หนัง มิติ และพวกจมทะเลตายไปหมดแล้ว
ภาพฝีกฝนทักษะการใช้อาวุธ และการต่อสู้จากหนัง มิติ
คิดถึงตอนนี้ หนัง มิติ กวาดตามองกลุ่มคนของพวกเขา
หมูแว่น มิติ น้องชายของเขาเอง เก่งด้านแกะรอย ไม่ว่ามันจะยุ่งยากแค่ไหน หมูแว่นสามารถทำได้เสมอ
ชม ตำนาน สายเหยี่ยวข่าว เมื่อลงพื้นที่ชมคือนักสะสมข้อมูล จอมจัดอันดับความ
สำคัญ
แมวป่า
แมวป่า สาวที่ดูนุ่มนิ่มจนไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ถ้าเรื่องใช้มีด เธอคือหมายเลขหนึ่ง
รกร
รกร คือ รุ่นน้องของภาพ เชี่ยวชาญงานถ่ายภาพ และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเสมอ
บีด บรรเลง หนุ่มท่าทางแปลก ๆ ไม่ค่อยพูด มักฮัมเพลงตลอดเวลา
ผี ตะลุมพุก เก่งเรื่องคาถา ยันต์ อาคม
ไร้ ท่าแร้ง และครอบครัว ที่ได้รับการช่วยเหลือจากภาพ ในวันที่โจรปล้น ไร้ แทบจะไม่ต่างจากน้องชายของภาพ
และตัวเขา หนัง มิติ ที่เป็นทั้งเพื่อน พี่ชาย และมันสมองของกลุ่ม
ภาพเคยบอกว่า ทุก ๆ คนที่นี่คือ ‘ครอบครัวของเขา’
และบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ภาพจะกลับมาล้างแค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พ่อเลี้ยงก้อม และ ผู้ใหญ่ข้าว
…..
หมูแว่น เอาพวกของเจ้าสัวซ้งไปปล่อยในถิ่นเสือผ่าน พวกนั้นได้ยืนตื่นตระหนกเหลียวซ้ายแลขวาไม่รู้จะทำอะไรต่อ
หมูแว่น มิติ
หลังจากนั้น หมูแว่นและพวกก็ล่าถอยออกมา ชั่วไม่นานก็ได้ยินเสียงเสือโคร่งคำรามสลับกับเสียงร้องโหยหวนดังแว่วมาแต่ไกล ก่อนจะเงียบไปในที่สุด
ระหว่างลัดเลาะกลับมา หมูแว่นพบร่องรอยรถจิ๊บที่มาตามเส้นทางในป่า จึงตามแกะรอยไปจนพบแคมป์พักชั่วคราว มีรถจิ๊บสองคันจอดนิ่งอยู่ และคนแต่งชุดลายพรางกลุ่มหนึ่ง นับดูได้สิบสองคน แต่ละคนดูจากหน้าตาน่าจะเป็นชาวจีน
หมูแว่นซุ่มจับตาก่อนจะหันมาสั่ง
“ไอ้จก เอ็งรีบไปบอกพี่มุบ มีกองกำลังต่างชาติเข้ามาในพื้นที่เรา เร็ว...”
ไอ้จกรีบปลีกตัวค่อย ๆ ย่องออกมาจนห่างไกล ก็เริ่มออกวิ่งกลับมายังที่หมู่บ้านพยนต์
ชั่วเวลาไม่ถึงชั่วโมง เสือมุบ, หนัง มิติ, ไร้ ท่าแร้ง, ผี ตะลุมพุก, ชม ตำนาน, บีด บรรเลง ก็ตามมาสมทบ
เสือมุบกระซิบถามหมูแว่น
“มันเป็นพวกไหน?”
“บอกยากครับพี่มุบ แต่ไม่ใช่พวก ผกค. หรือว้าแดงแน่ ๆ”
“เท่าที่ดูมันน่าจะเป็นพวกต่างชาตินะ เหมือนชาวจีน” หนัง มิติจับตามองเขม็ง
เสียงเหยียบกิ่งไม้หักดังขึ้นด้านหลัง ตามด้วยเสียงโหวกเหวกเป็นภาษาจีนดังขึ้น
ชม ตำนานที่อยู่รั้งท้าย เหลียวกลับตามเสียงทันทีที่กิ่งไม้หัก พอเห็นเป็นคนจีนที่แต่งชุดพรางก็รีบปราดเข้าชาร์จ มือขวาชักมีดพกตวัดตัดหลอดลม แต่มันยังช้าไปเสียงโหวกเหวกนั้นดังขึ้นก่อนที่คมมีดจะทันบาดคอหอยของหมอนั่น
มันดังพอที่จะทำให้คนในแคมป์นั้นรู้ตัว
เสียงปืนกลดังขึ้นกระหึ่มป่า ทั้งฝ่ายเสือมุบ และโจรชาวจีนต่างหาที่ซุ่มกำบัง และสาดกระสุนเข้าใส่กัน
ฝ่ายโจรชาวจีนคนหนึ่งปาระเบิดไปตามทิศทางที่พวกเสือมุบซ่อนตัวอยู่
ด้านของเสือมุบรีบแตกฮือ กระจายตัวออก บริเวณที่ปักหลักตรงนั้นกลายเป็นหลุมใหญ่หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น
