20 เม.ย. 2020 เวลา 04:10
ถ้านี้คือสิ่งเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้น
เเต่หลังจากนี้มันเเย่ลงไปอีก..
Hints Of Second Wave Of Demand Destruction
(คลื่นลูกที่สองที่กำลังจะเข้าทำลาย Demand)
Jeff Snider- สิ่งที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกส่วนใหญ่ในตอนนี้
เป็นเเค่คลื่นลูกเเรกเท่านั้น..
การเกิด The economic shutdown คือสิ่งที่เราไม่คาดคิดมาก่อน
เกือบทุกสถานที่ต้อง Shutdown ตัวเองลง
นี้คือคลื่นลูกแรกที่จะสร้างตัวเลขที่ ridiculous ในทุกบัญชีทางเศรษฐกิจ..
Second wave (คลื่นลูกที่สอง)
คลื่นลูกนี้จะเป็นคลื่นลูกที่สำคัญมาก
เราจะได้เห็นถึง Demand Shock ที่เเท้จริง
สิ่งที่ต้องเเลก ความเสียหายต่างๆที่กำลังจะตามมา
การ Collapse ของตลาดในช่วง Great Financial Crisis
เป็นการสูญเสียในเรื่องของDemandอย่างถาวร
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฆาตกรทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
จากเหตุการณ์นั้นเราจะเห็นถึงการเชื่อมโยงกันบางอย่าง
(วิกฤตปี 2008)
ยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมจากสหรัฐอเมริกา
ทั้งสองซีรีย์เหล่านี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเศรษฐกิจของอเมริกา
ในส่วนของเศรษฐกิจโลกนั้นอยู่ในรูปที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเลย
Looking for more information
ในส่วนนี้จะเป็นการคาดการณ์ของ Census Bureau นะครับ
Retail Sales in March 2020 were down 7.02% from March 2019
(ยอดค้าปลีกปรับตัวลดลงไปที่ 7.02%)
มาดูกราฟในส่วนของ Retail Sales กันครับ
sales last month were 8.73% less than they had been in February
ยอดขาย Retail Sales นั้นมีการปรับตัวลดลง 8.73 จากเดือนก่อนหน้า
เเสดงให้เห็นถึงการปรับตัวลดลงสูงสุดภายในเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น
เเละสิ่งนี้เเสดงให้เห็นถึงความกลัวที่มีต่อร้านค้าปลีก
ที่ฝังอยู่ในจิตใจของผู้คนนั้นเอง..
ถ้าตัดยอดของ Grocery Store เราจะเห็นถึงการปรับตัวลดลงของ
Retail Sales ถึง 13.2 เปอเซนต์ภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น
สิ่งสำคัญอยู่ที่ตรงนี้ครับ
ตอนเกิดเหตุการณ์วิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพ
(Great Financial Crisis)
จากกราฟเราจะเห็นถึงการปรับตัวไปถึง 14.6 เปอ
เเต่การปรับตัวในครั้งนั้นใช้เวลาตั้งเเต่ November 2007 to March 2009
นั้นใช่เวลาถึง 16 เดือน
ทุกคนเห็นถึงความรุนเเรงเเละรวดเร็วในการปรับตัวลดลงเเล้วใช่มั้ยครับ
(น่ากลัวมากๆ)
เเละเขายังยังพูดอีกว่านี้คือ GFC2
เเละ GFC2 ในครั้งนี้นั้นจะทำให้ GFC1 ดูเป็นเรื่องที่น่าขำไปเลย
(GFC=Great Financial Crisis)
อีกหนึ่งเหตุผลที่มาสนับสนุนในส่วนนี้คือ
การปรับตัวลดลงของการค้าปลีกในส่วนภาคยานยนต์นั้นเองครับ
A decline of just over 25% year-over-year
เราจะเห็นได้ถึงการปรับตัวลดลง มากกว่า 25% เมื่อเทียบปีกับปีที่เเล้ว
ถึงเเม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงของดอกเบี้ย
เเต่นั้นไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการกู้เงินภายในประเทศเลย
Disaster For Auto Sales!
เรื่องที่เลวร้ายแบบนี้ซึ่งยากมากที่จะเกิดการหดตัวทางเศรษฐกิจเเบบนี้
ซึ่งเหตุผลล้วนเข้าใจง่ายมาก
ชาวอเมริกันกำลังเกิดความหวาดกลัว
กลัวว่าตนเองนั้นกำลังจะติดเชื้อ
กลัวในเรื่อของหน้าที่การงานของพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาจึงมีความรอบคอบเเละระเเวงทุกครั้ง
ที่จะมีการจ่ายเงินเพื่อซื้ออะไรก็ตาม (เหตุการณ์เเบบนี้คุ้นๆมั้ยครับ)
ดังนั้นการลดดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งนี้ จะไม่ช่วยขับดันใน Demand
ของการขอวงเงินสินเชื่อของชาวอเมริกันเเน่ๆ
พวกเขากำลังกลัว เขาจะโดนไล่ออกมั้ย เขาจะมีงานทำอีกหรือไม่
เเละเมื่อไม่มีความต้องการ ไม่มี Demand ในยานพาหนะ
มันก็จะส่งผลกระทบไปสู่ IP นั้นเองครับ
( IP คือ Industrial Production ครับ)
ความเห็นของบัง
การ Lockdown นั้นจะส่งผลให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาเเย่ลงเเน่นอน
นโยบายของธนาคารกลางต่างๆที่เราเห็นกัน
มันคือการอัดฉีดสภาพคล่องกันอย่างบ้าคลั่งไปเเล้ว
เเต่บังอยากให้ทุกคนเข้าใจในจุดนี้ว่า
ตลาดหุ้นนั้นมีขึ้นก็ต้องมีลง
ฟองสบู่ทุกลูก สุดท้ายยังไงก็ต้องเเตกตัวออกไป
ถ้าตอบตรงๆคือบังมองว่า Fed กำลังพยายามยื้อระบบในตอนนี้
ตลาดหุ้นขึ้นก็จริง
เเต่คนตกงาน
คนไม่มีกิน ผู้คนกำลังลำบาก
ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นนั้น
มันขัดกับความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นมากครับ
ดังนั้นสำหรับคนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาด
ต้องมีวินัย กำหนดจุดเข้าออกอย่างชัดเจน
ตัดอารมณ์ร่วมออกไปให้ได้ครับ
หลังจากที่ทุกคนอ่านบทความของบังมาเเล้ว
ลองนำไปคิด วิเคราะห์
นำไปประยุกต์ใช้กับการจัดพอร์ทให้เหมาะสมกับตัวเองนะครับ
เพราะเเต่ละคนจะรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน
ค่อยๆศึกษาเพิ่มความรู้ไปเรื่อยๆ
ให้กำลังใจกันเเละกัน พวกเราจะผ่านคลื่นรอบนี้ไปให้ได้ครับ
เรากำลังอยู่ในฟองสบู่ลูกใหญ่ที่สุด
เเละความรู้จะช่วยให้เราผ่านวิกฤตในรอบนี้ไปได้
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด📚
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ
ถ้าชอบบทความนี้ ช่วยกด Like กดติดตาม
เเชร์บทความนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้บังด้วยนะครับ🖤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา