6 พ.ค. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตสุดพลิกผันของ 'จอห์น มันจิโร' ชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้ไปเรียนอเมริกาเพราะเรือล่ม
หากพูดถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคปลายของระบอบโชกุนสู่การปฏิรูปเมจิ เราจะนึกถึงเหล่าซามูไรระดับล่างอย่าง ซากาโมโตะ เรียวมะ หรือไซโก ทาคาโมริ ที่เป็นหัวหอกในการนำญี่ปุ่นสู่ความเป็นสมัยใหม่ แต่ยังมีบุคคลสำคัญซึ่งอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ท่านผู้นั้นมีชีวิตที่โลดโผนจากไพร่ที่ประสบอุบัติเหตุ ชีวิตพลิกผันจนกลายเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เขาคือ ‘จอห์น มันจิโร’
‘จอห์น มันจิโร’ มีชื่อจริงว่า มันจิโร นากาฮามะ เกิดในปี ค.ศ.1827 เป็นบุตรของครอบครัวชาวประมงที่ยากจนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของแคว้นโทสะ (ปัจจุบันคือจังหวัดโคจิ) หากโชคชะตาของมันจิโรไม่พลิกผันในช่วงวัยรุ่น เขาคงจะยึดอาชีพชาวประมงตามรอยบิดาเป็นแน่
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทางบัญชีกสิกรไทย
0698975539
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
นะครับ ขอบพระคุณมากครับ
แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผัน เมื่อมันจิโรอายุได้ 14 ปี เขาและเพื่อนอีก 4 คน ได้ออกเรือไปหาปลาตามปกติ ได้เกิดพายุขึ้นกลางทะเล คลื่นลมโหมกระหน่ำจนเรือแตก ทั้งหมดต่างเอาตัวรอดด้วยการลอยคอกลางทะเลจนมาติดเกาะร้างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะโทริชิมะ และต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากวิลเลียม เอช. ไวท์ฟิลด์ กัปตันเรือล่าวาฬอเมริกัน แต่เนื่องจากนโยบายปิดประเทศของโชกุนโตกุกาวะ ที่ไม่อนุญาตให้เรือต่างชาติ (ยกเว้นฮอลันดา) เข้าเทียบท่าชายฝั่งญี่ปุ่น อีกทั้งบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับชาวญี่ปุ่นที่ออกนอกประทศในขณะนั้น ทำให้มันจิโรและเพื่อนไม่อาจหวนคืนสู่มาตุภูมิได้ จึงจำเป็นต้องใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอดในต่างแดน
1
ขณะที่เพื่อนทั้งสี่เลือกลงหลักปักฐานที่เมืองฮอนโนลูลู ในหมู่เกาะฮาวาย มันจิโรกลับเลือกที่จะเป็นลูกเรือล่าวาฬต่อไป กัปตันไวท์ฟิลด์จึงตัดสินใจรับเขาเป็นลูกบุญธรรม โดยตั้งชื่อ ‘จอห์น’ เป็นชื่อในภาษาอังกฤษให้กับมันจิโร และพาไปพักอาศัย ณ บ้านของกัปตันที่รัฐแมตซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
1
ช่วงที่มันจิโรใช้ชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดินอเมริกา เขาได้เรียนภาษาอังกฤษ และสรรพวิทยาการต่างๆ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองแฟร์ฮาเวน ตลอดจนฝึกฝนวิชาการเดินเรือกับพ่อบุญธรรมของเขาจนมีความชำนาญ อีกทั้งทำงานสารพัด ตั้งแต่ทำเครื่องมือประมง งานลูกเรือ ไปจนถึงไปแสวงโชคขุดทองในแคลิฟอร์เนียจนมีรายได้พอที่จะซื้อเรือเป็นของตนเอง ในปลายปี ค.ศ.1850 มันจิโรจึงเดินทางกลับญี่ปุ่นพร้อมกับเพื่อนในวัยเด็กที่เคยประสบเหตุเรือแตกด้วยกันอีกสองคน (ส่วนอีกสองคนที่เสียชีวิตไปแล้ว) หลังจากที่เรือขึ้นฝั่งที่โอกินาวา มันจิโรถูกทางการจับกุมตัว ถูกคุมขังและสอบสวนเป็นเวลานานนับเดือน จึงถูกปล่อยตัวและกลับสู่บ้านเกิดที่แคว้นโทสะสมความตั้งใจ
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทางบัญชีกสิกรไทย
0698975539
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
นะครับ ขอบพระคุณมากครับ
การกลับมายังญี่ปุ่นของมันจิโร เรียกได้ว่าพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมจากอเมริกา ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จนเป็นที่ต้องการของไดเมียวและรัฐบาลโชกุน เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นซามูไรของแคว้นโทสะ และเมื่อรัฐบาลโชกุนจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปบ้านเมืองให้ทันสมัย จอห์น มันจิโรทำหน้าที่เป็นล่ามเจรจาและแปลเอกสารสนธิสัญญาต่างๆ และผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาคือ การร่วมเป็นหนึ่งในคณะทูตญี่ปุ่น นำเรือคังรินมารุ ซึ่งเป็นเรือรบที่ทันสมัยลำแรกที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้น ข้ามฝั่งแปซิฟิกไปเทียบท่าที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำสนธิสัญญาระหว่างกันในปี ค.ศ.1860
หลังจากที่ระบอบโชกุนล่มสลาย เข้าสู่ยุคเมจิ มันจิโรได้ไปศึกษาด้านการทหารในทวีปยุโรป และได้พบกับพ่อบุญธรรมของเขาอีกครั้งในปี ค.ศ. 1870 หลังจากนั้นก็ได้ทุ่มเทชีวิตให้กับงานวิชาการ เป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1898 ด้วยวัย 71 ปี
เรียกได้ว่า อุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว ได้พลิกชีวิตคนหนึ่งคนให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทางบัญชีกสิกรไทย
0698975539
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
นะครับ ขอบพระคุณมากครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา