14 มิ.ย. 2020 เวลา 08:00 • หนังสือ
คนสำเร็จ
เขามีนิสัยแบบไหน?
9
นานเท่าไรแล้วที่คุณ… เฝ้ารอว่าชีวิตจะดีขึ้นอย่างปาฎิหารย์ หวังว่าโชคชะตาจะบันดาลให้รวยขึ้น ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่า ปัญหาที่มีจะหายไปเอง แล้วเมื่อไหร่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง? ฝันทุกอย่างเป็นจริงได้ด้วยมือของคุณเอง เพราะชีวิตจะเปลี่ยนไปก็ต่อเมื่อเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง
1
สิ่งสำคัญที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือ "ความสุขของชีวิตคุณ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง คนอื่นไม่เกี่ยว !!" ในหนังสือเล่มนี้ ผมพยายามแนะนำให้คุณรู้จักกับเทคนิค เคล็ดลับ และแบบฝึกหัด ที่จะนำไปใช้ปรับปรุงชีวิตได้ดีกว่าที่คุณคาด เพียงแค่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ คุณก็ไม่จำเป็นต้องหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะมีความสุขจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอีกต่อไป
1
มาเริ่มต้นทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสม่ำเสมอ แล้วในที่สุดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนจะปรากฎแก่คุณ ซึ่งสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอันน่าทึ่งก็คือ "การสร้างอุปนิสัยใหม่ที่มุ่งสู่เป้าหมาย และพยายามที่จะเข้าใกล้เป็าหมายอยู่เสมอ" ทุกอย่างเป็นไปได้นะครับด้วยตัวของคุณเอง
1
เริ่มจากอ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนเลย !!
3
ไม่สำคัญเลยว่าอดีตของคุณเป็นอย่างไร อนาคตเริ่มต้นใหม่จากกระดาษเปล่า คุณสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาเป็นโอกาสที่คุณจะได้เริ่มต้นใหม่และเลือกแนวทางของตัวเองได้ตลอดเวลา คุณจะต้องตัดสินใจตั้งแต่วันนี้ว่าคุณจะเป็นอะไรและจะทำอะไร
3
ทุ่มเท และพยายาม ที่สำคัญคือยืนหยัด สู้ไม่ถอย! ลุยเลยอย่ารอช้า จงสนุกกับมัน!
การมีวินัยในตนเอง คือ การที่คุณทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แม้จะไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากทำก็ตาม ถ้าคุณฝึกจนเป็นคนที่มีวินัยในตนเอง คุณจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่ถ้าคุณพบว่าตัวเองยังไม่ค่อยมีวินัย ก็ไม่เป็นไรครับ เรื่องแบบนี้ฝึกกันได้ แต่ต้องเริ่มฝึกกันตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับ
วินัยในตนเองก็เหมือนกับกล้ามเนื้อนี่แหละครับ ยิ่งฝึกก็จะยิ่งแข็งแรง ถ้าตอนนี้วินัยของคุณกำลังอ่อนแรง การฝึกฝนจะช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าว
คนเดียวที่จะรับผิดชอบชีวิตของคุณได้ ก็คือ "ตัวคุณเอง" เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเลิกโทษคนอื่น เลิกโทษสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิต เมื่อนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเอง
การรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง คือ การเข้ามาเป็นผู้กำหนดและจัดการกับชีวิตของตัวเองในฐานะตัวละครหลักของเรื่อง แทนที่จะคิดว่า ตัวเองเป็นเหยื่อในโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น คุณมีอำนาจดลบันดาลสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่หรืออย่างน้อยคุณน่าจะมีอำนาจในการตัดสินใจว่า ควรจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่สำคัญหรอกว่า เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคุณ สำคัญที่ทัศนคติต่อสถานการณ์เหล่านั้นมากกว่า และคุณมีสิทธิเลือกทัศนคติของคุณเอง
สิ่งที่มีอำนาจต่อการดำเนินชีวิตของคุณคือ "การตัดสินใจ" ครับ ทุกการตัดสินใจและทุกทางเลือกของคุณมีอิทธิผลต่อชีวิตมาก สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ล้วนมาจากการเลือกและการตัดสินใจของคุณในอดีตทั้งนั้น
ทัศนคติของคุณ + การตัดสินใจของคุณ = ชีวิตของคุณ
ถ้าคุณต้องการปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ "ปรับปรุงความคิดของตัวเอง" คุณต้องควบคุมความคิดให้ได้ ถ้าควบคุมความคิดได้ก็เท่ากับว่า คุณควบคุมชีวิตและโชคชะตาให้อยู่ในมือได้
คนที่คิดบวกเป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริง ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ลงมือทำอย่างดีที่สุด
สมการความคิด :
ความคิด -> อารมณ์ -> พฤติกรรม -> การกระทำ
1
ความเชื่อมีลักษณะคล้ายกับแนวคิดการสมปรารถนาจากคำทำนายครับ โดยความเชื่อของคุณมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของคุณ อารมณ์ของคุณจะส่งผลต่อการกระทำของคุณ และสิ่งที่คุณกระทำจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ในท้ายที่สุด ชีวิตของคุณจะไปในทิศทางไหนขึ้นอยู่กับระบบความเชื่อของคุณเอง
สิ่งที่คุณเจอในชีวิตไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้น แต่เป็นผลสะท้อนจากความเชื่อ ความคิด และความคาดหวังของตัวคุณเอง ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนรูปแบบการคิดเสียก่อน
ทัศนคติของคุณ เป็นสิ่งสำคัญต่อความสุขในชีวิต ซึ่งสามารถเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อสิ่งต่าง ๆ ตลอดจนเปลี่ยนวิถีทางในการเผชิญหน้ากับปัญหาได้อีกด้วย
ไม่สำคัญหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิต สำคัญที่คุณตอบสนองกับสิ่งที่เจออย่างไรมากกว่า ชีวิตจะว่าไปก็เหมือนกับช่วงเวลาที่เชื่อมกันเป็นลูกโซ่ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะทำสิ่งที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างไร
- ยอมให้ตัวเองทำผิดพลาดเสียบ้างและจงเรียนรู้จากมัน
- ยอมรับบ้างนะครับว่า คุณไม่ได้รู้ไปเสียทุกเรื่องหรอก ต้องมีอะไรที่ยังไม่รู้บ้าง
1
- กล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น และยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง
- แยกแยะให้ออกนะครับว่า อะไรที่คือสิ่งที่คุณได้ทำลงไปแล้วจนกระทั่งทุกวันนี้ และสิ่งที่คุณอยากทำหรือถ้าทำจะดีกว่า ให้ทำซะตั้งแต่ตอนนี้
1
ไม่มีสิ่งใดดีหรือเลว มีแต่คิดเอาเอง ขึ้นอยู่กับว่าเรามีมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ อย่างไร ยิ่งคุณคลุกอยู่กับปัญหา อยู่ใกล้กับปัญหามากเพียงใด คุณยิ่งมองปัญหาไม่ออก บางทีการถอยออกไปมองในมุมกว้าง อาจทำให้คุณเข้าใจปัญหาได้ดีขึ้น เข้าใจอารมณ์ของตัวเองได้ถ่องแท้มากขึ้น และที่สำคัญคุณจะมองเห็นประเด็นสำคัญของปัญหา
การมองปัญหาที่ประสบอยู่เป็นความท้าทายจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิตมากครับ
การเปลี่ยนกรอบความคิด (Reframing) คือเทคนิคหนึ่งที่ผมให้คำแนะนำกับผู้คน เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง ตัวอย่างที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือ การเปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลวที่เกิดขึ้น โดยมองเป็น "ข้อมูลป้อนกลับ" หรือ "บทเรียนชีวิต" ที่เราได้เรียนรู้
ความเพียรพยายามสำคัญกว่าพรสวรรค์ สติปัญญา และการมีกลยุทธ์ที่ดีมากครับ มี 2 อุปนิสัยที่สำคัญในการตัดสินระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลว ระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงกับการจมปลักอยู่กับที่นั่นคือ "ความอดทนและความเพียรพยายาม"