ผี ตะลุมพุก
ผี ตะลุมพุก พนมมือบริกรรมคาถาก่อนเป่าทั่วร่าง แล้ววิ่งปราดออกไปประจัญหน้ากับหนึ่งในโจรชาวจีน
โจรคนนั้นตกใจ ชักปืนลั่นกระสุนเข้าใส่ผี แต่แล้วต้องตาค้างที่ผีไม่เป็นอะไร
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่โจรคนนั้นรู้สึกตัว เพราะผีกระโจนร่างเข้าใช้มีดปักฉึกเข้าที่กลางหน้าอกของโจรคนนั้นมิดด้าม
บีด บรรเลง
บีด บรรเลง ฮัมเพลงในลำคอพลางสลับเท้าที ขวาที โยกหลบไปมาอย่างรวดเร็ว จนโจรชาวจีนพลอยต้องหันซ้ายทีขวาที ลั่นกระสุนใส่จนมั่วไปหมด แต่พอรู้สึกตัวอีกที บีดก็ใช้โซ่ตวัดรัดคอก่อนจะกระโจนข้ามศรีษะของโจรชาวจีนพอบีดทิ้งตัวลงพื้น กระดูกคอของโจรคนนั้นก็หักพับลงไป
โจรชาวจีนอีกคนกระหน่ำกระสุนปืนใส่หมูแว่นที่หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ขนาดสองคนโอบ กระสุนปืนถากไปบริเวณด้านซ้ายขวาของหมูแว่นอย่างฉิวเฉียด เศษเปลือกไม้ที่ถูกกระสุนเจาะกะเทาะออกปลิวว่อน
หมูแว่น
หมูแว่นรูดตัวลงนั่งยอง ๆ กับพื้น ก่อนจะดึงหน้าไม้ออกมา หมูแว่นถอดแว่นดำฉาบปรอทออก บางลงเห็นเงาสะท้อนของโจรชาวจีนที่ยืนปักหลักลั่นกระสุนใส่อย่างเมามัน เขาเอาหน้าไม้ทาบที่ไหล่ หันปลายหน้าไม้ไปทางด้านหลังของตนเอง กะคำนวณทิศทาง องศา ก่อนจะเหนี่ยวไก
ลูกธนูจากหน้าไม้พุ่งวาบออกไป ตรงดิ่งเข้าปักฉึกกลางหน้าผากของโจรคนนั้น เสียงปืนหยุดลงพร้อมกับร่างโจรชาวจีนนั้นล้มลง หมูแว่นมองเห็นทั้งหมดผ่านเงาที่สะท้อนบนแว่น เจ้าตัวเป่าปากออกมาอย่างโล่งอก
หนัง มิติ
หนัง มิติ ชักปืนแมกกาซีน โคล์ท 1991A1 สองกระบอกถือกระชับมือ ก่อนจะกระโจนออกด้านข้าง ระหว่างลอยตัวก็สาดกระสุนปืนจากปากกระบอกปืนโคล์ทเป็นกึ่งอัตโนมัติ กระสุนนั้นทะลุร่างของโจรชาวจีนอีกสองคน พร้อม ๆ กับร่างของหนังกระแทกลงบนดินข้าง ๆ
เสือมุบกับไร้ ท่าแร้ง ตีกระหนาบเข้าใส่อีกสี่คนที่เหลือ ไร้ปามีดออกไปสองเล่ม มีดสองเล่มละลิ่วพุ่งเข้าปักที่คอหอยของโจรชาวจีนสองคน
ไร้ ท่าแร้ง
เสือมุบสาดกระสุนจากปืนพกในมือวิ่งเข้าเจาะกลางหน้าผากของโจรชาวจีนสามคนติดกัน
เสือมุบ
เสียงปืนสงบลง การต่อสู้ยุติลง โจรชาวจีนทั้งสิบเอ็ดคนกลายเป็นศพ
ชม ตำนาน เข้าไปค้นตัวในศพของทหารทุกคน ก่อนจะหันมาทางเสือมุบและส่ายหน้า พลางพูดขึ้น
“ไม่มีร่องรอยอะไรเลยพี่มุบ ไม่สามารถระบุตัวตนได้เป็นพวกไหน”
เสือมุบครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ เช่นเดียวกับหนังที่ขมวดคิ้วเหมือนกำลังหาเหตุผลที่โจรชาวจีนนี้หลงเข้ามาในป่าพยนต์ได้อย่างไร
หมูแว่นเดินไปสำรวจโดยรอบก่อนจะวิ่งกลับมา
“ถ้าดูจะทิศทางที่มันคิดจะมุ่งไป น่าจะเข้าไปในเขตบ้านบางบอกดิกนะพี่ ส่วนทิศทางที่มันมา คำนวณได้ยากเพราะเลยไปเป็นเขตรอยต่อตะเข็บชายแดน และเทือกเขายากจะบอกได้ว่ามันมาโดยรถจิ๊บ หรือมาด้วยเส้นทางอื่นก่อนจะมาเปลี่ยนถ่ายเป็นรถจิ๊บครับ”
หนังมิติหันมาสั่ง “พวกเราเก็บศพ และรถจิ๊บมันไป เราจะไม่ทิ้งเบาะแสใด ๆ ...” พลางหันไปรอบสภาพรอบ ๆ ที่เห็นได้ถึงการปะทะกันเสมือนหนึ่งมีสมรภูมิย่อย ๆ เกิดขึ้น “ส่วนที่เกิดเหตุเราคงต้องปล่อยไว้แบบนี้”
คนของเสือมุบดำเนินการตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาทั้งคนทั้งรถทั้งศพก็หายสาบสูญเหมือนไร้ร่องรอย
หลังจากที่กลุ่มเสือมุบจากไปได้พักใหญ่ ในบ่อโคลนข้างล่างค่อย ๆ มีเงาหนึ่งเคลื่อนกายคืบคลานขึ้นมา เป็นโจรชาวจีนอีกคนหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน ชาวจีนคนนี้รีบกระโจนลงไปในบ่อโคลนเพื่อรักษาชีวิตไว้ ในใจของมันคิดว่าต้องรอดเพื่อไปรายงานเจ้านายของมัน เจ้านายมันคงไม่ชอบที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
โจรชาวจีนนั้นล้วงเข็มทิศขึ้นมาเพื่อจะหาทิศทาง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งขึ้น
“แบบนี้ก็แย่สิ ถ้าปล่อยไปก็คงเปิดเผยเรื่องของพวกเราแล้วล่ะ”
ชม ตำนาน ที่ยืนซุ่มเงียบอยู่หลังต้นไม้เดินออกมา
ตอนที่ซุ่มดู หมูแว่นนับจำนวนคนได้สิบสอง แต่มีศพเพียงสิบเอ็ดศพ มีหนึ่งคนที่หายไป หนัง มิติจึงสั่งให้ ชม ตำนาน ซุ่มรอคอยอยู่ที่นั่น
“ถ้าให้จัดอันดับ เอ็งน่าจะอยู่ในกลุ่มคนที่อึดระดับห้าแน่ แช่อยู่ในโคลนนอนนิ่งได้นานขนาดนั้นโดยไม่ขยับเลย สุดยอด”
ชมเอ่ยชม แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่เข้าใจภาษาไทย
โจรคนนั้นดึงดาบที่สะพายไว้ด้านหลังออกมา เป็นดาบแบบที่มักเห็นในหนังจีนกำลังภายในที่พวกลิ่วล้อใช้
มันกระชับดาบแล้ววาดดาบควงไปมา ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง ท่าทางสีหน้ากระเหี้ยนกระหือพร้อมจะฟาดฟันให้คู่ต่อสู้ตรงหน้าตายไปข้างหนึ่ง
ชมส่ายศรีษะ ชักปืนโคล์ทออกมากระหน่ำยิงไปสามนัดซ้อน
ชม ตำนาน
โจรชาวจีนหงายร่างล้มตึง บนหน้าอกปรากฏรูกระสุนปืนสามรู ชมเดินเข้ายืนตรงหน้าร่างไร้ลมหายใจ
“ท่าทางแกจะดูหนังมากไปนะ ใครจะบ้าไปดวลดาบด้วย ในเมื่อมีปืนในมือ”
ชม ตำนานยักไหล่ ก่อนจะลากร่างไร้ลมหายใจของโจรชาวจีน โยนโครมลงไปในในบ่อโคลนที่โจรคนนี้เคยปีนขึ้นมา
“กลับไปอยู่ที่เดิมก็แล้วกัน”
พูดจบชม ตำนานก็หันหลังกลับ เดินหายลับไปในป่าทึบ
….
ปามตกใจหลังจากที่รู้ว่า ภาพ เทวารักษ์ คือคนรักเก่าของแม่ เธอมองแม่ที่นั่งเงียบ สายตาแม่ฉัตรมองไปที่ผืนน้ำก่อนจะหันมาสบตากับลูกสาว เหมือนจะรู้ใจว่าปามกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“แต่ผู้ชายที่แม่รักคือ พ่อข้าวของลูกนะปาม”
แม่ฉัตร
ปามเหมือนโล่งอกที่ได้ยินคำตอบนี้ เธอเงียบพลางส่งสายตาเหมือนรอให้แม่เล่าต่อ
“พ่อข้าวกับลุงก้อม เอ่อ...พ่อเลี้ยงก้อม ก็ได้ทำงานกับนายแม่ ความขยันและซื่อสัตย์ของพ่อข้าวทำให้นายแม่ไว้วางใจมาก พ่อข้าวได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าคุมสต๊อกสินค้า ส่วนพ่อเลี้ยงก้อมได้เป็นหัวหน้าฝ่ายรถขนสินค้า ทุกอย่างดำเนินไปจนกระทั่ง....”
“กระทั่งวันที่น้องสาวของแม่ กลับมาจากเมืองนอก” แม่ฉัตรเอ่ยถึงตอนนี้ก็มีสีหน้าเศร้า ในแววตายิ่งเศร้าและเจ็บปวด
ปาม
“น้องสาว...ปามมีน้าด้วยเหรอคะ ทำไมไม่เห็นไปมาหาสู่เราเลยล่ะคะ”
แม่ฉัตรไม่ตอบคำถาม พลางเล่าต่อ
“นายแม่ตั้งชื่อแม่ว่า ฉัตร...ฉัตรปวีร์ ส่วนน้องสาวแม่คือมณีรดา นายแม่บอกลูกสาวทั้งสองคือฉัตรมณีของนายแม่”
....
รถเบ็นซ์แล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าออฟฟิศโรงงาน
สาวคนหนึ่งก้าวลงจากรถ ท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ท่าทางการแต่งตัวก็แสนจะเปรี้ยวเฉี่ยวเปิ๊ดสะก๊าดมาก ๆ เธอถอดแว่นตาสีดำอันใหญ่ที่แทบจะกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้า พลางกวาดตามองเห็นแม่น้อยนั่งอยู่ในห้องทำงาน และมีผู้ชายสองคนยืนรอฟังคำสั่งอยู่
มณีรดา
หญิงสาวยิ้ม แล้วรีบสาวเท้าเดินตรงไป ผลักประตูและเดินเข้าไปในทันทีโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูก่อน
“คุณแม่ขา...” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้น
แม่น้อยหันมาตามเสียง เพ่งมองหญิงสาวที่ยืนตรงหน้าประตูสักครู่ ก่อนจะยิ้ม และลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปสวมกอดหญิงสาวคนนั้น
ส่วนชายสองคนที่ยืนคือข้าวที่กำลังยืนงุนงง ส่วนก้อมนั้นยืนตะลึงกับความงามของหญิงสาวพลางกระซิบกับข้าวเบา ๆ
“นายแม่มีลูกสาวอีกคนด้วยเหรอ ทำไมท่านไม่เคยบอกวะ”
“อาจเพราะเราไม่เคยถามมั้ง” ข้าวตอบแบบซื่อ ๆ
“ช่างเหมือนนางฟ้ามาจุติ เหมือนนางแบบที่เราเคยเห็นในหนังสือแฟชั่นเมืองนอกเลยนะ”
ข้าวไม่ได้ตอบ เพราะในใจของข้าว นางฟ้ามาจุติก็คือ ฉัตรปวีร์ เท่านั้น นางฟ้าที่ข้าวไม่กล้าแม้แต่จะคิด หรือเอื้อมถึง
นายแม่...แม่น้อย
“มณี ลูกเป็นไงบ้าง มาถึงทำไมไม่บอก แม่จะได้ไปรับที่ดอนเมือง”
แม่น้อยสำรวจมองลูกสาวอย่างดีใจและภูมิใจ
“ตั้งใจมาเซอร์ไพร์ซ คุณแม่โดยเฉพาะเลยค่ะ” มณีรดาตอบอย่างแย้มยิ้ม
“เดี๋ยวคืนนี้ต้องฉลองกันแล้ว ออกไปทานนอกบ้านกันดีไหม?” แม่น้อยถามขึ้น
“ไม่ล่ะค่ะ มายอยากทานข้าวฝีมือของแม่มากกว่า”
“มาย?...มายอะไรเหรอ?” แม่น้อยงุนงง
“อ๋อ...โทษทีค่ะ หนูติดปาก คืออยู่ที่อิตาลี คนที่นั่นเรียกชื่อมณีรดายากมากค่ะ หนูเลยเปลี่ยนจากมณีเป็นมายแทนค่ะ แล้วก็เลยติดปาก”
แม่น้อยยิ้มให้ลูกสาวพลางลูบศรีษะด้วยความรักและเอ็นดู “เอาเถอะ ตามใจ อยากจะแทนตัวเองแบบไหนก็ตามใจนะ”
“มายคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” มายตอบพร้อมกับสวมกอดแม่อีกครั้ง
แม่น้อยกอดตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้จึงเอ่ยแนะนำ
“มณี...มายจ้ะ แม่จะแนะนำสองคนนี้ คนซ้ายชื่อข้าว เป็นหัวหน้าคุมสต๊อกโรงงาน ส่วนคนขวาชื่อก้อมเป็นหัวหน้าขนส่งคลังสินค้า”
ข้าว และ ก้อม
ข้าวยกมือไหว้ ในขณะที่ก้อมทำท่าโค้งให้แบบที่ดูเหมือนจะหล่อที่สุดในความคิดของตนเอง ก้อมจำมาจากในหนังฝรั่งที่ตนเองเคยมีโอกาสเข้าไปดูในโรงหนังเฉลิมไทย
มายมองข้าวกับก้อมด้วยความรู้สึกขบขันกับท่าทีของทั้งสองคน คนหนึ่งก็สุภาพเกิน อีกคนก็คงจะจำมาจากในหนังกระมัง มายคิดในใจ
แม่น้อยหันมาสั่งข้าวและก้อม
“ก็ตามนั้นล่ะนะ ฝากข้าวกับก้อมดูแลจัดการเรื่องสินค้าให้เรียบร้อยด้วยนะ”
สั่งจบแม่น้อยก็เดินออกไปพร้อมกับมาย ส่วนก้อมใช้สายตาส่งเธอตั้งแต่หันหลังเดินออกไปจนกระทั่งรถเบ็นซ์ของนายแม่ลับหายไปจากสายตา พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ...อาการตกหลุมรักมันคงเป็นแบบนี้เองมั้งไอ้ข้าว”
“เอ็งก็ใฝ่สูงเกินไป เราเป็นลูกจ้างนายแม่นะ ต้องรู้สิอะไรควรไม่ควร”
ก้อม
“โธ่...ไอ้ข้าวเอ๊ย...” ก้อมหันมาชำเลืองมองเพื่อนด้วยสายตาแกมเยาะเย้ย “ยังกับเอ็งดีตายห่าล่ะ แล้วที่เอ็งเหม่อทุกครั้งที่เห็นคุณหนูฉัตรน่ะ อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าเอ็งแอบชอบอยู่”
“ข้าเปล่านะ...เอ็งคิดไปเอง...ต่างหาก” ข้าวรีบกลบเกลื่อน
ก้อมกอดคอเพื่อน พลางกล่าวอย่างจริงจัง
“ไอ้ข้าว ข้ากับเอ็งคบกันมาตั้งแต่เด็ก เอ็งคิดอะไรอยู่ ข้าก็ดูออก เอ็งอย่ามาไก๋เลย”
ข้าวก้มหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นแบบจำเลยที่จำนนต่อหลักฐาน
“ข้าไม่กล้าคิดหรอกวะ คุณหนูฉัตรมีแฟนอยู่แล้ว คุณภาพแกก็เป็นคนดีนะ ดูแลคุณหนูฉัตรอย่างดีเลย”
ก้อมไม่พูดอะไรต่อ พลางตบบ่าเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ
....
ฉัตรกลับจากมหาวิทยาลัย เหมือนเช่นทุกวันที่มีเรียน ภาพตามมาส่งที่บ้านเสมอ
ทันทีที่ฉัตรเดินเข้ามาในบ้าน มายที่นั่งคุยอยู่กับแม่น้อยเหลียวมาเห็นก็รีบลุกขึ้นปราดไปโผกอดฉัตรด้วยความคิดถึง
“พี่ฉัตร....พี่ฉัตรของมาย....คิดถึงพี่เหลือเกิน”
ฉัตรตกใจ และดีใจ เธอสวมกอดมาย ก่อนจะถามกลับ
“เดี๋ยวนะ มาย...เมย ...อะไรของเธอ”
มายเล่าให้ฉัตรฟังที่เธอเรียกแทนตัวเองว่า มาย แทนชื่อ มณี เหมือนที่เล่าให้แม่น้อยฟัง
หลังจากเล่าจบ เธอเพิ่งจะเห็นผู้ชายหน้าตาดี ท่าทางดูเท่ ยืนอยู่ด้านหลังของฉัตร เขาส่งยิ้มให้เธอ
ภาพ เทวารักษ์
มายขมวดคิ้วพยายามทบทวนความจำก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พี่ภาพ...พี่ภาพใช่ไหมคะ?”
ภาพพยักหน้าให้มาย มายรีบผละจากฉัตรโผเข้ากอดภาพทันที
ภาพตกใจ และยืนนิ่งแบบเขิน ๆ เขาไม่ชินกับการแสดงออกแบบนี้ จนทำตัวไม่ถูกว่าควรวางมือตรงไหน
แต่ภาพกระอักกระอ่วนใจมากเมื่อร่างกายสมส่วนของมายแนบชิดกับเขา จนเขาต้องเอามือทั้งสองข้างของตนเองมาจับที่หัวไหล่ของมายก่อนจะผลักเธอออกอย่างสุภาพ พลางเอ่ยทัก
“สวัสดีจ้ะ น้องสาว ไม่เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นจนจำแทบไม่ได้นะ”
มายยิ้มให้ภาพด้วยสีหน้าและแววตาที่มากกว่าปกติ
“พี่ภาพก็หล่อขึ้นนะคะ เท่เชียว มายเห็นแล้วแทบตกหลุมรักเลย...” มายพูดได้เท่านั้นเหมือนรู้สึกตัวหันมามองหน้าพี่ฉัตรที่ยืนงุนงงอยู่ พลางทำท่ายิ้มทีเล่นทีจริง
ฉัตรส่งยิ้มอย่างอบอุ่นให้มาย พลางตัดบทเพื่อหาทางออกให้ทุกคน
“ไปทานข้าวกันดีกว่าไหม พี่หิวแล้ว”
มายพยักหน้าพลางเดินจูงมือฉัตรไปที่โต๊ะกินข้าวที่นายแม่นั่งรออยู่ โดยมีภาพเดินตามอยู่ด้านหลัง
….
เช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ ฉัตรแต่งตัวเสร็จเตรียมก็ลงมานั่งอ่านหนังสือที่สวนข้างบ้าน เธอใช้เวลาดื่มด่ำกับพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มนั้นอยู่นานจนกระทั่งไม่รู้แม้กระทั่งภาพมานั่งอยู่ข้าง ๆ แล้ว
“อ้าว...ภาพมานานแล้วเหรอ...ทำไมไม่ทักเค้าล่ะ” ฉัตรยิ้มทักทาย
ฉัตรปวีร์
“ก็เห็นฉัตรนั่งอ่านอย่างใจจดจ่อก็ไม่อยากกวนนี่” ภาพยิ้มตอบ
“กวนได้ ฉัตรก็อ่านฆ่าเวลารอภาพน่ะแหละ ก็วันนี้เรานัดจะออกไปเดินสยามสแควร์กันไม่ใช่เหรอ เห็นภาพบ่น ๆ อยากดูหนังที่สกาล่าด้วยนี่”
“ไม่เป็นไร ดูหนังเรื่องเล็ก ได้นั่งมองหน้าฉัตรนาน ๆ ก็มีความสุขแล้ว” ภาพตอบส่งสายหวานฉ่ำให้
ฉัตรเขินหน้าแดง ตีมือภาพเบา ๆ “เซี้ยวจริง ๆ นายคนนี้”
ระหว่างที่ยังคุยกันอยู่ มายก็เดินมาสมทบพอดี
“อ้าว...อยู่นี่ทั้งพี่ฉัตร พี่ภาพเลยเหรอคะ แหม...ห่างกันไม่ได้เลยนะคู่นี้” มายพูดน้ำเสียงกึ่งประชด
“ก็นั่งคุยกันธรรมดาจ้ะ” ฉัตรตอบด้วยรอยยิ้ม
มณีรดา...มาย
มายเดินมานั่งลงข้าง ๆ ภาพ
“วันนี้มายอยากออกไปเปิดหูเปิดตา เพิ่งกลับมาอยากเห็นว่ากรุงเทพเปลี่ยนไปขนาดไหน พี่ภาพไปเป็นเพื่อนมายนะคะ พี่ฉัตรมายขอยืมตัวพี่ภาพไปเป็นบอดี้การ์ดสักวันนะคะ”
พูดยังไม่ทันจบ มายก็เอาแขนตัวเองสอดเข้าไปคล้องในวงแขนของภาพเสียแล้ว
ฉัตรมองดูและมีอาการตึงแว่บหนึ่ง ก่อนจะสลัดความคิดนี้ทิ้ง เธอยิ้มให้น้องสาวพลางตอบว่า
“ได้สิจ้ะ...ถ้ามายไปกับพี่ภาพ พี่ก็เบาใจ สุภาพบุรุษเต็มร้อยต้องยกให้ผู้ชายคนนี้เลย”
มายมีสีหน้าดีใจมาก โผเข้าไปสวมกอดพี่สาวตัวเอง แล้วก็รีบผันตัวไปฉุดลากภาพออกไปทันที
