2 พ.ค. 2020 เวลา 08:39 • ธุรกิจ
5 Mins Read !
The Science of Scent Marketing กับ เรื่องราวของ "กลิ่นและการตลาด"
เพื่อนๆ มาเจาะลึกกันว่าการตลาดประเภทนี้คืออะไรน้าาา ??
เพื่อนๆคงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกลิ่นเนอะ ถ้าจะให้แปลมาในมุมของการตลาดนี้ ก็คงจะไม่พ้นเรื่องน้ำหอม เรื่องสินค้าการระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่จริงๆเราจะบอกว่า มันมีมากกว่านั้นน้าา ^^"
Scent เป็น 1 ใน มาเกตติ้งเทคนิคที่เราเรียกว่า Sensory Marketing หรือประสาทสัมผัสทั้ง 5 นี้เองงง การมองเห็น การได้กลิ่น การได้ยิน การลิ้มรส และ การสัมผัส
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับ กลิ่น (Scent) และการตลาดที่จะทำให้เพื่อนๆได้สนุกกัน !
เพื่อนๆจะได้รู้ใน 5 นาทีนี้ เกี่ยวกับ
1. Scent Marketing and Types คืออะไร และมีอะไรบ้างน้าาา ?
2. ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้เทคนิคนี้ได้ดี
3. ประโยชน์ที่ได้จาดการใช้กลยุทธ์อันนี้
เริ่มจากคำถามชวนเพื่อนๆคิดตามๆเบาๆ ในฐานะที่เพื่อนๆเป็นลุกค้าน้ะ
 - เวลาเพื่อนๆไปเดินในห้างสรรพสินค้าในโซนขนมปัง... กลิ่นของเนยย และ ขนมปังกาแฟอบอยู่ลอยเข้ามา มันหอมไหมน้า ? ชวนให้เพื่อนๆนึกถึงความรู้สึกไรบ้าง?
- แล้ว สมมุติ เพื่อนๆเปลี่ยนมาเดินชั้น 1 ที่ขายน้ำหอมบ้าง กลิ่นน้ำหอมตีกันฟุ้งไปหมดเลย เพื่อนๆรู้สึกยังไงกันบ้างน้า ?
- หรือถ้าสมมุติ เพื่อนๆไปร้านอาหารอิตาลี แต่กลิ่นแว่บแรกที่แตะจมูก ดั้นน เป็นกลิ่นเหมือน Spa ไทย ซะงั้นเลย เพื่อนๆมีความอยากทานอาหารมากขึ้น หรือน้อยลงไม๊น้า ?
ด้วยการเรียนรู้ Scent marketing จะเพิ่มมูลค่าความสนใจ และ ความต้องการ หรือความรู้สึกว่ามันคุ้มค่าหรือชอบมากขึ้นนนนน นั้นเองงง
เลือกกลิ่นผิด ก็เท่ากับว่าแทนที่จะมูล่าเพิ่มในการขาย (Value add) ดั้นนน ไป ลดจำนวนลูกค้าเข้าซะนี่เนอะ
อ้ะ ปูมาขนาดนี้แว้ว มาเริ่มกันเลย !
Scent Marketing หรือ กลยุทธ์แห่งกลิ่นสัมผัส (อันนี้เราตั้งเอง เพราะไม่รู้จะแปลยังไง 555) คือ
- การที่ใช้กลิ่น เค้าเรียกว่า Aroma (แต่ไม่ใช่กลิ่นสปา Aroma นะเพื่อนๆ เบรกก่อน 555) เพื่อส่งเสริมการขายของผลิตภัณฑ์ หรือ แม้กระทั่งสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์นั้นๆ
- ด้วยเทคนิคการใช้กลิ่นนี้ ยังจะช่วยเพิ่มจำนวน Traffic ของลูกค้าในหน้าร้านของเราด้วยน้ะ ! แก่นแท้ของเค้าก็คือเล่นกับความรู้สึกของลูกค้าา
- ตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ คือ ร้านอาหาร โรงแรม(ส่วนใหญ่จะ 4 ดาวขึ้นไป) สายการบิน โรงภาพยนต์ ห้างสรรพสินค้า
ผลวิจัยของ American Marketing Associate บอกว่า การที่เราเลือกกลิ่นที่สามารถสื่อถึง Product ได้ดีเนี่ย สามารถขยายระยะเวลาให้ลูกค้าช้อปปิ้งในร้านค้าของเพื่อนๆได้นานเพิ่มขึ้นถึง 44%
แล้วทำไม มันถึงช่วยเพิ่มได้ตั้งขนาดนั้นนนนน แค่กลิ่นที่หอมหวลขึ้นอะนะ ?
- ใช่แล้วววละเพื่อนๆ ได้มีการค้นคว้าจากมหาวิทยาลัย Brown University พบว่ากลิ่นที่หอมนี้จะช่วยลดความวิตกกลังวล และความรู้สึกในแง่ลบ โดยผลวิจัยสอบถามเกือบ 66% เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- ที่มากกว่านั้นคือ กลิ่นยังช่วยกระตุ้นความทรงจำที่สวยงามของเพื่อนๆได้อีกนะ จากงานวิจัยของ Arshamian A (2013) ได้เขียนไว้ว่า สมองส่วน ลิมบิค (Limbic) ของเรา ซึ่งประกอบด้วย hippocampus and amygdala ที่จะคอยประมวลผลกลิ่นต่างๆที่เราได้รับมาเป็นรุปภาพในหัวพวกเราเช่น ที่กลิ่นของ Lavender ภาพสีม่วงปรากฏขึ้นมาเลย (การทำงานของมันจะคล้ายๆกับผู้ป่วยโรค PTSD ที่จะตื่นกลัวกับสิ่งที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและฝังใจ)
- อย่างไรก็ตามม อยากชวนเพื่อนๆลองจิตนาการตามเบาๆ
เพื่อนๆน่าจะเคยไปเที่ยวในภูมิอากาศเย็นๆ ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งภาคเหนือน้ะ เพื่อนๆยังจำกลิ่นอายของวันหยุด และลมเย็นที่มาแตะหน้าได้บ้างไม๊เอ่ย ? กลิ่นอากาศบริสุทธ์ปนกลิ่นของดอกไม้เล็กน้อย...
นี้แหละ ! คือกลยุทธ์การใช้กลิ่นเพื่อ Trigger หรือ กระตุ้นความรู้สึกในแง่บวก หรือความทรงจำดีๆ ของลูกค้าระหว่างเลือกซื้อสินค้า
ประเภทของ Scent Marketing มีอะไรบ้างน้าาา ?
1. Aroma Billboard
- เทคนิคการใช้ป้ายประกาศ หรือการใช้รูปภาพ ประกอบไปกับกลิ่นนั้นเอง
มีตัวอย่างจาำภาพข้างล่างเบยยย
แค่เห็นการใช้สีและข้อความ จู่ๆก็รู้สึกได้เฉยเลยย
อันนี้ยิ่งเป็นอาหารที่มีเครื่องเทศด้วยแล้ว ยังการใช้ภาพคุณผู้หญิงมาทำหน้าหอมกลิ่นอีก
- อีกตัวอย่างที่ดีคือ ร้าน ขนมปัง Cinnabon ที่มีการใช้ภาพขนมปังที่เคลือบด้วย ชินนาม่อน และแน่นอน ลูกค้าคนไหนที่เห็นป้ายละลดราคานี้ แล้วเดินไปอีกนิดก็จะได้กลิ่นชินนาม่อน ซึ่งแว่ปมาทันทีว่า อ้อ หนมปังนี้กำลังลดราคาด้วย หอมจัง กันไปตามๆกัน
นี่ไง แค่เห็นบางทีกลิ่นลอยมา
2. Thematic
- เทคนิคนี้จะเป็นการเล่นกับกลิ่นที่มีความคล้องจองไปกับ ประเภทของธุรกิจ เพราะ หลายๆธุรกิจไม่ได้เป็นธุรกิจขายอาหาร หรือดอกไม้
- ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการใช้น้ำหอม หรือ สเปรย์สร้างบรรยากาศ เช่นน ขายอุปกรณ์กีฬา อาจจะใช้เป็นกลิ่นที่ Fresh and Cool หรือแม้กระทั่งเป็นกลิ่นของเครื่องออกกำลังกายเองเลยก็มี (บางคนจะไป Trigger ทำให้นึกถึง กลิ่นฟิตเนสส)
- หรือร้านขายเฟอนิเจอร์ไม้เอง อาจจะมีกลิ่นที่ดูชื้นและไม่ค่อยหอมเท่าไรนัก ก็อาจจะประยุกต์ใช้เครื่องหอมที่ให้ Scent note เป็น Woody ก็ได้ เพื่อทำให้มันเข้ากับบรรยากาศและหอมขึ้น
4 Types of Scent note
3. Ambient Smell
- อันนี้คือการดับกลิ่นนั้นเอง 5555 อาจได้ไม่ตรงกับภาษาอังกฤษมากนัก แต่มันคือการดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่นห้างสรรพสินค้าเนี่ย จะใช้กลิ่นอื่นๆ ที่อาจไม่ได้บอก Scent note ชัดเจน หรือกลิ่นที่จะทำให้ สภาพแวดล้อมในร้านขนาดใหญ่นั้น ไม่มีกลิ่น (อาจจะมาจาก กลิ่นของหลายๆประเภทปนกัน เพราะงั้นการที่เค้าทำให้มันไม่มีกลิ่นเลยอาจจะดีที่สุด)
- เพื่อนๆอาจจะมองภาพไม่ชัดกัน เราขอยก 1 ตัวอย่างที่เห็นง่ายที่สุด เพื่อนๆนึกถึงห้องน้ำสาธารณะในห้างจิ ..... โหววว คนใช้บริการเยอะขนาดนั้น แน่ละ เค้าต้องมีการเอาการบูร หรือ สารต่างๆ มาทำให้กลิ่นปัสสาวะมันน้อยที่สุด
เราจะเห็นพวก Diffuser แบบนี้บ่อยเนอะ
4. Signature smell
- พวกแบรนด์ดังๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือ พวก Cerebrity brand จะใช้เทคนิคพวกนี้ สร้างกลิ่นขึ้นมาเองเลยก็มี หรือบางทีใช้กลิ่นเฉพาะเจาะจงแบบไม่ได้สร้างมาเอง เช่น
แบรนด์เสื้อผ้า อย่าง Abercrombie and Fitch ที่เลือกใช้กลิ่นของ Cologne (กลิ่นโคโลน ดับกลิ่นรักแร้ ของคุณผู้ชาย) ประมาณนั้น เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของตนเอง และกระตุ้นความ Active ของลูกค้าที่เข้ามาชม
บริษัท หรือ แบรนด์ไหนบ้างน้าา ที่มีการใช้เทคนิค Scent Marketing ?
1. Starbucks
- กลิ่นชัดเจนมากก โดยเฉพาะโซน Reserve
อันนี้จริงๆเป็นการใช้คล้ายๆ Aroma billboard และ Signature smell แต่ก็ไม่ได้เรียกว่า Signature เพราะน้อยยคนมากๆที่จะแยกกลิ่นกาแฟเฉพาะออกได้
2. Movie Theatre
- เราเชื่อว่าเพื่อนๆ จะได้กลิ่น Popcorn มาก่อนแน่นอน 5555 จิงๆเพื่อนๆจะได้ 2 กลิ่นหลักนะ คือ Popcorn แล้วก็กลิ่น Ambient ที่ออกมาเพื่อดับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเบาะที่นั่งเอย จากการที่วันนึงมีที่ชมหลายร้อยคน
- อย่าง Major ที่กลิ่น Popcorn ลอยมาไกล หรือ อย่าง SF โดยเฉพาะสาขาเอมโพเรี่ยม จะเป็นกลิ่นน้ำหอม เพื่อดับกลิ่นพรม
3. Muji
- มูจิ เนี่ย ที่เด่นของเค้าและทำให้เค้าแตกต่างจาก H&M Uniqlo เนี่ย คือเค้าจะมีการใช้เทคนิคข้อ 2 หรือ Thematic ที่ช่วยเสริมสร้างแบรนด์
เนื่องจากเค้าขายสินค้าเกือบทุกประเภทที่เป็นของแต่งบ้านตั้งแต่ชิ้นเล็กยังชิบใหญ่ แต่เน้นคอนเซ็ป คือ ความเรียบง่าย และสีที่ไม่ฉูดฉาดเนอะ
และ 1 ในผลิตภัณฑ์ของเค้าคือ Aroma diffuser 55555555 เล่นง่ายเลย บรรยากาศโดยรอบร้านจะมีกลิ่นแบบ Aroma นี้แต่ไม่ค่อยแรง
ที่บ้านของเราก็ใช้เหมือนกันน
4. Virgin Active Fitness
- จริงๆเราว่าหลายฟิตเนสก็ใช้เทคนิคของ Thematic Ambient แล้วก็ Signature เนอะ
อย่างเรายกตัวอย่างของ Virgin คือมีการใช้กลิ่นที่ ออกแนว Fresh & Cool แล้วเนื่องจาก เค้ามีซัพพลายเยอร์สบู่แชมพูจากแบรนด์ Panpuri ตัว Bergamot ก็จะทำให้เราได้กลิ่น Signature ของเค้า (รวมไปถึง สร้างกลิ่นเฉพาะของ Virgin มาอีก)
เป็นรุ่นที่ทำออกมาให้ Virgin เท่านั้นนะ
5. Thann Sanctuary Spa
- อันนี้ชัดเจนมากและใช้ เทคนิค Signature smell ด้วย
คือ Product ของ Thann เนี่ย มาเยอะมาก หลายสีหลายกลิ่น แต่เค้าจะเลือกใช้กลิ่นหลักในสปา และเป็นกลิ่น Signature เลย ซึ่งก็คือขวดสีแดง กลิ่น Aromatic Wood
เราเคยไปใช้บริการที่นี้นะ ก็คือสมราคาเลยละ หรูหรา แถมสบายยยยสุดๆ
กลิ่นนี่ที่จะเป็นกลิ่นหลัก Signature มีรวงข้าวอยู่ข้างในขวดด้วยนะ !
สรุป ! ประโยชน์ของการใช้ Scent Marketing
1. สร้างความจดจำ หรือ ภาพลักษณ์ของแบรนด์เพื่อนๆให้เด่นชัดดขึ้น
2. เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาชมในร้าน หรือ เพื่อ ขยายเวลาตัดสินใจและช้อปปิ้งกับลูกค้า
3. 59% ของลูกค้ามีความชอบที่อยากจะเข้าร้านค้าที่มีกลิ่นห้อมหอมม
4. 65% ที่ผู้คนจะสามารถจดจำกลิ่นแะรูปภาพนั้นๆ ได้มากถึง 12 เดือน !
ข้อควรระวัง
- กลิ่นที่เพื่อนๆคิดว่าหอมและดี อาจไม่ใช่กลิ่นที่เหมาะกับ Location ของร้านค้าเพื่อนๆได้นะ
- สินค้าบางชนิดก็ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้มีกลิ่นที่หอม เช่น เพื่อนๆขายยาง แต่ดันไปใช้กลิ่นดอกไม้ (ง่ะ !!)
- เพื่อนๆต้องนึกถึงลูกค้าที่แพ้ดอกไม้ และลามไปทำให้เค้า Trigger ความทรงจำในแง่ลบขึ้นมานะ !
หวังว่าเพื่อนๆคงจะสนุกกันกับบทความนี้ ไม่แพ้บทความอื่นๆน้าาา
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเทคนิค Scent Marketing กัน แต่อาจจะไม่ได้สังเกตลึกลงไป เราไปศึกษามา เลยสรุปมาให้เพื่อนๆอ่าน ขำขำ เหมือนเดิม ^__^
บทความหน้าจะเขียนเรื่องที่มีสาระที่เพื่อนๆน่าจะอยากรู้สนุกๆกันต่อ :):)
โฆษณา