เมื่อหกเดือนก่อน..
ทอฝันจำได้ว่ามีอยู่วันหนึ่งที่พายุมีอาการแปลกๆ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนกลางดึกจนเธอต้องตื่นขึ้นมาด้วย เขาถามพายุว่าเป็นอะไร อีกฝ่ายบอกเพียงแค่ว่าปวดหัว
ทอฝันก็ไม่เอะใจอะไรจึงไปเอายาแก้ปวดหัวมาให้ หลังจากนั้นพายุก็หลับไปอีกครั้ง
พอถึงตอนเช้า เธอก็สังเกตเห็นว่าพายุ
เดินโซเซคล้ายคนที่ทรงตัวไม่ได้ เธอเลยถามพายุด้วยคำถามเดิมว่าเป็นอะไรหรือป่าวไปหาหมอไหม? และพายุก็ยังตอบคำถามเธอแบบเดิมว่า ปวดหัว
ทอฝันสังเกตอาการของเขาพายุเป็นแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว พายุบ่นว่าปวดหัวทุกวัน และจะกินยาพาราเซตามอลทุกวันเช่นกัน
เธอรู้สึกไม่ชอบมาพากลจนในที่สุดจึงตัดสินใจพาเขาไปหาหมอ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ติดต่อขอเข้าพบแพทย์เรียบร้อย จู่ๆพายุก็คว้ามือของทอฝันมาจับไว้และบีบมันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“กังวลหรอ?”
ทอฝันมองสีหน้าของพายุที่ในตอนนี้
ซีดเซียวจนดูผิดตา เธอรู้สึกใจหวิวๆ
“ไม่.... ไม่เป็นไร นายต้องไม่เป็นอะไร” ทอฝันพยายามกดเสียงไม่ให้มันสั่น และใช้มืออีกข้างทาบลงบนใบหน้าของคนรัก
“ครับ ”
เขาทั้งคู่ยิ้มให้กำลังใจซึ่งกันและกันจนถึงเวลาที่ต้องเข้าตรวจแสกนสมอง เมื่อผลตรวจออกมา พายุกับทอฝันก็เข้ารับฟังคำชี้แจงพร้อมกัน
พายุยังคงกุมมือทอฝันเอาไว้แน่น เธอรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก พายุก็คงไม่ต่างกัน พายุกับทอฝันนั่งอยู่ตรงหน้าคุณหมอ
เขาทั้งคู่รับรู้ได้ทันทีว่าผลตรวจไม่โอเคแน่ๆหลังจากเห็นสีหน้าคุณหมอ
“สวัสดีครับคุณพายุกับคุณ...”
“ทอ..ทอฝันค่ะ! ” เธอรีบพูดเพราะต้องการรู้ผลตรงไวๆ
“หมออยากจะขอให้คุณทั้งคู่ทำใจดีๆนะครับ
ผลตรวจของคุณพายุจากการตรวจเลือด
และการตรวจสมอง เราพบว่าคุณพายุกำลังมีอาการเนื้องอกในสมองครับ..หรือเรียกอีกอย่างคือมะเร็งในสมองครับ”
ทอฝันใจหายกับคำพูดของคุณหมอ ในหัวขาวโพลนไปหมด คุณหมอกำลังบอกว่า พายุ...เป็นเนื้องอกในสมองงั้นเหรอ!
“จะเป็นไปได้ยังไงคะคุณหมอ! พายุเขา
ดูแลตัวเองดีจะตาย! ไม่มีทางหรอกที่เขาจะเป็นเนื้องอกในสมอง!”
“หมอเสียใจด้วยจริงๆครับ”
“ไม่จริงหรอก! คุณหมอช่วยตรวจดูอีกรอบไม่ได้หรอ! บางทีอาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้! คุณหมอ อาจจะไปสลับผลตรวจกับผู้ป่วยคนอื่นก็ได้!ใช่ไหมคะหมอ! ตอบสิหมอ! ตอบฉันสิ!!!”
ทอฝันสติหหลุดเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เธอเริ่มโวยวายใส่คุณหมอหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเธอเขย่าเสื้อคุณหมออย่างคนไ้ร้สติ จนพายุต้องห้ามเธอเอาไว้
กลับกันพายุนิ่งจนน่าใจหายยิ่งกว่าเดิม
พายุบีบมือทอฝันไว้แน่นก่อนจะพูดขึ้นมา
“แล้วผมต้องรักษามันยังไงหรอครับคุณหมอ?”
“ในที่นี้หมอขอชี้แจงก่อนนะครับ ถึงแม้ว่าคุณจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่การเป็นเนื้องอกในสมองนั้นมีมากพออยู่แล้วครับ การรับรังสีหรือสารอันตรายมีส่วน มลพิษต่างๆ และการเครียดก็ทำให้เป็นได้ หรือจู่ๆมันก็เกิดขึ้นมาได้โดยมีเปอร์เซ็นทางพันธุกรรมครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนในครอบครัวของคุณจะต้องเป็นทุกคนนะครับ ส่วนทางรักษา..” คุณหมอเว้นระยะในการพูด ทอฝันที่ใจร้อนจะลุกขึ้นต่อว่าอีก แต่ก็ได้พายุห้ามเอาไว้อีกครั้ง “หมอเสียใจที่จะต้องบอกว่า... เรายังหาทางรักษาไม่ได้ครับ ตำแหน่งของเนื้องอกอยู่ติดกับก้านสมอง ถึงคุณพายุจะเข้ารับการผ่าตัดก็มีเปอร์เซ็นน้อยมากที่จะกลับมาเป็นปกติ แต่ทั้งนี้หมอก็จะไม่ปล่อยไว้อย่างนี้นะครับ หมอจะให้ยาบรรเทาอาการกับคุณ และหมอจะนัดคุณพายุมาตรวจอย่างสม่ำเสมอ และทางเราจะหาวิธีที่จะรักษาคุณให้ได้ครับ”
ทอฝันหันไปมองคนรักของตัวเองก็พบกับรอยยิ้มที่อบอุ่นกลับมา
รอยยิ้ม?...
“ขอบคุณครับหมอ ผมจะรอวันเข้ารับการรักษานะครับ” ทอฝันรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ “แต่หมอครับ ถ้าหากว่าไม่มีทางรักษาเลยจริงๆ....เวลาของผมจะเหลืออยู่เท่าไรหรอครับ?”
ทอฝันเงียบและตั้งใจรอรับฟังคำตอบจากคุณหมอ แต่พอคุณหมอตอบคำถามนั้น เธอรู้สึกราวกับโลกพังลงมาอย่างจัง
“3 เดือนครับ..”