ภาพถูกมายลากไปพลางหันมามองด้วยสีหน้าเหมือนไม่เห็นด้วย เหมือนไม่อยากไป แต่ฉัตรยิ้ม พลางบุ้ยใบ้เหมือนกับจะตอบว่า “ไปเถอะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวนัดกันใหม่”
หลังจากทั้งสองจากไปแล้ว ฉัตรนั่งอยู่ตรงนั้น สายตาเธอมองในหน้ากระดาษพ็อคเก็ตบุ๊ค แต่ใจของเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น เหมือนมีความสับสน เหมือนมีคำถามเกิดขึ้นในใจของฉัตร
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของแม่น้อย ที่เวลานี้ถ้าใครได้เห็นสีหน้าของนายแม่จะรู้ว่าเธอกำลังหนักใจ
ที่นอกกำแพงรั้ว ถ้าใครจะสังเกตเห็น ข้าวที่กำลังจะเดินออกไปปากซอย ก็เห็นทุกอย่างเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าคนที่เขาแอบรักกำลังมีความทุกข์ใจ เวลานี้ข้าวได้แต่ปวดร้าวใจไปด้วย เขาอยากจะเดินเข้าไปหาฉัตร และอย่างน้อยก็อยากช่วยบอกเธอว่า “ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวอะไรมันจะดีขึ้นเอง”
ข้าว
แต่ข้าวก็ทำได้แค่คิดไว้ในใจเพียงเท่านั้น
“อ้าว...ก็ไหนแม่บอกว่าไม่ได้รักคุณภาพนี่คะ” ปามถามขึ้น
“ตอนแรกแม่ก็เข้าใจว่าแม่น่าจะรักภาพ แต่หลังจากที่ทบทวนแล้วแม่ก็พบว่า การที่แม่กับภาพโตมาด้วยกัน สนิทกันมาก เวลามันมากจนเราเหมือนเพื่อนกันมากกว่า ภาพเป็นเหมือนคนในครอบครัวของแม่ ที่แม่รู้สึกตอนนั้นก็คงเพราะเหมือนกับ...จะสูญเสียพี่ชายหรือเพื่อนไปมากกว่า”
“อ้าว...แล้วคุณภาพเขาคิดแบบนั้นเหมือนแม่รึเปล่า?” ปามย้อนถามอย่างเด็กช่างซัก
“ภาพเขารักแม่ และไม่ได้รักน้ามาย แต่ที่แม่รู้สึกผิดก็คือ แม่เหมือนยัดเยียดให้เขาต้องรักมาย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น และแม่ทำให้เขาเตลิดไปทำงานต่างจังหวัดเพื่อหนีทั้งแม่”
“อ้าว...แล้วพ่อข้าว เขามาชนะใจแม่ฉัตรได้ในตอนไหนล่ะคะ?”
ปามเริ่มงุนงนกับอดีตที่ชวนสับสนของคนรุ่นก่อน เธอเริ่มพบว่าเรื่องราวในอดีตไม่ใช่แค่เพียงใครคือพ่อแม่ที่แท้จริงของพี่ปิ้กเสียแล้ว มันเหมือนจะมีอะไรเกี่ยวพันกับผู้คนอีกมากมายที่ปามทั้งรู้จักและไม่รู้จัก
หลังจากส่งปิ้กเสร็จแล้ว ผู้ใหญ่ข้าวก็ถือโอกาสขับรถมาดูนาข้าวของตนเอง ส่วนปิ้กจะกลับมากับรถสองแถวเที่ยวสุดท้ายเอง
เวลานี้ผู้ใหญ่ข้าวมานั่งทอดหุ่ยอยู่บนเพิงที่กระท่อมปลายนา พลางร้องเพลงอย่างมีความสุข เขานั่งมองดูต้นข้าวที่กำลังเขียวขจีและกำลังออกรวงข้าวสีเหลืองทองเป็นภาพสีเขียวสลับสีทองทั่วท้องทุ่งนา
ผู้ใหญ่ข้าวมองดูควายสองตัว ตัวหนึ่งเพศเมียกำลังเคี้ยวเอื้องอยู่อย่างเอร็ดอร่อย ส่วนอีกตัวเพศผู้กำลังสนุกกับการแช่ตัวลงไปในปลักโคลน
“เออ....ไอ้โบ้นี่มันชอบลงไปแช่ปลักเหมือนไอ้บื้อพ่อมันเลยนะ” ผู้ใหญ่ข้าวพูดขึ้นลอย ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีความสุข
ผู้ใหญ๋ข้าว
แต่ความรู้สึกของผู้ใหญ่ข้าวมาสะดุดตรง “ไอ้บื้อ” นี่ล่ะ
ไอ้บื้อคือควายตัวที่เป็นพ่อของไอ้โบ้ที่กำลังแช่ปลักในตอนนี้ และเป็นตัวเดียวกับที่ข้าวสอนให้คุณหนูฉัตรลองหัดขี่ควาย
ไอ้ข้าวหนุ่มบ้านนาเดินจูง “ไอ้บื้อ” ควายที่มีคุณหนูฉัตรนั่งอยู่อย่างหวาด ๆ ตอนนั้นตะวันกำลังจะตกดิน แสงตะวันสะท้อนกับรวงข้าวจนเหมือนเป็นสีทองบนผืนดินที่ทั้งข้าวและฉัตรกำลังเดินไปด้วยกัน
นั่นคือวันที่มีความหมายมากที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชายที่ชื่อข้าว
เพราะมันเป็นวันที่ไอ้ข้าวบอกกับคุณหนูฉัตรว่า
“ผมรักคุณหนูฉัตรครับ!”
โปรดติดตามตอนตอ่ไป
หลังกล้อง “บางบอกดิก” ตอนที่ 10
เข้าสู่ตอนที่ 10 แล้ว พร้อมกับอดีตที่ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยปม (หรือทิ้งปมสงสัยมากกว่าเดิม?) จากตอนแรกผมตั้งใจว่าจะให้แม่ฉัตรเล่าเรื่องในอดีตคนเดียว แต่หลังจากเขียน ๆ ไป ผมกลับพบว่าวิธีจะทำให้ตัวละครในปัจจุบันถูกตัดออกไปเลย ซึ่งกว่าจะเล่าจบ คนอ่านอาจจะลืมตัวละครในเส้นเรื่องหลักไปแล้ว ผมเลยนำวิธีเล่าเรื่องที่สลับไปมาของ คริสโตเฟอร์ โนแลน และ การเล่าเรื่องเดียวกันแต่คนละมุมมองแบบใน “ราโชมอน” หนังของอากิระ คูโรซาว่า มาปรับใช้กับวิธีเล่าเรื่องแฟลชแบ็ก โดยจะมีตัวละครหลักคือ แม่ฉัตร, ผู้ใหญ่ข้าว, พ่อเลี้ยงก้อม และ เสือมุบ เล่าเรื่องในช่วงอดีตตามเวลาที่ต่างกัน วิธีจะทำให้เรื่องเดินไปข้างหน้า และบังคับให้คนอ่านต้องติดตามด้วย (แน่ะ...มีงี้ด้วย) คือต้องใช้สมาธิประมาณหนึ่งในการอ่าน จึงเป็นหน้าที่ของคนอ่านจะต้องนำเอาเบาะแสในอดีตมาปะติดปะต่อกันจนเป็นเรื่องเดียว ซึ่งวิธีนี้ผมมีแรงบันดาลใจจากหนังของเควนติน ตารันติโน่ และ Memento ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน
ผมต้องบอกว่าเดิมทีบท “ภาพ เทวารักษ์” จะไม่ใช่ผม แต่เป็น แฮปปี้ เพจ I’m happy หรือ เดี้ยม จากเพจ Medium size Pilot สองคนนี้อยู่มาก่อนผมและสนิททั้งกับพี่ข้าว เฮียก้อม น้องกู๊ด แต่สองคนนี้รายแรกมา ๆ ไป ๆ หาย ๆ ก็บ่อย ส่วนรายหลังหายไปเลยหลายเดือนแล้ว พอไม่สามารถหาใครมาลงได้เลยต้องเอาตัวเองมาสวมบทนี้ เลยต้องเปลี่ยนชื่อตัวละครให้ใกล้เคียงกับผมนั่นล่ะ
ซึ่งพอเป็นแบบนี้ก็ต้องปรับที่กลุ่มโจรป่าพยนต์ที่มีตัวละครมากมาย โดดเด่นกันไปคนละแบบ ผมเลยให้กลุ่มโจรป่าพยนต์จะต้องเป็นเพจรีวิวหนังที่ผมรู้จักและอยากร่วมสนุกเอามารวมตัวกันเป็นกลุ่มโจรป่าพยนต์ ซึ่งจริง ๆ มันแฝงนัยยะในคำเต็มว่า “ภาพยนตร์” นั่นเอง และการที่พวกเขามารวมตัวกันแบบนี้ และเสือมุบให้มองว่ากลุ่มของเขาเหมือน “ครอบครัว” คงคุ้น ๆ ใช่ไหม นั่นล่ะ ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก โดมินิค ทอเรตโต้ Fast & Furious กลุ่มคนนอกกฎหมายที่เก่งโคตร นั่นคือต้นทางที่ผมนำมาปรับไว้ในกลุ่มโจรป่าพยนต์ครับ
โจรป่าพยนต์ จะประกอบด้วย
หนัง มิติ ก็คงไม่ต้องบอกว่าคือเพจหนังหลายมิติ ตัวพี่หนังจะเป็นคนที่มองอะไรครอบคลุมกับทุก ๆ เรื่องก่อนจะเขียนบทความโดยมีหนังเป็นต้นทาง ดังนั้นเขาน่าจะเหมาะกับการเป็นเหมือนเสาหลักของกลุ่ม องก์ความรู้แน่น ดูน่าเกรงขาม ผมเลยเลือก เก่ง ชาติชาย มาเป็นร่างอวตารของพี่หนังหลายมิติ
หมูแว่น มิติ ที่เป็นน้องชายของหนัง มิติ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หมูแว่น เพจ หนังสือหนังหามาเล่า ผมว่าการรีเสิร์ชข้อมูลมาเพื่อเขียนของพี่หนัง กับหมูแว่นมีส่วนคล้ายกันตรงลงลึกในเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับหนัง แต่ของหมูแว่นจะหนักไปทางเอาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับในหนังมาย่อยให้เราอ่าน ความที่สองเพจนี้เขาคล้ายกัน ผมเลยให้เขาสองคนเป็นพี่น้องกัน ผมคิดว่าตัวจริงหมูแว่นเด็กกว่าผมกับพี่หนัง ก็เลยเลือก หมาก ปริญ มาเป็นร่างอวตารของหมูแว่นครับ เขาจะมีลักษณะของเด็กหนุ่มที่ดูดี และมีความเฮี้ยว ไม่ยอมใครอยู่ในที
ชม ตำนาน ก็คือเพจ นักชมในตำนาน เจ้าของการจัดอันดับหนังอันเป็นจุดขาย ผมมองว่าเขาน่าจะมีความเป็นตัวเองที่ไม่ค่อยตามกระแสอยู่ในเพจและตัวจริงน่าจะประมาณนึง จะมีลักษณะกวนนิด ๆ ห้าวหน่อย ๆ ผมเลยเลือก เต๋า สมชายมาเป็นร่างอวตารของนักชมในตำนาน
บีด บรรเลง มันเป็นการเล่นคำที่ชื่อ บีด มาจาก Beat ดังนั้นแคแรกเตอร์นักเขียนก็คือ Let’s Drop The Beat เพจน้องใหม่ที่ชอบ Mix เพลง EDM มาให้พวกเราฟัง น้องพิมเรียกชื่อเขาว่า “คุณบีท” เป็นคนที่ผมหาร่างอวตารยากที่สุด เพราะผมอยากได้คนที่มีความเป็นแร็พเปอร์ ดูบู๊หน่อย ๆ หัวขบถนิด ๆ แต่ศิลปินแร็พเมืองไทยที่มีแบบนั้นก็จะแต่งตัวออกมาเป็นแร็พเปอร์จ๋าเลย จนผมมาได้แบงก์แคลช ที่เขามักชอบแร็พในเพลงร็อคของเขา และแสดงบทบู๊ในหัวใจกับไกปืน เลยน่าจะเป็นร่างอวตารของบีท
ผี ตะลุมพุก ที่ผมใช้ร่างอวตารของ เรย์ แม็คโดนัลด์ เพราะเรย์จะมีความลึกลับ ดูร้าย ดูหม่น ๆ เขาน่าจะเป็นผีตะลุมพุกได้ เพราะนี่คือนักเขียนที่ยากที่สุดที่ผมจะจับเขามาอยู่ในนิยาย เพราะเพจเขาเล่าแต่เรื่องผี เรื่องความลึกลับ จะมาอยู่ในนิยายบู๊ได้อย่างไร แต่ในที่สุดก็อย่างที่เห็น เจ้าของเพจคือ น้องผี จากเพจ “เรื่องเล่าในความมืด”
ที่ปรากฏตัวในฉากส่งขันน้ำให้เสือมุบก็คือ แมวป่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเพจหนึ่งที่มีรูปแมวนำโชค ใช่แล้วครับ น้องชิคชิค จากเพจ chicchic-jp นั่นเอง ผมเลือกร่างอวตารของชิคเป็นน้องเต้ย จรินทร์พร เพราะเพจของชิคมีความคิขุคาวาอิมาก เต้ยเองก็ดูคาวาอิมากเหมือนกัน ดังนั้นผมว่าเหมาะนะ
อีกคนที่ถูกเอ่ยถึงคือ รกร แต่บทเธอยังไม่ออกมาให้เห็นตัว อ่านแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าคือน้องเล็กของผม น้องกร เพจ Korn’s Story ที่เพิ่งกลับมาโพสต์อีกครั้ง ส่วนกรจะมีบทแค่ไหนต้องตามกันต่อไป แต่ผมเลือกร่างอวตารไว้แล้วก็คือ น้องเก้าสุภัสรา มาเป็นร่างอวตารของกร
จริง ๆ ในกลุ่มโจรป่าพยนต์จะมีตัวละครอีกหนึ่งตัวที่ยังไม่ปรากฏ ซึ่งเร็ว ๆ นี้เราจะได้เห็นเขากันล่ะครับ
มาถึงฝั่งในอดีต ทีคนอ่านรู้แล้วว่า แม่ฉัตร มีชื่อเต็มคือ ฉัตรปวีร์ และมีน้องสาวอีกคนกลับมาจากอิตาลีชื่อว่า มณีรดา ซึ่งมีชื่อเล่นไว้ให้ฝรั่งเรียกว่า “มาย” ดังนั้นหลายคนคงรู้แล้วว่าคือ นางงามมิตรภาพของบีดี น้องมายด์เพจ SMS Smile.Multi.Stories ซึ่งน้องมายด์ก็เพิ่งกลับมาจากอิตาลี จะมีใครเหมาะกับบทน้องสาวนักเรียนนอก สาวมั่น เฉี่ยว เปรี้ยว ได้เท่ากับมายด์ล่ะ ดังนั้นเมื่อแคแรกเตอร์มันเป็นแบบนี้ ผมเลยเลือก เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณมาเป็นร่างอวตารของ มาย หรือ มณีรดา
ต้องยอมรับว่ายิ่งเขียนผมยิ่งสนุกกับการดึงเอาแรงบันดาลใจวิธีนำเสนอหนังจากหลากหลายผู้กำกับ ทีมีสไตล์การเล่าเรื่องแตกต่างกัน มันถูกนำมาใช้ “บางบอกดิก” จึงเหมือนนำเอาประสบการณ์ดูหนังตลอดชีวิตของผมมาใช้ในการเขียนในมุมมองที่เหมือนกำลังทำหนังสักเรื่องหนึ่งเลย ขอบคุณทุก ๆ คนที่ร่วมสนับสนุนให้ผมได้ทำตามความฝันที่มีมานาน ผมฝันอยากเป็นผู้กำกับหนังครับ บางบอกดิกจึงเหมือนการทำหนังในความคิดแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้ทุกคนได้อ่านและใช้จินตนาการตาม เหมือนกำลังดูหนังสักเรื่องอยู่
หวังว่าจะสนุกกับนิยาย “บางบอกดิก” ในตอนนี้นะครับ
และติดตามกันต่อ ๆ ไปนะครับ น่าจะเกินกว่า 20 ตอนแน่น
มูฟวี่
2 บันทึก
62
177
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
บางบอกดิก
2
62
177
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย