3 มิ.ย. 2020 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
สงครามต่างศาสนา! เกร็ดสาระของ 'สงครามครูเสด' ยุโรปได้อะไรจากสงครามครั้งนี้
WIKIPEDIA PD
เมื่อพูดถึงสงครามครูเสด เราคงนึกถึงภาพนักรบชาวคริสเตียนและนักรบชาวมุสลิม ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเมืองเยรูซาเล็ม ที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของทั้งสองศาสนา และนี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้จากสงครามครูเสดที่เกิดขึ้นในช่วงยุคกลาง
1. ในช่วงสงครามครูเสด หากจำเป็นผู้หญิงก็ถูกเกณฑ์มาจับอาวุธเพื่อต่อสู้ด้วย
เคยมีการค้นพบหลักฐานโครงกระดูกมนุษย์เพศหญิงสวมชุดเกราะ ทำให้เชื่อได้ว่าในยุคกลาง ผู้หญิงสามารถลุกขึ้นมาจับอาวุธสู้เคียงข้างผู้ชายได้หากจำเป็นต้องทำ อย่างเช่นการบุกล้อมกรุงเยลูซาเล็มของซาลาดินในปี 1187 ก็มีบทกวีที่กล่าวถึงผู้หญิงที่จับอาวุธขึ้นมาสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง ขณะเดียวกันทางฝั่งโลกมุสลิม ก็มีบันทึกเกี่ยวกับนักรบหญิงที่ต่อสู้เพื่อปกป้องครอบครัวและบ้านเกิดของตนเองอีกด้วย
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
2. มีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์กันระหว่างชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมในช่วงสงครามครูเสด
ในบันทึกของ 'อุซามะห์' กวีชาวมุสลิม ได้บันทึกข้อมูลประจำวันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม โดยหนึ่งในบันทึกที่น่าสนใจก็คือ เคยมีชาวแฟรงค์ ช่วยเหลือเด็กน้อยชาวมุสลิมที่ล้มป่วยจากอาการติดเชื้อในลำคอ ด้วยการนำใบแก้วมาเผาไฟ แล้วราดด้วยน้ำมันมะกอกหรือน้ำส้มสายชูเพื่อฆ่าเชื้อโรคมาทาบบาดแผลตรงลำคอของเด็กน้อยชาวมุสลิมคนนั้นหายดี ภายหลังชาวแฟรงค์ได้สอนวิชาการแพทย์ให้พ่อของเด็กน้อยชาวอาหรับ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่าเขาจะต้องทำการรักษาโดยไม่หวังผลกำไร ซึ่งพ่อของเด็กน้อยชาวมุสลิมได้รับปากเป็นอย่างดี
WIKIPEDIA PD
3. สูตรยาแผนพิสดารจากนักรบครูเสดที่ดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร
กุยโด ดา วิเกวาโน นักกายวิภาคศาสตร์ชาวอิตาลีในช่วงศตวรรษที่ 14 ได้เคยนำเสนอยาที่ทำมาจากซุปหอยทากเพื่อใช้แก้พิษอะโคไนต์ (Aconite) หรือ มองค์ชูด (Monkshood) ซึ่งเป็นพืชมีพิษที่ฝ่ายมุสลิมนิยมนำมาใช้เล่นงานพวกคริสเตียนในช่วงสงครามครูเสด กุยโดได้คิดค้นสูตรซุปยาหอยทากจนเป็นที่น่าพอใจ และได้เริ่มทำการทดสอบด้วยตัวเอง โดยกุยโดได้กล่าวว่าผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจเขาอาเจียนยาพิษอะโคไนต์ออกมาหลังจากกินซุปหอยทากถึงสองครั้ง แต่น่าเสียดายที่สูตรยาของเขาไม่ได้รับการยอมรับ
1
4. จงฝึกปรือทักษะด้านการทูต เพราะในสงครามครูเสด ไม่ได้รบด้วยอาวุธเสมอไป
ตอนที่กรุงเยรูซาเล็มถูกซาลาดินล้อมเมืองในปี 1187 เบเลียนแห่งไอเบลิน แม่ทัพครูเสดที่นำทัพป้องกันเมืองไม่ปฏิเสธการเจรจากับซาลาดินเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ โดยซาลาดินเสนอว่าชาวเมืองต้องจ่ายค่าไถ่ตัวเองและยินยอมให้เดินทางกลับไปยังอาณาเขตของชาวคริสเตียนโดยไม่มีการส่งทหารไปลอบทำร้าย เพื่อแลกกับการที่ชาวคริสเตียนจะต้องยอมสละเมือง หรือแม้กระทั่งกษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์แห่งอังกฤษ ที่ได้ยกทัพมาเพื่อยึดกรุงเยรูซาเล็มคืนจากฝ่ายซาลาดิน ก็มีการเจรจากับฝ่ายซาลาดินเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติหลังจากผ่านการสู้รบที่ดุเดือดมาแล้วเช่นกัน
5. เจ้าหญิงในอาณาจักรเยรูซาเล็ม ไม่ได้มีอิสระในการเลือกคู่ครอง เธอมีหน้าที่แต่งงานเพื่ออำนาจทางการเมืองเท่านั้น
การแต่งงานของชนชั้นปกครองในอาณาจักรเยรูซาเล็ม ไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักเป็นพื้นฐาน แต่เกิดขึ้นเพื่ออำนาจทางการเมืองและความอยู่รอดของอาณาจักร ราชินีอิสซาเบลลาที่ 1 แห่งอาณาจักรเยรูซาเล็ม ต้องแต่งงานถึง 4 ครั้งเพื่อยืนยันถึงข้อเท็จจริงนี้ สามีคนแรกของพระนางคือ ฮัมฟรีย์ที่ 4 แห่งโตรอน ที่ภายหลังต้องหย่าร้างกัน เพราะฮัมฟรีย์ยังเด็กเกินไป สามีคนที่สอง คอนราดแห่งมอนท์เฟอร์แรท ถูกลอบสังหารโดยกลุ่มนักฆ่ามุสลิม สามีคนที่สาม อองรีแห่งแชมเปญ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุพลัดตกจากหน้าต่างปราสาท และสามีคนสุดท้าย ไอเมรีแห่งลูซิญอง ก็เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA PD
โฆษณา