4 มิ.ย. 2020 เวลา 09:57 • ความคิดเห็น
เรียนมาไม่ตรงสาย ไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ปัญหาที่ไม่เคยหายไปไหน
"โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?" คาดว่าคงเป็นประโยคที่เด็กๆ หลายคนเคยถูกถามด้วยกันมาทั้งนั้น บางคนตอบอย่างมั่นใจเพราะรู้ว่าตัวเองอยากเป็นจริงๆ แต่จะมีบ้างไหมที่เด็กจะตอบว่ายังไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ทราบว่าตัวเองสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร เพราะยังไม่ทันรู้เลยว่าตัวเองชอบอะไรบ้าง ขนาดคำถามนี้ยังตอบตามใจตัวเองคิดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตมาบนโลกก็ยังไม่นานพอเลยด้วย อาชีพหรือรูปแบบการใช้ชีวิตก็มีตั้งเยอะแยะมากมายเลยด้วย จะไม่ให้โอกาสในการค้นหาตัวเองกันก่อนเลยหรือไง
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและสนใจ หรือโชคดีที่สุดก็คือเรียนมาแล้วได้ใช้งานตรงกับสายที่ตัวเองเรียนมาไปตลอดรอดฝั่งได้ จะเรียกว่ามันควรเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว หรือว่าโชคดีกันแน่ล่ะ กับผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยเลย ที่เรียนมาแล้วไม่ได้ทำอย่างที่ใจอยากจะทำ เรียนมาแพทย์แต่ไม่ได้เป็นหมอ เรียนจบวิศวะมาไม่ได้เป็นวิศวกร ทำไมคนเราถึงไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ เราถูกหล่อหลอมจากค่านิยมของสังคมเร่งเรียนให้จบแล้วก็ออกมาใช้ชีวิตทำงาน สำหรับบางคนเวลาเท่านี้มันยังไม่พอที่จะรู้ความต้องการที่แท้จริงในชีวิตเลยนะ
https://pixabay.com/photos/book-asia-children-boys-education-1822474/
แต่โดยรวมของชีวิตคนที่ยังคงหาตัวเองไม่พบ หรือไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบจริงๆ ก็มาจากสิ่งเหล่านี้
ฐานะทางครอบครัว
ถ้าเกิดในครอบครัวพร้อมทางด้านการเงิน อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ต้องทำงานวิจัยมีค่าใช้จ่ายแค่ไหนก็พร้อมสนับสนุนได้ แต่ถ้าไม่มีหรือมีไม่พอ ก็คงจำเป็นต้องตัดใจเลือกเดินไปทางอื่นแทน เพราะต้นทุนชีวิตไม่พอจะไปตามฝันไหวจริงๆ
การยอมรับของครอบครัว
ระหว่างเด็กที่เกิดมาอยากเป็นหมอ พยาบาล วิศวะกร บัญชี กับเด็กที่อยากเป็นดารา เป็นศิลปินวาดรูป เป็นนักดนตรี ถ้าพ่อรุ่นเก่ายังไงก็ยอมรับให้ลูกอยากเป็นอาชีพที่ดูดีมั่นคงมากกว่า บางทีก็ไม่ได้ถึงขั้นต่อต้านนะ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ หรือบางบ้านอาจจะใช้อำนาจการจ่ายค่าเทอมมาบังคับ ถ้าอยากเรียนก็หาเงินเรียนเองก็มี ทำให้แค่เริ่มต้นจะไปตามฝันก็ลำบากยากเย็นสุดๆ แล้ว น่าแปลกที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกมีพรสวรรค์ แต่กลับไม่สนับสนุนในสิ่งที่เด็กอยากทำจริงๆ ถ้ามองว่าไม่เกี่ยวกับการเรียน หรือไปในแง่ที่สามารถทำเงินสร้างอาชีพได้ อย่างหวังจะได้รับการสนับสนุนหรือแม้แต่กำลังใจเลยด้วยซ้ำ
1
พ่อแม่บังคับ
