10 พ.ค. 2020 เวลา 01:40 • ข่าว
คดีฆาตกรรมหั่นศพ หยางหมิงซาน
31 พ.ค. 2018 เสี่ยวเหวินวัย 30ปีได้ถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กออกจากบ้านและไม่ได้กลับมาอีกเลย.....
เสี่ยวเหวินหญิงวัย 30ปี ผู้ชอบทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม รักในศิลปะ เข้ากับคนง่ายแต่ใครจะรู้ว่า การที่ไว้ใจคนง่ายนั้นนำภัยมาสู่เธอ....
1
31 พฤษภาคม 2018 เวลาบ่าย 3โมง จากกล้องวงจรปิด ได้เห็นเสี่ยวเหวินถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กเดินออกจากบ้าน เธอเดินผ่านร้านค้าแถวบ้านอย่างปกติทุกครั้ง แต่ใครจะคิดว่าวันนั้นเธอจะไม่ได้กลับมาอีกเลย....
เวลานานผ่านไปจนหัวค่ำ ทางบ้านเริ่มร้อนใจ โทรศัพท์ที่ลืมพกติดตัวไปด้วย ผ่านไปจนเที่ยงคืนคนเป็นพ่อแม่เริ่มเห็นว่าผิดปกติ เพราะนอกจากติดต่อไม่ได้ เธอก็ไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็น แถมไม่โทรมาบอกสักคำ เพียงแค่บอกว่าไปช่วยงานเพื่อนข้างนอก
วันรุ่งขึ้นพ่อของเสี่ยวเหวินได้แจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อของเสี่ยวเหวินเป็นตำรวจเก่าที่เกษียณ เขามีลางสังหรณ์ว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาวเป็นแน่ แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่วัย30 หายออกจากบ้าน แลดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากเท่ากับเด็กหาย คดีค้างอยู่ที่หายสาบสูญ.... ผู้เป็นพ่อลงมือสืบเอง ตำรวจทำได้เพียงแต่ช่วยตรวจสอบกล้องวงจรปิด และตรวจเชคโทรศัพท์ของเสี่ยวเหวินเพื่อหาร่องรอยการหายตัว
จากกล้องวงจรปิดเห็นเธอเดินออกจากบ้านช่วงเวลาบ่ายสามโมง และเดินขึ้นรถประจำทางไป จากโทรศัพท์เมื่อปลดล็อคได้ก็เห็นเธอได้มีการโพสข้อความ และมีบันทึกว่า วันที่เธอหายตัวไป ว่าได้มีการเข้าร่วมกิจกรรมยิงธนูที่ฮว๋าซาน และมีการเขียนว่าได้ช่วยเพื่อนคนนึงทำเอกสารต่างๆเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ด้วย เมื่อมีเบาะแสว่าไปที่ไหนตำรวจก็ได้สืบต่อ
เมื่อตำรวจสอบถามกับเจ้าของลานกิจกรรมยิงธนูนายเฉินปั๋วเสี้ยน นายเฉินได้ตอบว่าจำไม่ได้ ต่อมาเมื่อตำรวจยกหลักฐานมาว่าเสี่ยวเหวินได้โพสข้อความว่ามาช่วยกิจกรรม สรุปว่าได้เจอกันหรือไม่ นายเฉินก็ทำท่าทีนึกออกว่าได้เจอ แต่บอกว่าเจอครู่เดียว และเสี่ยวเหวินยืนเพียงข้างนอกไม่ได้เข้ามาในที่พักตน ไม่นานก็กลับไป จากคำพูดของตำรวจเจ้าของเรื่องกล่างว่า ขณะนั้นนายเฉินมีท่าทีที่เป็นมิตร นิ่ง และดูมีท่าทีให้ความร่วมมือช่วยเหลือเป็นอย่างดี แถมได้ลงประกาศตามหาเสี่ยวเหวินในกรุ๊ปเพจชมรมอีกด้วย
1
สืบต่อไม่ได้เมื่อไม่พบอะไรเลย.... พ่อของเสี่ยวเหวินกับอาชีพตำรวจ40ปีก่อนเกษียณ รู้ว่าต้องพึ่งตนเอง และลูกสาวนั้นหายไปได้ 3วันแล้ว ต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ ถ้ามีชีวิตอยู่ต้องติดต่อกลับมาบ้างแล้ว พ่อที่ต้องกลืนน้ำตา เก็บความตระหนกไว้ก้นบึ้ง เพราะไม่งั้นครอบครัวพังทลายหมดแน่ๆหากไม่มีเสายึด เพราะคนเป็นแม่ที่ลูกสาวหายไปทั้งคน ร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด....
ผู้เป็นพ่อไม่ยอมแพ้ ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด และขอตรวจสอบกล้องตามร้านค้าต่างๆบริเวณรอบๆฮว๋าซานที่ลูกสาวตนถูกพบเป็นที่สุดท้าย ผู้เป็นพ่อตรวจกล้องหลายร้อยตัวด้วยตัวเองนั่งจ้องมองขอเพียงแค่เห็นลูกสาวเพื่อหาเบาะแสต่อ แต่ไม่พบอะไรเลย ไม่มีภาพที่ยืนยันว่าลูกสาวตนนั้นออกมาจากเขตฮว๋าซาน ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าออกมาจริง ห้องน้ำสาธารณะก็ต้องผ่าน มีกล้องต้องเห็น ป้ายรถเมล์ที่ใกล้สุดก็ต้องเห็น แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเสี่ยวเหวินออกมาจากบริเวณสนามแห่งนั้น และเสี่ยวเหวินหายไปไหน?? ทำไมถึงทิ้งคอมพิวเตอร์ไว้ในที่พักนายเฉินแล้วไม่กลับมาอีกเลย
1
พ่อเสี่ยวเหวิน
ผู้เป็นพ่อใช้อาชีพเก่าตามสืบหาลูกสาวทั้งวันทั้งคืน คืนหนึ่งตำรวจรุ่นน้องโทรหาพ่อเสี่ยวเหวินเพื่อถามไถ่ กลับพบว่าพ่อเสี่ยวเหวินพูดเสียงกระซิบ จึงถามว่าอยู่ที่ไหน พ่อเสี่ยวเหวินตอบว่า ได้ตามดูนายเฉินมา2-3 วันแล้ว ทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่รู้ว่าลูกสาวมาที่ลานธนูเป็นที่สุดท้าย จนรายละเอียดทุกอย่างในสมุดพกเป็นเล่มๆว่านายเฉินไปไหนบ้าง ทำอะไร พ่อเสี่ยวเหวินพบว่านายเฉินแทบไม่ออกไปจากสนามยิงธนูและเพิงที่พักเลย มีเพื่อนมาหาบ้างคิดว่า ถ้าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ศพต้องอยู่แถวนั้นแน่ๆมั่นใจ แต่ตนไม่อยากไปถามไปโวยวายตรงๆ กลัวตีให้งูตื่น แต่มั่นใจว่านายเฉินต้องเป็นคนร้ายและรู้ว่าลูกสาวตนหายไปได้อย่างไรแน่ๆ!!
แต่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีเบาะแส ทำอย่างไรดีล่ะ?? ไม่นานมีสาวคนนึงโพสข้อความถึงนายเฉินด้วยถ้วยคำด่าทอต่อว่าว่า ท้องจนคลอดไม่เคยมาดูดำดูดี ทิ้งลูกเมีย เมื่อสืบทำให้ทราบว่า นายเฉินพอรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ก็ไม่เคยกลับบ้านดูแลเลย ลูกคลอดก็ไม่เคยไปดู มีแต่เพิงในลานธนูที่ใช้เป็นที่ซุกหัวนอน และมีผู้หญิงอื่นมาเเวะเวียนค้างแรมบ้าง
ข้อนี้ตำรวจตั้งขอสงสัยว่า ด้วยนิสัยเหล่านี้เป็นเหตุให้เกิดการขืนใจและทำร้ายเสี่ยวเหวินหรือไม่ เพราะเสี่ยวเหวินรู้จักกับนายเฉินเพียงผิวเผิน และช่วยงานเอกสารจิตอาสาในชมรม ซึ่งเสี่ยวเหวินรู้จักกับนายเฉินแค่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้นเอง
