Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Big Girl Noxx
•
ติดตาม
22 พ.ค. 2020 เวลา 02:52 • ไลฟ์สไตล์
ถ้ากินหวานไม่ดี แล้วจะหาอะไรกินแทนน้ำตาลได้บ้าง?
เพราะชีวิตยังขาดหวานไม่ได้ แต่เราสามารถหาความหวานอื่นๆ มาใช้นอกจากน้ำตาลทรายขาวแทนได้นะ
ตามปกติแล้วผู้ที่ควบคุมความหวานของอาหารมักจะเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากไม่สามารถรับน้ำตาลในปริมาณที่สูงได้ เพราะอาจจะเกิดอันตรายกับร่างกาย แต่เดี๋ยวนี้แม้แต่ผู้ที่มีร่างกายปกติเอง ก็ยังให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความหวานในอาหารด้วย จึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาลกับอาหาร ซึ่งเราสามารถใช้น้ำตาลที่มาจากธรรมชาติแทนได้จะดีกับร่างกายของเราเสียมากกว่า และน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติส่วนใหญ่นั้น ก็จะมีคุณค่าทางอาหารสูงด้วยหรือว่าจะใช้ สารทดแทนความหวานก็ได้
แต่ว่าควรจะใช้อะไรถึงจะดี และจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม ลองมาเลือกเอาไว้ใช้กันดูค่ะ
1. Honey (น้ำผึ้ง)
https://pixabay.com/photos/honey-sweet-syrup-organic-golden-1006972/
น้ำผึ้งเป็นน้ำหวานที่ได้จากธรรมชาติ อุดมไปด้วยกลูโคสและฟรุกโตสจากธรรมชาติแท้ๆ ร่างกายจึงสามารถดูดซึมไปใช้พลังงานได้อย่างรวดเร็ว ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เท่ากับคาร์โบไฮเดรต 17 กรัมเลยทีเดียว สามารถฟื้นฟูร่างกายจากอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และยังบรรเทาอาการภูมิแพ้ แก้เจ็บคอ แก้ท้องผูกได้อีกด้วย เป็นความหวานที่เหมาะกับการผสมลงเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดีเลยด้วย แต่ถ้าต้องการควบคุมน้ำหนักจะใช้เยอะก็ไม่ดีแน่ๆ
2. Sugar Dates (น้ำตาลอินทผาลัม)
https://pixabay.com/photos/food-date-honey-dates-dessert-853751/
เป็นน้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติมีดัชนีน้ำตาลต่ำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน แต่ว่าจะต้องระมัดระวังให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารสูง ไม่มีคอเลสเตอรอลไขมันต่ำ อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน เต็มไปด้วยวิตามิน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังช่วยน้ำหนักได้อีกด้วย แต่ว่าเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงมากเลย ไม่เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง และผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
3. Maple Syrup (น้ำเชื่อมเมเปิ้ล)
https://pixabay.com/photos/pancakes-maple-syrup-sweet-food-2291908/
ผู้ที่ชอบของหวานน่าจะพอรู้จักกับน้ำเชื่อมชนิดนี้เป็นอย่างดี เพราะมักจะถูกนำมาใช้ในเมนูอาหารหวานอยู่บ่อยๆ เพียงแค่นำมาราดบนแพนเค้กหรือวาฟเฟิล ก็ให้ความหอมหวาน มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วด้วย น้ำเชื่อมเมเปิ้ลมาจากน้ำเลี้ยงของต้นเมเปิ้ล น้ำเชื่อมจากต้นประมาณ 40 ลิตร จะสามารถนำมาผลิตน้ำเชื่อมเมเปิ้ลได้เพียง 1 ลิตรเท่านั้น ส่วนสรรพคุณก็สามารถลดการอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเสื่อมของอายุเซลล์ในร่างกายได้ ถึงจะมีประโยชน์กับร่างกายและรสชาติอร่อย ก็อย่ารับประทานเพลินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันนะคะ
4. Molasses (กากน้ำตาล)
https://www.biggerbolderbaking.com/molasses-substitute/
เป็นน้ำตาลที่ได้มาจากการต้มอ้อยและหัวบีทจนเหลือแต่กาก ที่มีลักษณะสีน้ำตาลเข้มเหนียวๆ ซึ่งกากน้ำตาลนี้คือส่วนที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ มีแคลเซียม โพแทสเซียมและมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมากกว่าน้ำผึ้งและน้ำเชื่อมเมเปิ้ลด้วย ดีกับเลือดและหัวใจเป็นอย่างมาก หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน
5. Stevia (หญ้าหวาน)
https://pixabay.com/photos/stevia-leaf-sugar-plant-sweetness-74187/
หญ้าหวานได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีความหวานที่เป็นธรรมชาติ 100% แต่ไม่มีพลังงานแคลอรี่เลย ผู้ป่วยเบาหวานที่นิยมใช้น้ำตาลที่มาจากหญ้าหวานนั้น สามารถรับลดน้ำหนักได้ดีไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ ไม่มีส่วนที่กระตุ้นทำให้รู้สึกอยากกินอาหารหวานๆ เหมือนกับสารให้ความหวานแทนน้ำตาลแบบอื่นๆ อีกด้วย ข้อดีของหญ้าหวานคือไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือดและยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้ให้อยู่ในระดับปกติอีก มีขายทั้งในรูปแบบของน้ำเชื่อมและแบบผง ข้อเสียอย่างเดียวเท่าที่เคยลองใช้คือ จะมีความหวานที่ฝาดๆ เฝื่อนๆ ลิ้น อาจทำให้อาหารและเครื่องมีรสชาติแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่ถ้าทนใช้แทนน้ำตาลได้รับรองว่าจะดีกับสุขภาพมากๆ เลยล่ะ
6. Sucralose (น้ำตาลเทียมซูคราโลส)
https://pixabay.com/photos/sugar-granulated-sugar-sugar-cube-2510536/
เป็นน้ำตาลที่มีส่วนผสมในสารทดแทนความหวานหลายชนิด แต่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายขาวถึงประมาณ 600 เท่า แต่ดีกว่าที่ไม่ให้พลังงานเลย ดังนั้นแล้วจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าใช้ เพราะให้ความหวานที่เป็นธรรมชาติ ไม่เฝื่อน ไม่ขมติดลิ้น ไม่ทำให้อาหารและเครื่องดื่มเสียรสชาติด้วย พวกเครื่องดื่มและขนมเพื่อสุขภาพเดี๋ยวนี้จึงนิยมใช้สารตัวนี้แทนน้ำตาลกัน ดังนั้นหากอ่านเจอว่าใช้สารตัวนี้ ก็เบาใจในเรื่องของปริมาณน้ำตาลได้สำหรับคนที่ไม่ต้องการพลังงานจากน้ำตาล แต่ต้องสังเกตด้วยว่าเป็นซูคราโลสจริงๆ เพราะบางทีอาจมีการใช้ซูโครส หรือพวกแอสปาแตมแทน เพราะต้นทุนการผลิตซูคราโลสนั้นแพงกว่ากันมากเลยล่ะ
หวังว่าสิ่งทดแทนน้ำตาลที่ได้แนะนำไปนี้ จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ ไม่รับน้ำตาลต่อวันมากจนเกินไปได้ อย่างน้อยหากเราดูแลอาหารการกินของตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลย คงดีกว่าจะมารักษาตัวในภายหลังจากที่ต้องป่วยก่อนนะ เพราะถ้าป่วยถึงต้องควบคุมอาหารที่ต้องกิน ไม่สามารถกินของอร่อยๆ ได้ตามใจชอบแล้ว จะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้รักษาสุขภาพเอาไว้ก่อนกว่ากันเยอะเลยล่ะ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สุขภาพร่างกาย
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย