22 เม.ย. 2020 เวลา 16:37 • ประวัติศาสตร์
ตำนาน-ปกรณัมกรีก ตอนที่ 0.5 : ปกรณัมกรีกในแง่มุมของศาสนา และการสร้างทวยเทพของมนุษย์
https://www.ancient.eu/collection/58/the-12-olympian-gods/
ในปกรณัมกรีก มีเรื่องราวมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและปัญญาของวีรบุรุษในการเอาชนะและฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนาๆ ศัตรูของพวกเขา มีทุกรูปแบบ ทั้งกอร์กอน ไฮดรา เซเบอรัส หรือ ไคเมร่า อสูรกายเหล่านี้ บังเกิดขึ้นมาเพื่อให้วีรบุรุษสร้างตำนาน โอดิสซุสปราบไซคลอปส์โพลีฟิมัส เฮอร์คิวลิสปราบไฮดรา เพอร์ซิอุสปราบเมดูซ่า ว่ากันไป
1
เฮอร์คิวลิส ปราบเหล่าอสูรกายและปลดปล่อยพิภพให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกมัน ดังเช่น ปกรณัมกรีกที่นำพาชาวกรีกออกจากโลกเก่าที่แสนป่าเถื่อน นี่ไงล่ะครับ ความหมายของปกรณัมที่ต้องการจะบอกทุกท่าน
Heracles and Hydra
แต่สำหรับในแง่มุมของศาสนานั้น เราไม่อาจมองว่าปกรณัมเป็นศาสนาได้ครับ เราจะมองว่าปกรณัมกรีกเป็นคัมภีร์ไบเบิลของชาวกรีกโบราณไม่ได้ เพราะปกรณัมปรัมปรากรีกเป็นการอธิบายสิ่งต่างๆหรือปรากฏการณ์รอบตัวเราเท่านั้น มิได้เน้นในการสั่งสอนผู้คนหรือให้ผู้คนทำตามจารีตประเพณีดังที่จารึกไว้ในคัมภีร์ของหลายๆศาสนาในปัจจุบัน ปกรณัมกรีกเพียงแค่อธิบายว่า จักรวาล ทวยเทพ สวรรค์ หรือมนุษย์ เกิดขึ้นมาจากไหน อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างฟ้าผ่า ที่เกิดขึ้นเมื่อเทพซุสขว้างอสุนีบาตในมือ หรือจะเป็นเรื่องของรุ่งอรุณในวันใหม่ ที่จะมีเทพีออโรร่า (Aurora) มาทำหน้าที่เบิกฟ้าวันใหม่ ทำให้เกิดยามเช้า
Aurora goddess
นี่อาจจะมองว่าเป็นวิทยาศาสตร์ยุคแรกเริ่มก็ได้นะครับ ที่มีกระบวนการสังเกต สงสัย ตั้งคำถาม และหาคำตอบ เป็นผลลัพธ์ของความพยายามของมนุษยชาติที่ต้องการจะอธิบายสิ่งต่างๆรอบตัวนั่นเอง แต่เรื่องพวกนี้ ก็อาจจะมีจุดมุ่งหมายแค่เพียงเป็นความบันเทิงหรือนิทานก่อนนอนเท่านั้น เป็นวรรณคดียุคแรกเริ่ม อย่างเช่น การตามหาขนแกะทองคำของเจสันและลูกเรืออาร์โก้ หรือจะเป็นเรื่องของออร์ฟิอุสและยูริดิซี แต่ต่อมา ก็จะนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่างการสร้างมหากาพย์ เรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของปกรณัมกรีกในที่สุด
แต่เราจะมองในแง่มุมของศาสนาเป็นฉากหลังครับ ย้ำนะครับ เป็นแค่แง่มุมเท่านั้น มิใช่ศาสนา กล่าวคือ ในฐานะที่มีเทพเจ้าที่เป็นตัวแทนของสิ่งที่ดีงามที่มนุษย์ควรจะมี มนุษย์ควรจะประพฤติตัวอย่างไร แล้วเทพเจ้าของเหล่ามนุษย์ ควรจะมีสิ่งใดกัน
เพื่อให้เห็นภาพ ผมจะขอยกตัวอย่างเทพซุสที่ทุกท่านรู้จักดีนะครับ เทพซุส (Zeus) คือเทพแห่งสายฟ้าและสายฝน มีอสุนีบาตเป็นอาวุธประจำกาย และเป็นราชาแห่งทวยเทพ คล้ายคลึงกับพระอินทร์ ที่เป็นเทวราชและเทพแห่งฟ้าฝนเช่นเดียวกัน (เทพกรีกกับเทพอินเดียหลายองค์มีความคล้ายคลึงกันมาก ไว้ผมจะมาเปรียบเทียบให้ฟังทีหลังนะครับ) แต่คำถามคือ ทำไมเทพสายฟ้าและสายฝน ถึงมีอานุภาพเหนือทุกสิ่งเล่า ทำไมถึงมิใช่อย่างอื่นเช่นพระอาทิตย์หรือแสงแดด คำตอบก็คือ ในดินแดนกรีกที่เต็มไปด้วยโขดหินต้องการสายฝนซะยิ่งกว่าแสงแดดเสียอีก ดังนั้นราชาแห่งทวยเทพต้องเป็นผู้ที่ประทานน้ำที่มีค่าแก่สรรพชีวิตต่อผู้ที่เคารพบูชาพระองค์
Zeus and his thunderbolt
เหล่ากวีและนักปราชญ์หลายท่านได้นิยามเทพซุสในฐานะราชาแห่งทวยเทพไปต่างๆนานาครับ อย่างโฮเมอร์ (Homer) กวีเอกของกรีก ก็ได้แต่งให้ซุสเป็นตัวแทนของอารยธรรมกรีกที่ก้าวหน้าจากยุคแห่งไททันที่ป่าเถื่อน แต่ก็ยังมีนิสัยที่เจ้าชู้และมาตรฐานความผิดชอบชั่วดีก็ไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปมาก แต่ก็ทรงเห็นใจผู้ศรัทธาและผู้ทุกข์ยาก และทรงกริ้วต่อผู้ที่ผิดคำสาบาน
ต่อมาเฮสิออด (Hesiod) กวีชาวกรีกผู้เคยมีชีวิตที่ทุกข์ยากในวัยเด็ก เนื่องจากเป็นเพียงลูกชาวนายากจน ก็ได้กล่าวว่าซุสจะทรงกริ้วต่อผู้เอารัดเอาเปรียบและผู้กดขี่ ผู้ที่ทำชั่วต่อเด็กกำพร้าหรือผู้ที่มาวิงวอนก็เช่นกัน ซุสย่อมกริ้วคนผู้นั้น
Hesiod
เนื่องจากเฮสิออดเคยเป็นชาวนายากจน เทพของพวกเขาต้องเป็นเทพผู้ทรงธรรม “เทพกัญญาจัสทิซ(ความยุติธรรม) จะอยู่เคียงข้างซุส” นี่เป็นความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเหล่าชาวนาผู้ยากแค้นที่ส่งเสียงเรียกร้องไปถึงสวรรค์บันดาลให้ซุสเป็นเทพแห่งความยุติธรรมแก่เหล่าผู้อ่อนแอ
เมื่อมาถึงจุดๆนี้ เราอาจจะมองเทพซุสให้มีหลายตัวตนก็ได้นะครับ ทั้งเทพผู้ประทานฝนแก่มวลมนุษย์ หรือตัวตนที่น่าขบขันอย่างอารมณ์ชู้สาว หรือตัวตนแห่งความทรงพลังเหมือนดังเช่นนักรบในมหากาพย์อีเลียดปรารถนา และตัวตนแห่งความยุติธรรมแก่เหล่าผู้ทุกข์ยาก ตัวตนของซุสได้ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามแต่จิตสำนึกของผู้คนว่าต้องการให้เทพเจ้าของพวกเขาเป็นเช่นไร และด้วยสิ่งเหล่านี้ ตัวตนทั้งหมดของซุส ก็ได้หลอมรวมกัน จากเทพแห่งอสุนีบาต ก็ได้กลายเป็น “ซุสที่เรารู้จัก ผู้ประทานพรแก่สรรพสิ่ง บิดาแห่งมนุษยชาติ เทพผู้ช่วยให้รอด”
อริสโตเติลได้กล่าวถึง “ความเลอเลิศที่มนุษยชาติผู้ต้องตายพากเพียรจะไปถึง” ชาวกรีกในยุคปรัมปราแรกเริ่มได้ค่อยๆเรียนรู้ความประเสริฐและความเลอเลิศมาเรื่อยๆและได้เฝ้าถามถึงสิ่งที่มนุษย์ควรจะไปถึง จนกลายมาเป็นซุส ตัวแทนแห่งทุกสรรพสิ่ง ชาวกรีกไม่เคยยอมเลิกมานะบากบั่นที่จะหาคำตอบนั้น จนได้เห็นภาพที่ชัดเจน
และในที่สุด “เทพแห่งสายฟ้าและอสุนีบาต ก็ได้กลายเป็นเทพบิดรแห่งจักรวาล”
ซูส เทพบิดรแห่งจักรวาล
ขอจบบทที่ 0 ไว้แต่เพียงเท่านี้ นี่คือความพยายามในการสรรค์สร้างเทพเจ้าของชาวกรีกผ่านการเล่าเรื่องปกรณัมหลายยุคหลายสมัย เพื่อค้นหาสิ่งประเสริฐ สิ่งที่มนุษย์ควรจะไปให้ถึง จนกลายมาเป็นเทพเจ้าผู้เป็นตัวแทนแห่งความดีงามของมวลมนุษย์ ต่อไปจะเป็นการเล่าถึงการกำเนิดจักรวาลของปกรณัมกรีกครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา