คุนหมิง ฝากไว้ก่อน
โชคดีที่สถานีขนส่งสายใต้คุนหมิงมีรถไฟใต้ดินแล้วทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก ที่จีนนั้นเวลาเข้าสถานีเราต้องเดินผ่านเครื่องแสกนทั้งคนทั้งสัมภาระเป็นเรื่องปรกติ ฉันเคยมีประสบการณ์ในจีนครั้งก่อนที่โดนเจ้าหน้าที่ยึดมีดปอกผลไม้เล็กๆไปแล้ว คราวนี้เลยไม่พกของมีคมทั้งสิ้น แต่สุดท้ายคราวนี้ก็ยังต้องรื้อกระเป๋าหยิบกรรไกรอันเล็กๆให้เจ้าหน้าที่ไปอยู่ดี
ออกจากสถานีรถใต้ดินได้ต้องต่อรถไปที่พักแต่ฝนดันกระหน่ำลงมาห่าใหญ่ อยากจะขึ้นแท็กซี่ใจจะขาดก็ไม่รู้หายไปไหนหมดเลยต้องเหนื่อยสังขารหอบเป้หน้าหลังคลุมด้วยเสื้อกันฝนพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์ ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้แน่ใจเลยว่าขึ้นถูกหรือไม่ ภาษาจีนก็รู้แค่เชี่ย เชี่ย,หนีห่าว,เหมโหย่วที่แปลว่าไม่มี แต่สุดท้ายฉันก็ลงถูกที่จนได้ ยังอดชมตัวเองไม่ได้ว่าเก่งจังแฮะ พอถึงที่พักอาบน้ำแล้วก็ตั้งใจออกไปหาอะไรกินใกล้ๆ เดินไปเจอร้านข้าว มีกับข้าวพร้อมตักอยู่ในถาดดูน่ากิน ลองสั่งมา3-4อย่าง โห เขาตักมาให้แบบไม่หวงเลย ที่สำคัญอร่อยทุกอย่างและราคาถูกมากๆ แค่11 หยวนเท่านั้น หลังจากนั้นก็เดินหาร้านขายยา เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอมาครบ และยาทั้งถุงที่เตรียมมาจากไทยก็ลืมไว้ที่โรงแรมในหลวงพระบาง ให้มันได้อย่างนี้สิ ไปถึงร้านยาใหญ่ดูทันสมัย โชคดียังใช้กูเกิ้ลทรานสเลทได้แต่กว่าจะเข้าใจกันได้แทบแย่ แล้วก็ไม่มีพาราเซตามอลด้วย ยาที่ฉันเห็นเกือบทั้งหมดในร้านล้วนแต่เป็นยาที่สกัดมาจากสมุนไพร แล้วมันจะหายได้ไวไหมเนี่ย แต่ก็ต้องซื้อมากิน มาตุนไว้เผื่อตลอดการเดินทาง ที่สำคัญยาที่จีนแพงกว่าเมืองไทยพอสมควรเลยทีเดียว
อากาศที่คุนหมิงดีมาก ที่หลวงพระบางร้อนตับแลบ แต่ที่นี่กลางวันประมาณ25องศา ส่วนกลางคืนเหลือแค่10กว่าๆ เท่านั้น พอกินมื้อกลางวันเสร็จฉันก็กลับมานอนเป็นไข้ ไอ ทั้งวัน พอเย็นอาการดีขึ้นนิดนึงก็ออกไปเดินเล่น โชคดีที่เดินสำรวจแล้วเจอตลาดเย็น เลยเหมือนได้พบแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อาหารที่ตลาดหลายๆอย่างยังมีคล้ายไทยอยู่เช่น ยำมะเขือยาว ข้าวหมาก ต้มเลือดหมู ผลไม้ก็สดและราคาถูกมาก มีทั้งองุ่น ลูกพลับ บลูเบอรี่ แล้วที่ประหลาดใจคือฉันได้ยินภาษาไทยด้วย พอคุยด้วยน้องเขาบอกว่าเป็นคนจีน ที่คุนหมิงยังพอมีคนจีนที่พูดไทยพอได้บ้างแต่น้อยเต็มที แล้วฉันก็เจอสิ่งที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะซื้อให้ได้ถ้ามาถึงคุนหมิง นั่นคือผงหม่าล่า (ตอนนั้นที่ไทยยังหายาก) สุดแสนจะดีใจซื้อไปถุงเล็กๆว่าจะเดินทางไปด้วยกันจนกลับไทย ขนาดมัดถุงแน่นหนาใส่ถุงซ้อนกัน3ชั้น เอาเข้าห้องเก็บไว้ในล๊อกเกอร์แต่ วันรุ่งขึ้นต้องรีบทิ้งอย่างด่วน กลิ่นมันทะลุทะลวงฟุ้งไปทั่วห้อง ไม่คิดเลยว่าหม่าล่าจะมีกลิ่นที่ทรงอานุภาพขนาดนี้
วันรุ่งขึ้นถึงจะไม่อยากไปไหนแต่ฉันก็ต้องฝืนไปสถานีรถไฟเพื่อไปรับตั๋วที่ซื้อไว้ตั้งแต่อยู่ไทย จริงๆจะไปรับวันเดินทางก็ได้ แต่เพราะเป็นคนไม่ชอบเสี่ยงเลยขอมั่นใจไว้ก่อน แค่นั่งรถเมล์ไปสถานีรถไฟคุนหมิงก็สนุกแม้จะยังมีอาการเพลียเพราะไข้อยู่ รถเมล์นั้นสะอาดมาก จอดตรงป้าย คนขับสุภาพ เมืองเขาสงบแต่ก็มีความเจริญทีเดียว ต้นไม้ตามถนนร่มครึ้ม ส่วนสถานีรถไฟก็ออกแบบได้ทันสมัยดี หลังจากได้รับตั๋วมาแล้วฉันรู้สึกโล่งใจทันที ระหว่างเดินไปขึ้นรถเมล์กลับ ที่ข้างถนนเห็นมีรถเข็นขายมันปิ้ง ฉันเร่เข้าไปซื้อทันที คนขายปิ้งมันฝรั่ง ผ่าครึ่งแล้วโรยเกลือกับพริกป่นให้ ฉันยื่นเงินไปให้20หยวนแต่ยังไม่ทันได้เงินทอนก็ได้ยินเสียงคนโวยวาย แล้วทุกคนรวมถึงคนขายมันปิ้งก็เข็นรถวิ่งไปวิ่งไป เข้าใจได้เองว่าที่นี่หรือเมืองไทยก็ต้องวิ่งหนีเทศกิจเหมือนกัน ฉันก็เลยต้องวิ่งตามไปเอาเงินคืนด้วย ยังไม่ทันได้กินเลยต้องออกกำลังกายก่อนเสียแล้ว โธ่....
แผนที่ฉันวางไว้ว่าเมื่อถึงคุนหมิงจะไปเที่ยวตามที่ต่างๆในเมือง เช่นสวนพฤกษศาสตร์2แห่ง พิพิธภัณฑ์ฆ้องกบ ทุกอย่างพังพาบหมดเพราะว่านอนป่วยอยู่แต่ในห้องทั้งวันทั้งคืน จนเพื่อนร่วมห้องต่างสงสัยไม่คิดจะไปไหนเลยเหรอ ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่าเสียดายไปเลย เห็นอะไรได้แค่ไหนก็แค่นั้น หนทางยังอีกยาวไกล ใกล้ไทยแค่นี้มาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้างั้นก็ฝากไว้ก่อนนะคุนหมิง จนกว่าเราจะได้เจอกันใหม่
โฆษณา