บางบ้านพ่อแม่บังคับเลือกเส้นทางเดินให้ลูกโดยอ้างความหวังดี ถ้าลูกหัวอ่อนยอมพ่อแม่ก็จะกลายเป็นเด็กเก็บกด ไม่มีความสุข ต้องใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองไม่ต้องการเพื่อสนองความต้องการของพ่อแม่ และถ้าตัวเองไม่ชอบ ไม่ถนัดจริงๆ ทำอะไรออกมาผลที่ได้ก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย พ่อแม่เลือกชีวิตให้ แต่คนที่ต้องใช้ไปตลอดชีวิตคือตัวเรานะ แล้วเราจะอยู่กับชีวิตที่ตัวเองไม่ต้องการตลอดไปจริงๆ หรือ คนเลือกให้ไม่ได้มาอดทนแบบเดียวกับเราสักหน่อยเลยนะ
ถ้าเคยดูหนังเรื่อง 3 idiots จะเห็นได้ชัดเจนเลย เกี่ยวกับกลุ่มนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ 3 คน คนแรกที่บ้านฐานะดี แต่พ่อเข้มงวดบังคับให้ลูกเรียนวิศวะ แต่จริงๆ แล้วลูกอยากทำงานด้านถ่ายภาพมากกว่า คนที่สองที่จริงเป็นคนที่หัวดีเรียนเก่ง และชอบวิศวะนะ แต่ผลการเรียนออกมาไม่ดี เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี มีปัญหาครอบครัว โดนกดดันให้ต้องประสบความสำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จการเรียนวิศวะของเขาอาจจะเป็นสิ่งสูญเปล่าไปเลย ทำเครียดกังวลมากจนผลการเรียนออกมาไม่ดี แต่เทียบกับตัวพระเอกที่ดูเป็นคนเพี้ยนๆ พิลึกๆ ชอบคิดแหวกแนว ทำอะไรแปลกๆ ชีวิตภูมิหลังก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ แต่ผลการเรียนกลับยอดเยี่ยมได้อันดับ 1 ของทุกปี เพราะเขาได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหล และเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เพื่อนๆ กล้าจะทำในสิ่งที่หัวใจตัวเองเรียกร้องด้วย
บางทีอาจจะเป็นคนอื่นนี่แหละที่กลัวแทนเราไปเองก็ได้นะ ว่าเราจะไปไม่รอดในสิ่งที่เราเลือก ถ้าได้ทำสิ่งรักจริงๆ จนเชี่ยวชาญก็คงไม่อับจนหนทางกันได้ง่ายๆ หรอก แต่การโดนห้ามโดนปฏิเสธนี่แหละที่ทำให้เราไม่กล้าจะคิด หรือจะฝันไปในเส้นทางอื่น ถ้าหากไม่มีคนยอมรับหรือถูกต่อต้านทำให้เหมือนมีอะไรมาบังตาทำให้เราค้นหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำไม่เจอก็เป็นได้
หลงทาง เข้าใจผิด
และบางทีก็อาจจะมีบางครั้งสิ่งที่เราเคยเข้าใจว่าเรารักและและเป็นความใฝ่ฝันนั้น แต่พอได้มาลองทำแล้วจริงๆ ถึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งนั้นไม่ใช่ความฝันที่แท้จริง กลับไปรู้สึกว่าชอบในสิ่งอื่นแทนมากกว่า เรื่องแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกัน สิ่งที่เราเคยฝันไว้มันอาจจะไม่ใช่ความต้องการที่สุดในชีวิตของเราก็ได้ และหากไม่ได้รักและชอบแล้วการฝืนทนทำไปก็อาจส่งผลที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ด้วย บางครั้งตัวเราก็ต้องยอมสละเรือลำเดิมที่อยู่ เพื่อไปขึ้นเรือลำใหม่ที่จะพาเราไปยังจุดหมายที่เราต้องการได้ แม้ใครจะมองว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันดีแล้ว น่าเสียดายทั้งโอกาสและเวลาทั้งหมดที่ผ่านมาแทนเรา แต่บางทีการได้ใช้ชีวิตแบบที่เรามีความสุขนั้น หากต้องทิ้งสิ่งอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นไปมันก็ไม่มีอะไรที่น่าเสียดายสักหน่อยนะ
ไม่ได้รัก หรืออยากทำอะไรเป็นพิเศษจริงๆ
แต่กับคนที่ไม่มีความรักความชอบอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ เพราะคนเหล่านี้นี่แหละที่คอยขับเคลื่อนระบบงานระบบเศรษฐกิจของประเทศของโลก ทำงานตามกฎข้อบังคับ ทำงานใต้ความกดดันต่างๆ ทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากอดทนทำกัน อีกทั้งยังเป็นชีวิตที่ไม่ต้องวิตกกังวลมากด้วย ถึงเวลาทำงานก็ทำเต็มที่ พอเลิกงานแล้วก็ใช้ชีวิตได้อิสระแบบไม่ต้องมีอะไรให้กังวล เทียบกับคนทำงานฟรีแลนซ์ที่ต้องดิ้นรนให้ตัวเองมีงานทำ หรือทำงานอิสระแต่ก็โหยหาความมั่นคงทางการเงินและสวัสดิการต่างๆ แบบคนทำงานประจำด้วย
สำหรับเราที่เหนื่อยกับการเข้าสังคมและทนแรงกดดันต่างๆ นี้ไม่ไหว บางทีก็อดอิจฉาในมุมนี้ของคนธรรมดาๆ ไม่ได้จริงๆ นะ ที่ใช้ชีวิตที่ดูยากๆ แบบนี้ได้อย่างสบายๆ เลย บางครั้งถ้าอยู่ในจุดตัวเองพอใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องก้าวออกจาก Comfort Zone เสมอไปก็ได้ มีแต่จะเพิ่มความเหนื่อยและลำบากเสียเปล่าๆ นะ บางคนก็พอใจที่จะเป็นแค่งานอดิเรก ไม่อยากจริงจังถึงขั้นทำเป็นงานหลัก แต่ถ้าทำแล้วรายได้ดีกว่า มีความสุขกว่างานประจำถึงค่อยมาทำจริงๆ จังๆ ก็กลับดีและมีความแน่นอนมากกว่าด้วยซ้ำไป
นี่คือปัญหาโดยรวมที่ทำให้ใครหลายๆ คน ไม่ค้นพบสิ่งที่ตัวเองรู้สึกชอบรู้สึกอยากทำ เพราะมีหลายๆ อย่างในชีวิตบีบบังคับให้ไม่ได้ดั่งใจหวัง ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง หรือเพื่อคนอื่น หรือเพราะอะไร อย่างตัวผู้เขียนเองกว่าจะรู้ว่าตัวเองทำงานด้านเขียนได้ดี ก็ต้องผ่านทั้งการเรียนและการงานที่ล้มเหลวมานาน รู้ตัวว่าชอบการเขียนนะ แต่สิ่งที่ตัวเองเขียนมักจะเป็นอะไรที่ไร้สาระและทำเงินไม่ได้ เลยไม่คิดจะมุ่งมาในเส้นทางการเขียนนี้ตั้งแต่แรก พอมาเริ่มทำงานนี้อย่างจริงจังก็รู้สึกว่าเริ่มต้นช้าเกินไป เติบโตในเส้นทางนี้ได้น้อยมาก แต่ในที่สุดก็ได้ทำในสิ่งที่ชอบ และสามารถสร้างรายได้ได้ด้วย แม้ว่าอาจจะไม่สำเร็จเท่าคนที่ผลงานโดดเด่น หรือนักเขียนคนดังที่มีรายได้สูง แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่รักและชอบ มีความสุขที่จะทำงานในทุกๆ วัน ไม่เหมือนงานอื่นที่เคยทำที่ต้องเป็นทุกข์ฝืนใจตัวเองอย่างมากมาย รู้สึกดีและชีวิตก็มีคุณค่ามากกว่าที่เคยเป็นด้วย แค่ต่อไปจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการอย่างนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่มากแล้วจริงๆ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนเราถึงควรได้ทำในสิ่งที่รักและชอบ เพราะถ้าเรารักและอยากทำมันมากพอเราก็จะอดทน และมีความพยายามได้มากพอที่จะทำมันออกให้ดีและสำเร็จจนได้ในสักวันหนึ่งนั่นเอง ลองฟังเสียงของหัวใจคุณดูดีๆ สิ มีสิ่งไหนที่คุณเสียดายที่ไม่ได้ทำอยากจะกลับไปทำบ้าง มันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายและให้ความสุขกับช่วงชีวิตที่เหลือของคุณทั้งหมดได้เลยนะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา