10 พ.ค. 2020 เวลา 12:12
ชีวิตของคนไทยในต่างประเทศ หลายคนอาจคิดถึงอาหารไทย ไม่เว้นแม้แต่พระมหากษัตริย์
ครั้งหนึ่งเมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึง "อาหารไทย" ครั้นเสด็จประพาสยุโรปเป็นเวลานาน ถึงขนาดทรงพระสุบินว่า
"...เสด็จยายทรงปรุงข้าวคลุกกะปิให้กิน..."
เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2
ใครหลายคนที่ทำงานหรือเรียนต่ออยู่ต่างแดนอาจจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี เมื่อคนไทยอย่างเราเรา ต้องไปปรับตัวเปลี่ยนแปลงทั้งการใช้ภาษา สังคม รวมทั้งอาหารที่ไม่ถูกปาก
1
และที่ปฏิเสธไม่ได้คือการคิดถึงประเทศไทย คิดถึงครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งอาหารไทยที่เราคุ้นชิน วันนี้เจาะเวลาหาอดีตจึงขอนำเรื่องราวเกี่ยวอาหารไทยที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งสู่ท่านผู้อ่านครับ
ย้อนไปเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่พระองค์เสด็จประพาสเป็นวันที่ 207 ของการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ระหว่างทางขณะที่ทรงประทับอยู่ในเรือพระที่นั่งที่กำลังแล่นอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2
พระองค์ทรงมีพระราชหัตถเลขาและทรงตรัสถึงอาหารไทย ส่วนเหตุผลที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะมาจากการที่พระองค์ทรงเบื่ออาหารตะวันตก และเสวยได้น้อยจนบรรทมไม่ได้ ความว่า
“...ไปตื่นขึ้นด้วยความหิว ได้ความว่า 10 ทุ่มครึ่ง นึกว่าจะแก้ได้ตามเคย คือดื่มนำลงไปเสียสัก 3 อึก จึงได้ดื่มและนอนสมาธิต่อไปใหม่...”
แต่ปรากฏว่า พระองค์ก็ยังบรรทมไม่หลับเพราะไม่ทรงหายหิว ทำให้ทรงจินตนาการถึงอาหารต่างๆ ที่เคยเสวยเมื่อประทับอยู่ในประเทศไทย ความว่า
“...แลเห็นปลากุเราทอดใส่จานมาอยู่ที่ไนยตา ขับไล่กันพอจะจางไป ไข่เค็มมันย่องมาโผล่ขึ้นแทน แล้วคราวนี้เจ้าพวกแห้งๆ ปลากระบอก หอยหลอด น้ำพริก มาเปนแถว เรียกน้ำชามากินเสียครึ่งถ้วย เปิดไฟฟ้า ขึ้นอ่านหนังสือ จะให้ลืมพวกผีปลา ผีหอยมาหลอก...”
เมื่อจินตนาการจบไปแล้วแต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นี้ เมื่อพระองค์ถึงขนาดทรงพระสุบินถึงอาหารไทยต่ออีก ความว่า
1
"...ข้าฝันไปว่าเสด็จยายทรงปรุงข้าวคลุกกะปิให้กินอร่อยมาก ทำให้ข้าอยากกินข้าวคลุกกะปิ เจ้าเตรียมกะปิและเครื่องต่างๆ สำหรับปรุงไว้ให้ข้า พรุ่งนี้ข้าตื่นนอนข้าจะคลุกเอง...”
เสด็จยายที่ทรงรับสั่งถึง คือ สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูร โดยชาววังเรียกขานกันว่า “ทูลกระหม่อมแก้ว” ผู้ที่ทรงอภิบาลพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูร
ในเช้าวันต่อมาจึงมีการจัดเตรียมวัตถุดิบเพื่อมาปรุงพระกายาหารพระองค์รับสั่งให้พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ ให้ไปสั่งกุ๊กหุงข้าวสวยหม้อหนึ่ง ด้วยความรอบคอบพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภจึงเตรียมหุงข้าวขึ้นอีกหม้อหนึ่ง โดยใช้เตาไฟตะเกียงแอลกอฮอล์ในห้องและหม้ออะลูมิเนียม
และก็จริงดังที่พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภเกรง เพราะข้าวที่กุ๊กหุงนั้นใช้ไม่ได้ หม้อหนึ่งเปียก หม้อหนึ่งไหม้ เมื่อทรงเห็นข้าวทั้ง 2 หม้อนั้น
พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภเล่าไว้ว่า
“พระเจ้าอยู่หัวทรงถอนพระทัยฮือและนิ่งอั้นอยู่ มิได้รับสั่งประการใด” จึงกราบทูลว่าได้หุงข้าวสำรองไว้หม้อหนึ่ง และนำมาถวายให้ทอด
พระเนตร รับสั่งว่า “เออใช้ได้”
ความตอนนี้พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภเล่าว่า
“...เสด็จจากพระเก้าอี้ลงมาประทับขัดสมาธิบนพื้น ทรงตักพระกระยาคลุกกับกะปิ...”
และเครื่องปรุงซึ่งเป็นเสบียงเหลือๆ คือกะปิ
น้ำตาลติดก้นขวดเอามาปนกันมะนาวบีบ พริกป่นโรยลงไปหน่อยคลุกข้าวใส่หมูแฮม เมื่อเสวยแล้ว ทรงบรรยายว่า
“...อิ่มสบายดี คอเหมือนเปิดปากถุง ใส่ลงไปหายพร่อง ไม่ได้มาตันอยู่หน้าอกเช่นขนมปังกับเนื้อเลย...”
ทรงปรุงพระกายาหารด้วยพระองค์
ในกาลต่อมาเมื่อพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภเสด็จนิวัตกลับประเทศไทย มีพระราชประสงค์จะเสวยมะเขือต้มจิ้มน้ำพริกจึงโปรดให้กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ปรุงเครื่องเสวยและเสวยตามพระเจ้าแผ่นดิน ทรงย้ำว่า
“ไม่ต้องมีกับข้าวอื่นก็ได้ กินกันจนๆอย่างในเรือเมล์เสียสักที"
และนี่เป็นสิ่งยืนยันถึงความประทับพระทัยในข้าวคลุกกับกะปิบนเรือครั้งนั้น
แล้วท่านผู้อ่านที่อยู่ต่างแดนล่ะ
คิดถึงอาหารไทยกันไหมครับ?
❤️กดไลค์ กดแชร์ ติดตามเป็นกำลังใจ❤️
🙏ขอบพระคุณครับ🙏
เรียบเรียงโดย เจาะเวลาหาอดีต
ขออภัยหากมีข้อมูลตกหล่นหรือผิดพลาดครับผม
อ้างอิง:
หนังสือ "บุรุษรัตน" พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาเสวกเอก พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ(นพไกรฤกษ์)เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2501
หนังสือ วาทะเจ้านาย เล่าประวัติศาสตร์
โฆษณา