ตำรวจได้คอยแวะเวียนมาถามเรื่อยๆ เเต่ด้วยไม่มีหลักฐานจึงได้แต่คอยตะล่อมถาม แต่ครั้งนี้ตำรวจพาสุนัขดมกลิ่นมาด้วยแต่แสร้งทำเป็นมาเดินเล่น ขณะนั้นเวลาดึกมาก ตำรวจนายหนึ่งพาสุนัขดมกลิ่นมาดมบริเวณรอบๆเพื่อหาเบาะแสเสี่ยวเหวิน สุนัขกลับพาเดินไปที่เพิงที่พักนายเฉิน นายเฉินได้เดินออกมา เมื่อเจอตำรวจนายเฉินกลับนิ่งมาก ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกอย่างใด กล้องที่ซ่อนไว้ในเสื้อถูกถ่ายไว้อยู่ตลอด
ตำรวจแสร้งถามว่าเสี่ยวเหวินเข้ามาและออกไปเมื่อไหร่ ตอนแรกบอกว่าเอาคอมมาวางและออกไป ต่อมาเมื่อตำรวจบอกว่าเห็นเสี่ยวเหวินโพสว่าอยู่ช่วยงาน และได้สอบถามกับคนในชมรมเห็นบอกว่าวันนั้นเสี่ยวเหวินได้ร่วมวงทานอาหารด้วย นายเฉินก็ทำทีว่าลืม และเพิ่งนึกออกว่า เสี่ยวเหวินกลับมาอีกรอบ นั่งดื่มเหล้าเบียร์ด้วยกันกับคนในชมรมอีก2-3คน และกลับไป
พอถามว่าดื่มอะไรไปบ้างนานไหม นายเฉินตอบว่าดื่มเหล้าขาวกับเบียร์ ถามต่อว่าเสี่ยวเหวินกลับไปเมื่อไหร่ นายเฉินตอบน่าจะตี3 ตำรวจถามกลับยังไง(ช่วงนั้นรถเมล์หยุดวิ่งแล้ว) นายเฉินตอบเสี่ยวเหวินขี่ubike (รถจักรยานสาธารณะที่ยืมได้คิดตามชั่วโมง) ตำรวจบอกกินเบียร์ผสมเหล้าเนี่ยนะขี่จักรยาน?? นายเฉินกลับคำอีก อ๋อไม่ๆจำผิด มีเพื่อนผู้หญิงคนนึงหิ้วเสี่ยวเหวินออกไป ตำรวจถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร นายเฉินตอบไม่รู้จัก แค่เคยมายิงธนูบางครั้ง ไม่รู้จักชื่อ ตำรวจบอกว่าทำไมปล่อยให้เสี่ยวเหวินไปกับคนที่ไม่รู้จัก?? นายเฉินไม่ตอบ....ตลอดเวลาที่มีการสนทนาเกิดขึ้น นายเฉินมีหน้าตายิ้มแย้ม ต้อนรับอย่างดี แถมยังอนุญาตให้สุนัขและตำรวจเข้าไปในที่พักด้วย สุนัขคอยเดินวิ่งดมต่างๆภายในที่พัก แต่ก็ไปหยุดที่กล่องใส่อุปกรณ์ของทหารขนาดใหญ่ใบหนึ่งที่ใช้แทนโต๊ะ และได้ขึ้นไปบนฟูกที่คล้ายเตียงและพยายามทำท่าคุ้ยตะกุยดินให้ได้....
1
เมื่อตำรวจแยกออกมา ได้โทรปรึกษาพ่อเสี่ยวเหวินว่าสุนัขมีอาการผิดปกติเช่นนี้ พ่อเสี่ยวเหวินคิดว่าลูกสาวต้องถูกฝังที่ไหนสักแห่งในบริเวณนั้นแน่ๆ ไม่เช่นนั้นทำไมสุนัขที่ถูกฝึกถึงทำท่าจะตะกุยเตียงให้ได้ มีอะไรอยู่ข้างใต้อย่างนั้นหรือ??
วันรุ่งขึ้นตำรวจและพ่อเสี่ยวเหวินกลับมาลานธนูหานายเฉินอีกครั้ง แต่เมื่อมาถึงกล่องใบใหญ่ที่ว่ากลับหายไปเสียแล้ว ตำรวจสอบถามว่ากล่องใบนั้นไปไหน นายเฉินนิ่งเเละตอบว่าโดนขโมยไป.... พ่อเสี่ยวเหวินเผชิญหน้ากับนายเฉิน พูดขึ้นมาว่า “แกฆ่าลูกสาวฉันใช่ไหม??” นายเฉินเงียบ ตำรวจถามว่าเสี่ยวเหวินอยู่ไหน?? นายเฉินเงียบ...
พยานและทุกสิ่งที่มีวนกลับมาชี้ที่นายเฉินเพียงคนเดียว สุดท้ายตำรวจตัดสินใจเชิญนายเฉินไปสอบสวนที่โรงพัก ตลอดเวลาที่สอบสวนนั้น นายเฉินไม่สบตาตำรวจเลย ก้มหน้า คำให้การวกวน แต่อาการยังคงนิ่งมาก ตำรวจถามว่า มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเสี่ยวเหวินใช่ไหม?? นายเฉินนิ่งเงียบ...
เสี่ยวเหวินหายไปนายมีส่วนเกี่ยวข้องใช่ไหม?? นายเฉินเงียบ... จากปกติที่มีท่าทียิ้มแย้มพูดคุยตอบโต้ และแสดงความช่วยเหลือ หรือแม้แต่ช่วยโพสข้อความตามหาเสี่ยวเหวินในเพจชมรมยิงธนูอีกด้วย แต่ครั้งนี้กลับก้มหน้านิ่งเงียบ แต่มีอาการเหงื่อแตก.....
1
ตำรวจใช้อุบาย.... พูดกับนายเฉินว่า ให้เลือก2 ทาง จะกลับไปตอนนี้เลย เพราะไหนๆก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไว้มีหมายศาลไปตามจับที่บ้าน หรือจะกลับไปคิดดีๆให้เวลา3 ชั่วโมง ไปเรียบเรียงคำพูดมาใหม่ ไม่ใช่กลับไปกลับมาและนิ่งเงียบแบบนี้ ถ้ามีอะไรจะพูดอีก3 ชั่วโมงกลับมา... ตำรวจใช้วิธีนี้เพื่อดูว่านายเฉินจะมีปฏิกริยาอะไร และมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ หลังจากกลับไป
นึกไม่ถึงว่านายเฉินกลับบอกตำรวจว่า เดี๋ยวอีก3 ชั่วโมงกลับมา จึงเป็นที่น่าแปลกใจมาก เพราะถ้าปกติคนทั่วไปถ้าไม่มีความผิด ก็มักจะปฏิเสธบอกว่าตนไม่ได้ทำ ต่อให้มีความผิดก็ตามหลายคนมักปฏิเสธและพยายามหาหลักฐานมาแย้ง แต่นี่กลับบอกว่าขอเวลา3 ชั่วโมง!!
ตำรวจรีบติดต่อน้องสาวผู้ตายว่ามีเรื่องแบบนี้ และได้ติดตามดูว่านายเฉินจะทำอย่างไรต่อ หลังจากกลับไปนายเฉินนัดเพื่อน2 คนมาที่พักลานธนู มีการพูดคุยเรื่องคดีเมื่อใกล้เวลาครบ 3 ชั่วโมง นายเฉินมีท่าทีเก็บของใส่กระเป๋า จึงสงสัยว่าจะหนีหรือไม่?? ตำรวจตัดสินใจแสดงตัว นายเฉินยังคงนิ่งเงียบแต่มีท่าทีรนขึ้น ไม่สบสายตา หญิงคนนึงที่เป็นคนในชมรม มีท่าทีต่างจากนายเฉินราวฟ้ากับดิน กรีดร้องโวยวายกับตำรวจไม่ให้คุมตัวนายเฉินไปไหนทั้งนั้น และพูดตะโกนว่านายเฉินบริสุทธิ์ (คาดว่าเป็นสาวที่นายเฉินเคยมีสัมพันธ์ด้วย)
2
นายเฉินถูกคุมตัวไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง ครั้งนี้ยอมเปิดปากว่า ได้ฆ่าเสี่ยวเหวินจริง!!
ตำรวจทำใจเรียบเรียงคำพูดเพื่อติดต่อพ่อแม่เสี่ยวเหวิน ทั้งคู่มาที่โรงพักด้วยท่าทีสงบ ผิดจากครอบครัวเหยื่ออื่นๆที่มักเข้าไปทำร้ายฆาตกรฆ่าลูกสาว ทั้งคู่ทำตามที่ตำรวจร้องขอคือยืนมองดูอยู่ไกลๆ
1
พ่อและแม่ของเสี่ยวเหวิน
นายเฉินให้การสารภาพว่าได้ฆ่าเสี่ยวเหวินจริง!!
ตำรวจ: ศพอยู่ไหน??
นายเฉิน: เอาไปทิ้งที่หยางหมิงซาน
ตำรวจ: เอาไปทิ้งยังไง??
นายเฉิน : ขี่จักรยานยนต์ไปทิ้ง
ตำรวจ: เป็นไปได้ไงคนไม่ได้สติทั้งคน ศพคนเนี่ยนะ
นายเฉิน : หั่นศพ.....🔪
นายเฉินสารภาพ วันที่ 31 พ.ค. ได้มอมเหล้าและฆ่าเสี่ยวเหวินเอาศพยัดใส่กล่องอุปกรณ์ทหารขนาดใหญ่คล้ายกล่องเก็บอาวุธ(ที่สุนัขเคยดม) เก็บไว้หลังสวนลานธนู แต่หลังจากครอบครัวเหยื่อเริ่มมาตามหาถามหา ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ในวันที่3 เริ่มตัดสินใจหั่นศพที่เริ่มเน่า แบ่งเป็นทั้งหมด 7 ถุงใหญ่ ใส่กระสอบขี่จักรยานยนต์ไปทิ้งที่หยางหมิงซาน ตำรวจใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการค้นหาศพทั้งหมดที่ถูกหั่นแยกชิ้น
2
เมื่อตำรวจนำตัวไปสอบสวนและตั้งข้อหา ข่าวนี้ดังมากในขณะนั้น มีนักข่าวดักรอจำนวนมาก ท่าทีนายเฉินยังคงนิ่ง ผิดจากฆาตกรรายอื่นๆที่มักรู้สึกผิด วิตก กลัว เข่าอ่อน แต่นายเฉินกลับมีท่าทีต่อคนและนักข่าวที่มามุง โดยการทำเสียงจิ๊ที่ปาก แสดงเหมือนอาการรำคาญที่มีฝูงชนมาขวางทางด่าทอ มากกว่าที่จะรู้สึกผิด ตลอดตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ถูกจับกุม 10วัน นายเฉินไม่มีอาการรู้สึกผิดเสียใจแต่อย่างใด แถมขณะสัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการฆ่าเสี่ยวเหวิน ยังคงมีอาการยิ้มด้วย
นายเฉินมีนิสัยมองว่าโลกหมุนรอบตัวเอง ไม่ชอบกลับบ้านเพราะมองภรรยาและลูกเป็นภาระ ออกจากบ้านมาสร้างเพิงสอนยิงธนู ที่แห่งนี้ทำให้นายเฉินรู้สึกเป็นตัวเอง อิสระ มีสาวๆมาแวะเวียนค้างแรมบ้าง และเมื่อเจอเสี่ยวเหวินอาจเกิดถูกตาต้องใจ แต่ความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นอย่างใจคิด จึงเกิดเหตุสลดเช่นนี้
คำสารภาพที่เปลี่ยนตลอด พอขึ้นศาลกลับคำให้การว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่เป็นคนหั่นศพ ช่วยเพื่อนที่ชื่อเอริกฆ่า ตำรวจกุมขมับ เมื่อถามว่าเอริกคือใคร กลับบอกว่าไม่มีเบอร์ติดต่อรู้จักผิวเผิน ในเมื่อไม่มีหลักฐานยืนยัน สุดท้ายก็กลับมาจุดเดิมคือนายเฉิน
ศาลตัดสินให้มีโทษประหาร นายเฉินยื่นอุทธรณ์ต่อมาตามกฎหมายทนายฝ่ายจำเลยมีการยื่นว่านายเฉินได้ให้การรับสารภาพเอง และบอกจุดฝังศพ ศาลอุทธรณ์เปลี่ยนเป็นจำคุกตลอดชีวิต สร้างความไม่พอใจแก่ครอบครัวอย่างยิ่ง โดยผู้เป็นพ่อกล่าวว่า “ไม่มีวันยกโทษให้คนอมหิตแบบนี้เด็ดขาด”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา