25 เม.ย. 2020 เวลา 08:00 • บันเทิง
เรื่องสั้น . . . . . . . . ผู้ชายบนรถไฟ กับ ความในใจของผู้หญิง ตอน ๓ (จบ)
เรื่องสั้นชุด "วันที่โลกเดินช้า . . . กว่านี้" เกิดในยุค 20 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่โลกเพิ่งเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต เป็นงานเขียนที่ทั้งรอดพ้นและไม่รอดจากการถูกทิ้งลงถังขยะโดยบรรณาธิการ วันนี้ได้รวบรวมกลับมาเสนอเพื่อระลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ในวันวานที่ผ่านมาครับ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ รถไฟยังคงวิ่งต่อไป สถานีแล้วสถานีเล่า นิอรลอบมองดูเขาตลอดเวลา เมื่อรถไฟเข้าเทียบชานชาลา หล่อนก็คอยลุ้นว่าเขาจะลุกขึ้นหรือเปล่า
ในขณะเดียวกัน นิอรก็นึกถึงเวลาที่หล่อนจะได้เจอกับเพื่อนรัก คงอีกไม่กี่ชั่วโมงหรอกที่หล่อนจะได้คุยอย่างสนุกในแวดล้อมของธรรมชาติที่งดงาม ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักหนึ่งสัปดาห์ให้จิตใจสดชื่น หายเหนื่อยหายเครียด จะได้มีเรี่ยวแรงกลับไปลุยงานและผจญกับความวุ่นวายในกรุงเทพฯได้อีก หรือบางทีอาจจะได้เจออะไรมากกว่านั้น หล่อนก็ยังเดาไม่ออก
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเบรก นิอรเห็นเขาคว้ากระเป๋าและสัมภาระเตรียมจะลงจากรถไฟ หล่อนนึกในใจว่าที่แท้เขาก็ลงที่นี่เอง แต่เมื่อยื่นหน้าออกไปดูป้ายชื่อสถานีหล่อนก็ต้องตกใจ ตายแล้ว . . . นี่ถึงแล้วหรือเนี่ย หล่อนอุทานอยู่ในใจ รีบลุกขึ้นคว้ากระเป๋าบนหิ้งเหนือที่นั่งและข้าวของอีกมากมายลงมาอย่างทุลักทุเล เขารีบขยับเข้ามาช่วยหล่อนอย่างเต็มที่ นิอรก็ร้อนรนจนลืมที่จะกล่าวขอบคุณเขา
ทันทีที่รถไฟจอดสนิท นิอรรีบก้าวลงจากรถพร้อมข้าวของเต็มสองมือ หล่อนเห็นพัชราโบกมือไหวๆ วิ่งเข้ามาหา
“อร . . . อร . . . ทางนี้จ้ะ”
ทั้งสองโผเข้าหากัน พัชรายื่นมือมาจะช่วยนิอรถือของ แต่เมื่อหล่อนส่งของให้ เธอกลับชะงัก . . . มองผ่านหล่อนไปด้านหลัง
“อ้าว!” เธออุทานอย่างประหลาดใจ “พี่พงษ์นี่ . . . ทำไมกลับมาเร็วล่ะคะ ไหนว่าจะกลับพรุ่งนี้”
“พี่พงษ์” นิอรหันขวับกลับไป หล่อนประหลาดใจยิ่งกว่าพัชราอีก ผู้ชายคนนั้นที่แท้ก็คือพี่พงษ์หรือนี่ . . . ณัฐพงษ์ ใช่แล้ว พี่พงษ์ก็คือ ณัฐพงษ์ หล่อนไม่ได้เฉลียวใจมาก่อนเลยว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้
“พอดีเสร็จงานก่อนเลยรีบกลับมาจ้ะ” พี่พงษ์พูดแล้วหันมายิ้มกับนิอร “ก็นั่งรถไฟมาโบกี้เดียวกันกับเพื่อนของพัชนี่แหละ”
นิอรหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อนึกแบบสนุกๆ ว่า เพื่อนของหล่อนอาจจะวางแผนกับพี่ชายให้โดยสารรถไฟมาขบวนเดียวกันแล้วแกล้งมาทำไก๋ว่าบังเอิญมาเจอกันอะไรทำนองนี้ เอาเถอะหล่อนยอมให้ ก็เพื่อนของหล่อนอาจจะเล่นบทแม่สื่ออยู่ก็ได้
“อรจ๊ะ เราแนะนำให้รู้จักนะ นี่พี่พงษ์ เป็นแฟนของเรา”
“แฟน” นิอรตะลึง พี่พงษ์ไม่ใช่พี่ชายของพัชราหรือนี่ ทำไมหล่อนถึงเข้าใจเป็นอย่างนั้นไปได้
“จ้ะ เราแต่งงานกันเมื่อสองเดือนก่อน มันกะทันหันจนเราบอกเธอไม่ทัน ต้องขอโทษด้วยนะ”
นี่หรือคือเซอร์ไพรส์ของพัชรา นิอรรู้สึกละอายใจที่หล่อนคิดอะไรต่ออะไรไปมากมาย หล่อนแปลกใจจนลืมที่จะยินดีกับเพื่อนของหล่อน แต่ก็นึกขึ้นได้ทัน
“ดีใจด้วยจ้ะ เรานึกไม่ถึงเลยจริงๆ”
พัชราพานิอรไปที่รถยนต์ เธอปล่อยให้พี่พงษ์เป็นคนขับ ส่วนตัวเธอกับนิอรนั่งคุยกันไปตลอดทาง
“เราสงสัยจริงๆ ว่าเธอเจอกับพี่พงษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่” นิอรถามขึ้น
“เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เรานั่งรถไฟกลับมาบ้าน เจอกันในรถไฟ” พัชราพูดแล้วก็หัวเราะ นิอรสังเกตเห็นพี่พงษ์แอบมองผ่านกระจกส่องหลังของรถยนต์ หล่อนอยากรู้จริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ . .
คิดดูก็แปลก ตลอดเวลาที่เดินทางมา นิอรเฝ้าคิดถึงแต่บ้านไร่แห่งนี้ หล่อนคิดและวาดหวังไว้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างเมื่อหล่อนมาถึง แต่ตอนนี้เมื่อมาอยู่ท่ามกลางสิ่งที่คิดถึงแล้วหล่อนกลับหวนคำนึงถึงเรื่องในอดีต นึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาย้อนหลังไปไกลถึง 1 ปี
หล่อนนึกสงสัยว่า ถ้าหากเมื่อปีที่แล้วหล่อนเปลี่ยนใจไม่ไปสมัครงานแล้วขึ้นรถไฟเดินทางมาที่นี่พร้อมกับพัชรา เรื่องราวมันควรจะเป็นอย่างไรนะ . . . หล่อนครุ่นคิดและถามกับตัวเอง ไม่อาจจะปริปากบอกใครได้เลย (จบ)
บทส่งท้าย :
คนแปลกหน้านั่นน่ะหรือ อุปมาก็เหมือนหนังสือเล่มที่เราไม่เคยเจอ ครั้นพอเปิดอ่านดู เราก็นึกชอบ อยากได้ไว้เป็นของตัวเองสักเล่ม เก็บไว้อ่านให้อิ่มเอิบใจ แต่ . . . อาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว คิดจะหยิบยืมจากเจ้าของแล้วฮุบไว้ ก็กระไรอยู่ . . .
โฆษณา