27 เม.ย. 2020 เวลา 06:59
เรื่องสั้น อุดมการณ์กลางสายฝน ตอน ๒
รวมเรื่องสั้นชุด วันที่โลกเดินช้า . . . กว่านี้ เป็นเรื่องรักที่ดำเนินไปพร้อมกับการเรียนรู้ การทำความเข้าใจ การปรับตัว การยอมรับ แต่บางที . . . ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ที่บางอย่างจู่ๆ ก็มา จู่ๆ ก็ไป ช่วงเวลากะทันหันนั้น เราก็พบว่า ไม่อาจจะเรียนรู้ ไม่อาจจะเข้าใจ ไม่อาจจะปรับตัว และไม่อาจจะยอมรับอะไรๆ ได้เลย . . . สักอย่าง
นัชาทำให้ผมเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง นอกจากช่วยเรื่องรายงานจนได้คะแนนดีเยี่ยม ทำให้ผมพ้นจากการถูกรีไทร์แล้ว ยังทำให้ผมตั้งอกตั้งใจและขยันเรียนมากขึ้น อย่างน้อยก็ต้องเข้าห้องสมุดทุกวันเพื่อจะพบกับเธอ แต่นัชาก็ยังคงเป็นคนเดิม เธอยังคงอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่พยายามทำตัวโดดเด่นใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะถูกคะยั้นคะยอให้ไปสนุกสนานตามแบบที่ผมเคยประพฤติเป็นปกติ เธอก็ไม่เคยยอมเลย ทำให้ผมเริ่มรู้สึกได้ว่า ทัศนะของเรายากที่จะปรับให้เข้ากันได้ และเมื่อนัชาเอ่ยถึงความใฝ่ฝันของเธอออกมา ก็ทำให้ผมกับเธอเหมือนเดินอยู่คนละทาง
“เมื่อเรียนจบแล้ว นัชจะใช้ชีวิตอยู่ในชนบทเงียบๆ ค่ะ จะกลับไปบ้านเกิดของตัวเองเพื่อช่วยคนที่นั่นให้พวกเขามีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น . . . นัชเชื่อว่าทุกคนที่นั่นกำลังรอคอยนัชอยู่”
“นัชคิดจะอยู่ที่นั่นตลอดไปเลยหรือ” ผมถามด้วยใจที่หวาดหวั่น
“ค่ะ ที่นั่นเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับนัช” เธอตอบอย่างมั่นใจ
“บางทีนัชอาจจะแวะมาอยู่กรุงเทพฯ บ้างก็ได้นะ จะอยู่นานแค่ไหนก็แล้วแต่ . . .” ผมเปิดช่องทางไว้ หวังให้เธอมีทางเลือกที่จะเปลี่ยนใจได้บ้าง
“ไม่ค่ะ ถ้านัชไปแล้วก็คงไม่กลับมาอีก ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่นัชจะอยู่ได้อย่างสบายใจ” เธอพูดอย่างเด็ดเดี่ยวเกินกว่าที่ผมจะเอ่ยอะไรได้อีก เพียงแต่หวังว่าเมื่อเรียนจบแล้วความตั้งใจของเธออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือผ่อนปรนลงบ้าง
แต่เมื่อเวลานั้นใกล้เข้ามาถึง ก็เหมือนเวลาของความสุขกำลังจะผ่านไป ผมเริ่มรู้สึกได้เมื่อเอ่ยเรื่องแต่งงานกับนัชา
“ผมอยากจะบอกตรงๆเลยว่า ผมจะขอแต่งงานกับนัช”
นัชามองหน้าผมอย่างจริงจังก่อนที่จะปรับสีหน้าให้ดูปลอดโปร่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ธนันคะ นัชคิดว่าเรามาคุยกันให้รู้เรื่องแน่นอนเสียก่อนดีกว่านะคะ ก่อนที่จะตกลงใจทำอะไรต่อไป อย่างแรกคือ นัชตั้งใจไว้แล้วว่าเดือนหน้าจะไปทำงานสอนหนังสือเด็กๆ ที่ชนบท และคงจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ถ้าเราแต่งงานกันแล้วจะอยู่กันยังไงคะ คุณคิดว่าจะย้ายไปอยู่กับนัชได้มั้ย และจะอยู่ที่นั่นไหวหรือเปล่า”
ผมนิ่งอึ้ง ไม่อาจจะตอบอะไรได้เลย เธอเองก็คงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยจึงพูดตอกย้ำว่า
“ที่นั่นกันดารและลำบากมาก นัชคิดว่าคงไม่เหมาะกับคุณหรอกค่ะ”
“นัช ผมไม่เข้าใจ มีใครกำหนดให้คุณต้องไปที่นั่นหรือ” ผมอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดัง
“เปล่าหรอกค่ะ เป็นความตั้งใจของนัชเอง นัชเคยบอกตั้งหลายครั้งแล้ว คุณเองก็รับรู้มาตลอด จริงมั้ยคะ” เสียงของเธอยังคงราบเรียบปกติ ทำให้ผมรู้สึกผิดที่พูดจารุนแรงไป
“แต่ผมรักคุณนะนัช” เสียงของผมอ่อยลงทันที
นัชาเมินหน้าไป เธอพูดอย่างจริงจังว่า
“ธนันคะ นัชก็รักคุณค่ะ แต่ถึงแม้ว่านัชจะรักคุณมากขนาดไหนก็ตาม แต่อุดมการณ์ที่นัชใฝ่ฝันไว้เป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด นัชต้องไปค่ะ”
ผมจนปัญญาที่จะโต้แย้งเธอได้อีกและความหวังที่จะให้เธอเปลี่ยนใจนั้นได้หมดสิ้นไปในคราวนั้นเอง
เมื่อความใฝ่ฝันของนัชาเริ่มมองเห็นชัดเจนขึ้น ความใฝ่ฝันของผมก็ต้องสูญเสียไป ความเป็นจริงในชีวิตก็ได้ประจักษ์แก่ใจผม ในความสมหวังของบางคนอาจเป็นความผิดหวังของใครอีกคน หากใครไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามของความสมหวังแล้ว จะรู้ซึ้งถึงความผิดหวังได้อย่างไร
พอนึกถึงตรงนี้แล้ว ความสำนึกบางอย่างก็เข้ามารุมเร้าผม ในเมื่อนัชาเป็นคนรักของผม สิ่งที่ผมควรรู้สึกก็คือความปิติยินดีต่างหาก ไม่ใช่มามัวท้อแท้ผิดหวังราวกับเป็นฝ่ายต่อต้านเธอไม่ให้ประสบกับสิ่งที่ปรารถนา สิ่งที่ผมควรทำก็คือการสนับสนุนให้เธอประสบความสำเร็จ ดังนั้นผมจึงรับอาสาช่วยเหลือเธอด้วยท่าทีที่เต็มใจอย่างยิ่งรวมทั้งเรื่องการเดินทางด้วย
ตลอดทางเข้าหมู่บ้านระยะทางหลายสิบกิโลเมตรเต็มไปด้วยหลุมบ่อและฝุ่นตลบไปทั่ว ถ้าหากผมไม่ได้ตกลงปลงใจยอมรับการตัดสินใจเดินทางของเธอมาก่อน ก็คงจะบ่นไปตลอดทาง นัชาก็เคยบรรยายถึงสภาพพื้นที่และความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่แล้ว ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมจะไม่รู้สึกเดือดร้อนขึ้นมา ทุกสิ่งดำรงคงอยู่เช่นใด ผมก็ควรมองว่ามันเป็นเช่นนั้น
และถึงแม้ว่าจะมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปเช่นใด ผมก็ควรมองว่ามันเปลี่ยนไปเช่นนั้น อย่างเช่น ใครจะนึกบ้างว่า ขณะกำลังเผชิญหน้ากับความร้อนระอุของอากาศ จู่ๆก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ผมคิดไปว่า สายฝนคงโปรยปรายลงมาเพื่อต้อนรับนัชาผู้นำอุดมการณ์อันเต็มเปี่ยมมาสู่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้เป็นแน่
โปรดติดตาม เรื่องสั้น อุดมการณ์กลางสายฝน ตอน ๓ (จบ) ด้วยนะครับ
โฆษณา