28 เม.ย. 2020 เวลา 12:08 • บันเทิง
เรื่องสั้น อุดมการณ์กลางสายฝน ตอน ๓ (จบ)
นัชายืนกอดอกมองดูผืนแผ่นดินที่ไกลสุดลูกหูลูกตาท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย แผ่นดินที่แตกระแหงร้อนระอุกลับชุ่มชื่นอีกครั้ง
เธอเหม่อมองดูด้วยท่าทีที่เยือกเย็น ดวงตามีประกายแห่งความมุมานะ สายตาฉายแววแห่งความหวัง เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและมั่นคง ในเวลานั้นผมเห็นนัชาสูดดมกลิ่นไอดินที่โชยมาด้วยความซาบซึ้ง คงเป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นสำหรับเธอ สีหน้าของนัชาเบิกบานอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ที่นี่เป็นโลกของเธอจริงๆ
ในที่สุดสิ่งที่นัชาใฝ่ฝันก็ปรากฏเป็นจริงอยู่ตรงหน้า ขณะที่สิ่งที่เหลือสำหรับผมก็คือ การรอคอยเวลาที่ฝนจะหยุดตก เสมือนกับการรอคอยเวลาสิ้นสุดระหว่างผมกับนัชา
“ผมกับนัชก็เหมือนเส้นขนานนะ . . .” ผมเอ่ยกับเธอเบาๆ “ไม่อาจที่จะเข้าใกล้ได้มากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่สามารถออกห่างไปกว่านี้ได้”
นัชาเข้ามาจับมือผม พูดเสียงสั่นเครือ “ขอให้คุณโชคดี . . .”
ฝนซาเม็ดลงแล้ว ผมต้องรีบขับรถไปให้ถึงตัวอำเภอก่อนจะค่ำ ถ้าหากไม่คิดจะเคว้งคว้างอยู่บนทางอันขรุขระในความมืดมิด ผมคงจะมัวรีรอไม่ได้ นัชาเดินมาส่งผมที่รถ ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม เธอยืนโบกมือให้ในขณะที่รถเริ่มเคลื่อนออกมาอย่างช้าๆ ผมคิดจะหันกลับไปมองเธออีกสักครั้ง แต่แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ วันเวลาต่อจากนี้จะไม่มีนัชาอยู่เคียงข้างอีกแล้ว ผมควรจะทำใจให้เคยชินไว้ ดังนั้นภาพสุดท้ายของเธอจึงไม่จำเป็นต้องปรากฏให้เนิ่นนานเกินไป
กาลเวลาผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า จวบย่างเข้าไปเป็นปี ผมก็ยังเป็นผม นัชาก็ยังเป็นเธอคนเดิม ขณะนี้และเวลานี้เธอคงจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ผมก็ยังอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ ไม่เข้าใจตัวเองว่าผมปล่อยเธอไว้ที่นั่นและยอมจากมาได้อย่างไร
นัชาส่งจดหมายมาอย่างสม่ำเสมอ เธอเล่าเรื่องราวมากมายถึงสิ่งที่เธอทำในทุกๆวัน ดูเหมือนว่ามีอะไรต่างๆ ที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา ชีวิตของที่นั่นอาจจะไม่วุ่นวายสับสนเหมือนเมืองกรุง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรจะทำเลย ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นั่นเป็นความประทับใจของเธอ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อากาศและผู้คน นัชาไม่เคยบ่นหรือโอดครวญอะไรมาในจดหมายเลย ผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายแสดงอาการท้อแท้ไปมากมายหลายครั้ง แล้วอย่างนี้เธอก็คงมองทะลุผ่านผมไปโดยไร้ค่าเหมือนเป็นเพียงสายหมอกที่บางเบาเท่านั้นเอง
ระยะหลังๆนัชาเขียนจดหมายถึงผมน้อยลง ในขณะที่ผมก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับธุรกิจของครอบครัวจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ยิ่งเราห่างเหินกันมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งคิดถึงเธอมากขึ้น ยิ่งทำให้ครุ่นคิดถึงเรื่องของเราที่ผ่านมา คิดเรื่องปัจจุบัน คิดเรื่องอนาคต บางทียังมีหนทางที่ผมจะเลือกได้ เลือกที่จะอยู่อย่างสุขสบายโดยปราศจากนัชาผู้เป็นเสมือนดวงใจของผม หรือเลือกหนทางที่ยากลำบากกว่าแต่มีเธออยู่เคียงข้างตลอดไป
ในที่สุดผมได้ตัดสินเลือกหนทางที่หัวใจอยากจะไป แม้รู้อยู่เต็มอกว่าแดนดินถิ่นนั้นแสนเข็ญและเงียบเหงา แต่ก็มีนัชาอยู่ที่นั่น เท่านี้ก็คงมีเหตุผลเพียงพอที่ผมจะยอมเบี่ยงเบนเส้นขนานของตัวเองไปบรรจบกับเส้นทางของเธอ ใครๆมองผมเหมือนคนหลงผิด ทุกคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดผมจึงยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปจมอยู่กับถิ่นทุรกันดาร ผมคงไม่อาจจะอธิบายเรื่องทั้งหมดได้ แต่ไม่ว่าทุกคนจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตาม ไม่มีใครที่จะทัดทานผมไว้ได้
บัดนี้ผมกำลังทำสิ่งมีค่าอันยิ่งใหญ่ที่อาจจะเรียกได้ว่าอุดมการณ์ . . . เป็นอุดมการณ์แห่งความรัก
ผมก้าวลงจากรถเหยียบลงบนพื้นดินที่แตกระแหง ไอร้อนโชยมาต้องผิวกาย รู้สึกถึงความแรงกล้าของแสงแดดที่สาดส่องลงมา ในยามนี้จิตใจของผมกลับปลอดโปร่ง เท้าที่ก้าวย่างก็กระฉับกระเฉง
อาคารเรียนที่เห็นลิบๆ อยู่เบื้องหน้าทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเปี่ยมล้นอยู่ในหัวใจ ผมคิดว่านัชาคงจะแปลกใจที่จู่ๆ ก็พบผมโดยไม่รู้ตัวมาก่อน
แต่แล้ว . . . ผมกลับเป็นฝ่ายแปลกใจเสียเอง เมื่อพบว่าครูที่กำลังสอนอยู่ในชั้นเรียนนั้นไม่ใช่นัชา หญิงวัยกลางคนขยับแว่นตามองผมอย่างสงสัย แต่เมื่อทราบจุดประสงค์ที่ผมเข้ามาขัดจังหวะในการสอน หล่อนก็เข้าใจทันที
“อํอ! ครูนัชาน่ะหรือคะ ไม่ได้สอนแล้วค่ะ ดิฉันมาสอนแทน” ผมงงไปหมด เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“แล้วตอนนี้นัชาอยู่ที่ไหนล่ะครับ?”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ ได้ยินว่าแต่งงานไปแล้ว”
“แต่งงาน?”
“ค่ะ แต่งงานกับฝรั่ง ไปอยู่อเมริกาแล้ว”
ผมอึ้งไป เหงื่อซึมออกมาท่วมกาย สมองวุ่นวายสับสนไปหมด รู้สึกขาสั่นแทบจะยืนไม่ไหว
“ทำไม” ผมพูดกับตัวเอง แต่ครูคนนั้นกลับตอบให้ผมได้ยิน
“อยู่ที่นี่มันคงลำบากแหละค่ะ สาวๆ อย่างนั้นคงทนไม่ไหวหรอก”
ผมเดินออกมาอย่างเลื่อนลอย นึกถึงอุดมการณ์แห่งความรักของผมที่ร่วงหล่นแตกกระจาย นึกถึงอุดมการณ์ที่สูงส่งและน่ายกย่องของเธอ อุดมการณ์ที่เธอมุ่งมั่นท่ามกลางสายฝน บัดนี้มันได้เหือดแห้งและซึมหายไปกับรอยแตกระแหงของผืนดิน บนแผ่นดินอันแห้งแล้งที่เป็นบ้านเกิดของเธอ (จบ)
บทส่งท้าย :
ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเวลามาถึง สายฝนก็ยังคงกระหน่ำ มืดครึ้ม หม่นหมอง ทึมเทา แต่ก็ชุ่มฉ่ำ เหมือนได้ชำระล้าง ปลดปล่อย . . . ทั้งความรู้สึก และ น้ำตา
โฆษณา