ทอฝันเดินไปหาพ่อและพายุที่กำลังนั่งดื่มไปและพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ตั้งใจจะเข้าไปร่วมวงด้วย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทั้งคู่ คำถามของพ่อก็ดังขึ้นและทำให้เธอต้องชะงักเท้าและหยุดฟัง
“นี่พายุ พ่อถามอะไรหน่อยสิ” น้ำเสียงของ
พ่อดูจริงจังกว่าปกติ
“ครับคุณพ่อ”
“พ่อเห็นเรามาที่บ้านกับทอฝันก็หลายครั้ง
แล้ว ตอนแรกพ่อก็คิดว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน...”
“…” พายุนิ่งเงียบและดูสงบลง ทอฝัน
เกิดกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ หรือว่าพ่อจะต่อว่าอะไรพายุหรือป่าว
“แต่หลังๆมานี้ พ่อคิดว่าเรากับทอฝันน่ะ
คงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแน่ๆ” พ่อเงียบและเหม่อมองไปยังสวนตรงหน้าและถามย้ำ”ใช่ไหมลูก?”
ทอฝันไม่เคยบอกพ่อและแม่เลยว่าเธอกับพายุอยู่ในสถานะอะไร และพ่อกับแม่ก็ไม่เคยถามเลย ทอฝันไม่อยากให้พ่อแม่ต้องคิดมากหรือเป็นห่วงเรื่องที่เขามีแฟนตอนวัยเรียนเพราะพ่อแม่เคยบอกไว้เสมอว่าเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยคิดจะมีแฟนทอฝันเลยปล่อยให้พวกท่านเข้าใจว่าพวกเราคือเพื่อนกัน
แต่แล้วคำตอบของพายุก็ทำให้ทอฝันรู้สึกว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิดไปจริงๆ
“ตลอดเวลาที่เราคบกัน ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิดเลยทีเลือกทอฝันมาเป็นแฟน ที่ไม่ได้บอกให้คุณพ่อรู้ว่าเราคบกัน เพราะเธอขอผมเอาไว้ครับ เธอไม่อยากให้คุณพ่อต้องคิดมากและเป็นกังวล ผมต้องขอโทษคุณพ่อจริงๆนะครับที่ไม่ได้บอก”
พายุโค้งศีรษะลงต่ำอย่างรู้สึกผิด
ทอฝันยืนมองภาพนั้นอยู่สักพักและรู้สึกตื้นตันขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอตัดสินใจเดินออกไปโดยไม่ให้สุ่มให้เสียงจนทั้งสองที่กำลังคุยกันอย่างจริงจังถึงกับสะดุ้งและปรับสีหน้าแทบไม่ทัน
“ทำอะไรกันอยู่คะเนี่ยทั้งสองคน!? นี่มันดึกแล้วนะคะพ่อ อย่าลงมาดื่มกันดึกดื่นขนาดนี้สิคะ”
ทอฝันแกล้งดึงสีหน้า แกล้งทำเป็นขุ่นเคืองใส่ผู้เป็นพ่อ ยกขึ้นมือขึ้นเท้าเอวและมุ้ยปากใส่ทั้งสองคนอย่างเอาเรื่อง พ่อขำกับท่าทางของลูกสาวของตัวเองก่อนจะโบกมือปัดๆเป็นเชิงว่าอย่าใส่ใจอะไรนัก “น่าๆ นานๆทีนะลูก เดี๋ยวพ่อก็จะขึ้นไปแล้ว เราน่ะขึ้นไปนอนได้แล้ว พ่อจะดื่มกับพายุอีกสักนิด แล้วเดี๋ยวจะตามขึ้นไป”
“แน่นะคะพ่อ!?” ทอฝันถามย้ำ
“แน่ลูก แน่ที่สุดเลย ไปๆไปอาบน้ำเข้านอนได้แล้ว”
“ไม่ต้องเป็นห่วงคุณพ่อหรอกฝัน เดี๋ยว
ยุดูแลท่านเอง”
ถึงแม้จะอยากฟังทั้งคู่คุยกันต่อ แต่ขืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ มีหวังทอฝันคงได้บ่อน้ำตาแตกกันพอดี