จงเรียนรู้จากความพ่ายแพ้และปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่อีกครั้ง ถ้าแผนใหม่ยังไม่ได้ผลก็ปรับแผนอีกทีจนกว่าจะสำเร็จ จุดที่ทำให้คนเรายอมแพ้ส่วนใหญ่มาจากการที่เราไม่มีความอดทนและยืนหยัดสู้ คิดแผนใหม่
ทำไมเราไม่มองว่า ความล้มเหลวเป็นการเรียนรู้ที่ทำให้เราเติบโตขึ้น เป็นทั้งข้อมูลและแรงจูงใจบางอย่างแก่เรา
2
จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณมองความล้มเหลวเป็นสัญลักษณ์แห่งการก้าวไปข้างหน้า
ความสำเร็จเป็นผลมาจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง การตัดสินใจที่ถูกต้องนั้นมาจากประสบการณ์ และประสบการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ตัดสินใจบางอย่างผิดพลาดไป
การที่คนคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาได้ ต้องรู้จักนิ่งและสุขุมในช่วงเวลาที่รู้สึกอึดอัด คุณต้องสร้างอุปนิสัยในการบังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่คนทั่วไปไม่อยากจะทำ และต้องลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แม้จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากทำแค่ไหนก็ตาม
ทำสิ่งที่แตกต่างจากกิจวัตรประจำวันดูบ้าง ลองหันมาออกกำลังกายดูดีไหม หรือลองเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ?
สาเหตุแรก คือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จริง ๆ แล้วเขาต้องการอะไร
สาเหตุสอง คือ เวลาที่เขาควรบอกกับตัวเองว่า สิ่งที่เขาต้องการคืออะไร เขากลับมัวใส่ใจกับสิ่งที่ไม่ต้องการหรือมัวแต่คิดถึงสิ่งที่คนอื่นต้องการ
จำไว้นะครับว่า คุณต้องโฟกัสกับสิ่งที่ต้องการตั้งแต่ตอนนี้ คุณมัวโฟกัสอะไรอยู่!? คุณเป็นคนมองโลกในแง่บวกหรือแง่ลบ มองไปที่อดีตหรือมองไปที่อนาคต สนใจแต่ปัญหาหรือกำลังคิดหาทางแก้ไข สิ่งเหล่านี้สำคัญมากนะครับ
กฎแห่งแรงดึงดูด :
เวลาที่คุณจดจ่อกับอะไร คุณจะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาสู่ชีวิต
คำพูดของคนเรามีพลังมหาศาลแฝงอยู่นะครับ คำพูดที่เราเคยพูดถึงสิ่งที่ประสบมา จะทำให้เราประสบกับสิ่งนั้นอีก
สิ่งที่ดีมาก ๆ ที่คุณควรจะรู้เอาไว้ก็คือ คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงคำพูดที่คุณพูดกับตัวเองนี่แหละ จงเป็นคนที่พูดเชิงบวกกับตัวเอง และจงตั้งคำถามกับตัวเองในมุมที่เปลี่ยนไป
คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ด้วยการเปลี่ยนอุปนิสัย แก่นสำคัญคือ การหาแนวทางในการทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อแทนที่อุปนิสัยเดิมของเรา
การพัฒนาอุปนิสัยใหม่จะเปลี่ยนทิศทางชีวิตของคุณให้มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังได้นะครับ ถ้าคุณเปลี่ยนอุปนิสัยตัวเองได้ ผมการันตีความสำเร็จในชีวิตของคุณได้เลย ถ้าคุณกำจัดนิสัยที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตได้ก็จะดีมาก ๆ ครับ
× ออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
× เป็นคนคิดบวก
× คิดถึง "เป้าหมาย" อยู่เสมอ
× ไปเดินเล่นชายหาดบ้าง เดินชมป่าไม้บ้าง
× ใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น
× รับประทานผักให้มากขึ้นกว่าเดิม
× ออกไปพบปะเพื่อนฝูงบ้าง
× อ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที
× ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ สักวันละ 15 นาที
× อื่น ๆ
ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนชีวิตของคุณคือ การตระหนักและรับรู้ว่า ตัวเอง ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร ยืนอยู่จุดไหน และมีอะไรขาดหายไป
1. ความฝันของคุณคืออะไร?
2. เมื่อวาระสุดของคุณมาถึง สิ่งที่คุณจะเสียใจมากที่สุดหากยังทำไม่สำเร็จคืออะไร?
3. ถ้าเงินและเวลาไม่ใช่ข้อจำกัดในชีวิตคุณ สิ่งที่คุณอยากทำหรืออยากมีคืออะไร?
4. แรงจูงใจในการดำเนินชีวิตของคุณคืออะไร?
5. ข้อจำกัดในชีวิตของคุณคือะไร?
6. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา คุณคิดว่าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร?
7. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา คุณคิดว่าความผิดหวังที่รุนแรงที่สุดคือเรื่องอะไร?
8. คุณจะทำให้คนอื่นพึงพอใจและมีความสุขได้อย่างไร?
9. ปกติแล้วคุณให้ความสุขกับตัวเองอย่างไร?
10. สิ่งที่คุณรู้ แต่ต้องมาแสร้งทำเป็นไม่รู้มีอะไรบ้าง?
11. คุณคิดว่าผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่คุณเคยทำมาตลอดชีวิตคืออะไร?
12. คุณรู้ได้อย่างไรว่า ผลงานนั้นเป็นผลงานที่ดีที่สุด
13. คุณมองว่า งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เมื่อเทียบกับงานที่ทำมาเมื่อ 5 ปีก่อนนั้นเป็นอย่างไร มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?
14. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ คุณรู้สึกสนุกกับส่วนไหนมากที่สุด
15. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ คุณรู้สึกสนุกกับส่วนไหนน้อยที่สุด
16. คุณมักผัดวันประกันพรุ่งในเรื่องใด
17. ความภูมิใจในชีวิตของคุณคืออะไร
18. คุณสามารถอธิบายความเป็นตัวคุณได้อย่างไรบ้าง
19. พฤติกรรมที่คุณควรปรับปรุงคืออะไรบ้าง
20. ให้คุณคิดแล้วตอบทันทีครับ จงอธิบายว่า คุณมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตระดับไหน
21. ให้คุณคิดแล้วตอบทันทีครับ จงอธบายว่า ตอนนี้คุณมีความเป็นอยู่ที่ดี มีพลังงาน และมีการดูแลตัวเองที่ดีมากน้อยแค่ไหน
22. ให้คุณคิดแล้วตอบทันทีครับ จงอธิบายว่า คุณสนุกและพึงพอใจกับสิ่งที่คุณประสบอยู่มากน้อยแค่ไหน
23. ถ้าคุณสามารถเสกให้ความกลัวหายไปจากชีวิตของคุณได้ 1 อย่าง ความกลัวที่ว่านั้นคืออะไร
24. ส่วนไหนในชีวิตที่คุณคิดว่าต้องมี "การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่"
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณค้นพบคุณค่าของตัวเอง คุณจะเข้าใจตัวเองและสิ่งที่ทำอยู่ เมื่อเป้าหมายในชีวิตสอดคล้องกับสิ่งที่คุณให้คุณค่า จะสังเกตได้เลยว่า คุณจะทำสิ่งนั้นได้สำเร็จในระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ และไม่ค่อยจะมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นเลย
คุณไม่ต้องเก่งไปเสียทุกเรื่องหรอกครับ จงโฟกัสไปยังจุดแข็งที่คุณมี ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณโฟกัสมีโอกาสจะขยายผลได้มากมาย
1. จงระบุคุณสมบัติส่วนตัวและจุดแข็งในการทำงาน ที่คุณคิดว่าดีที่สุดมา 5 รายการ (จุดแข็งอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณคืออะไร สิ่งที่คุณภูมิใจในตัวเองมากที่สุดคืออะไร สิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดคืออะไร)
2. จงระบุความสำคัญของคุณและงานที่คุณทำจนสำเร็จลุล่วงได้ดีที่สุด (สิ่งที่คุณพึงพอใจและภาคภูมิใจที่สุดที่คุณทำได้สำเร็จคืออะไร)
3. จงระบุขีดความสามารถหรือความได้เปรียบทั้งในเรื่องส่วนตัวและการทำงาน (คุณรู้จักใครบ้าง คุณมีความรู้อะไรบ้าง คุณมีพรสวรรค์อะไร สิ่งที่ทำให้คุณพิเศษและเปี่ยมพลังคืออะไร)
เชื่อไหมครับว่าในชีวิตประจำวัน เรามักจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำไม่สำเร็จ และมักหลงลืมสิ่งที่เคยประสบความสำเร็จอยู่แล้วครับ
การโฟกัส ยิ่งคุณจดจำและรับรู้ความสำเร็จในอดีตได้มากเท่าไหร่ ความมั่นใจในตัวเองก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เพราะคุณกำลังจดจ่อกับความสำเร็จ ทำให้มองเห็นโอกาสของความสำเร็จใหม่ ๆ มากขึ้น
คนส่วนมากจะใช้เวลามากกับสิ่งที่ทำให้เสร็จได้ในเดือนเดียว แต่กลับใช้เวลาเพียงน้อยนิดกับงานที่ควรให้เวลาเป็นปี
การเดินทางนั้นสำคัญกว่าจุดหมายเสมอและการกำหนดเป้าหมายก็สำคัญเช่นกัน นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมต้องเขียนเป้าหมายออกมา เพราะนั้นคือแรงขับให้คุณลงมือทำ การมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมุ่งสู่ความสำเร็จและความสุข
คุณต้องเรียนรู้วิธีรับมือกับการถูกปฏิเสธ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต จริง ๆ แล้วการถูกปฏิเสธเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต และวธีการเอาชนะก็ไม่แตกต่างจากความล้มเหลวเลยครับ ซึ่งอยู่ที่กรอบความคิดของคุณเท่านั้นเอง
คนที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้แตกต่างจากคุณมากหรอกครับ เพียงแต่ในยามที่ถูกปฏิเสธ เขารับมือได้ดีกว่าเท่านั้นเอง
เมื่อคุณไม่มีพลังงาน จะทำอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด ไม่มีความสุข คุณรู้ไหมครับว่า สิ่งที่คุณรู้สึกจะถูกส่งผ่านตัวคุณออกไปด้วย และความรู้สึกด้านลบจะมีอำนาจในการดึงดูดสิ่งแย่ ๆ ให้กลับเข้ามาสู่ตัวคุณมากขึ้น
1
จงรู้จักเห็นแก่ตัวบ้างและบริหารพลังงานในตัวคุณให้ดีที่สุด ด้วยวิธีดังต่ไปนี้
× จงกำจัดสิ่งที่รบกวนคุณออกไป
× จงทำสิ่งที่คุณคั่งค้างให้แล้วเสร็จ
× เลิกทำงานในแบบที่ต้องทน
× เลิกคบหากับคนที่มีพฤติกรรมคอยสูบพลังงานไปจากชีวิตคุณ
ถ้าคุณไม่มีทักษะที่เรียกว่า "การบริหารเวลา" ที่ดี คุณก็ไม่มีทางจัดสรรเวลาให้มีประสิทธิภาพได้ สิ่งที่คุณควรทำคือ ใช้เวลาอย่างชาญฉลาด และกำจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำ
การจัดลำดับความสำคัญ เราควรลงทุนเวลากับกิจกรรมไหน คุณต้องกำหนดกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนว่าเวลาไหนที่คุณสะดวกและเวลาไหนที่คุณต้องสงวนเอาไว้เพื่อตัวเอง อย่าให้คนอื่นแย่งเวลาของคุณไปจนหมด จนคุณไม่มีเวลาให้กับตัวเอง
ตัวสูบเวลาที่อันตรายอีกตัว คือ การติดอยู่ในโซเชียลมีเดียและอีเมลล์นี่แหละครับ คุณควรกำหนดเวลาให้กับตัวเองอย่างชัดเจนว่า จะเข้าโซเชียลมีเดียและเช็คอีเมลล์เวลาไหน ถ้าคุณมีกติกาที่ชัดเจน คุณจะได้เวลาคืนกลับมาเยอะเลยครับ
เคล็ดลับการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพที่ผมอยากแนะนำ
× ให้ทำบันทึกรายการที่ต้องทำ พร้อมกับระบุกำหนดการให้ชัดเจนว่าต้องเริ่มทำเมื่อไหร่ แล้วต้องเสร็จเมื่อไหร่
× อย่าคุยโทรศัพท์นานครับ แค่ 5 นาทีต่อสายก็พอ
× ตระหนักถึงประเด็นสำคัญ และผลลัพธ์ที่คุณต้องการก่อนจะโทรศัพท์
× ทำงานแข่งกับเวลา คุณจะทำงานเสร็จเร็วขึ้น (ลองตั้งนาฬิกาปลุก แล้วทำงานแข่งกับเวลาดูครับ)
× ในช่วงเย็นของแต่ละวัน ผมอยากให้คุณเขียนงานที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้มา 5 อย่างโดยจัดลำดับความสำคัญด้วยนะครับ
× กำหนดคาบเวลาในการทำงาน คาบละ 90 นาที
× ทบทวนการใช้เวลาของคุณ เพื่อประเมินว่า การใช้เวลาของคุณในวันนี้เป็นอย่างไร โดยพิจารณาจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำลงไป
× ทำงานที่คุณไม่ค่อยอยากทำก่อนเลย
× อย่าทำตัวให้ยุ่ง แต่ให้มุ่งผลลัพธ์ที่คุณอยากได้
5
เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
× ทุกเช้าก่อนเริ่มทำงานในแต่ละวัน ผมอยากให้คุณใช้เวลาสัก 15 นาที เขียนสิ่งที่คุณต้องทำในวันนี้
× จงใช้เวลา 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในการจัดระเบียบเอกสาร
× จัดสรรเวลาสัก 15 นาทีในแต่ละวัน สะสางเอกสารบนโต๊ะ และจัดเก็บโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบก่อนกลับบ้าน
× ก่อนที่คุณจะกลับบ้าน ผมอยากให้คุณใช้เวลาสัก 15 นาที ลองไตร่ตรองถึงงานในวันพรุ่งนี้ว่ามีงานอะไรที่เป็นงานสำคัญ หรือเป็นงานเร่งด่วน
× ใช้กล่องจดหมายขาเข้า (In Box) เป็นรายการสิ่งที่ต้องทำ อีเมลล์เกี่ยวกับงานฉบับไหนที่คุณทำเสร็จเรียบร้อย ให้คุณย้ายอีเมลล์นั้นไปเก็บไว้อีกโฟลเดอร์หนึ่ง (Archive) ส่วนงานไหนที่คุณยังทำไม่เสร็จก็ให้คงอีเมลล์นั้นไว้ที่กล่องจดหมายขาเข้าตามเดิม
× อีเมลเกี่ยวกับงานอะไรก็ตามที่คุณทำเสร็จได้ภายใน 5 นาที ผมอยากให้คุณทำทันทีและจงทำแบบนี้ทุกครั้ง ห้ามดองเอาไว้เด็ดขาด
× ถ้าคุณไม่ตัดการกับงานที่มีอยู่ให้ลุล่วงไปได้ จงอย่ารับเอางานใหม่เพิ่มเข้ามาอีก
× พยายามตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีและถูกต้องที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับมาแก้งานดังกล่าวอีก เพราะรวม ๆ แล้วคุณอาจจะใช้เวลาแก้ไขงานมากกว่าการทำงานในครั้งแรกให้ดีไปเลยด้วยซ้ำนะครับ
เมื่อคุณเลิกทำตามใจคนอื่นได้สำเร็จ และหันมาทำตามใจตัวเองบ้าง หลายสิ่งหลายอย่างก็ดีขึ้นเพียงเพราะคุณได้เรียนรู้ที่จะพูดคำว่า “ไม่” ทุกครั้งที่คุณปฎิเสธเท่ากับว่า คุณกำลังให้ความสำคัญ และตอบรับกับตัวของคุณเอง
คุณต้องรับผิดชอบตัวเองให้ดีก่อน และเมื่อคุณทำงานได้ดีแล้ว คุณถึงจะช่วยเหลือคนอื่นได้ ถ้าพูดคำว่า “ช่วยเหลือ” คนแรกที่คุณต้องช่วยคือ ตัวคุณเองนี่แหละครับ ถ้าคุณยังช่วยตัวเองไม่ได้ คุณจะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร เมื่อมีใครมาขอร้องให้ช่วยเหลืออะไร คุณไม่จำเป็นต้องตอบปฎิเสธทันทีก็ได้ครับ อาจซื้อเวลาสักหน่อยด้วยการตอบคำว่า “อาจจะ” ไปก่อนครับ
2
จำเอาไว้นะครับ
“ชีวิตของคุณจะง่ายขึ้น เมื่อคุณเลิกเกรงใจและรู้จักปฎิเสธคนอื่น”
ข้อดีข้อแรกของการตื่นเช้าขึ้น 1 ชั่วโมงคือ คุณจะได้เวลากลับคืนมา 365 ชั่วโมงต่อปี ใครที่ชอบอ้างว่า “ไม่มีเวลา” นี่ไงครับเวลา บรรยากาศตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น มีพลังวิเศษแฝงอยู่จริง ๆ นะครับ ปรับเวลาให้ตัวเองตื่นนอนในช่วง 05.30-06.00 น. ชีวิตของคุณก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ คุณจะเริ่มต้นชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสงบ ผ่อนคลาย ไม่ต้องเครียดกับการรีบเร่งทำนั่นทำนี่
ประโยชน์อีกข้อของการตื่นแต่เช้าทุกวันคือ จะส่งเสริมให้คุณมีวินัยในตนเองเพิ่มมากขึ้น ทำให้คุณยอมรับนับถือตัวเองมากขึ้น ผู้นำที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เช่น เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) ,มหาตมา คานธี (Mahatama Gandhi) ,บารัก โอบามา (Barack Obama) มักจะตื่นแต่เช้าตรู่เสมอ
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนครับว่า “การนอนหลับวันละ 6 ชั่วโมงตอนกลางคืน กับการงีบหลับกลางวันสัก 30-60 นาทีก็เพียงพอแล้วครับ” ความสดชื่นของคุณขึ้นอยู่กับคุณภาพการนอนหลับมากกว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณในการนอนนะครับ
คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงต่อวันอยู่หน้าจอ นั่นหมายความว่าคุณเสียเวลาถึงสัปดาห์ละ 28-35 ชั่วโมงเชียวนะครับ
จงเลิกเสพข่าวทางโทรทัศน์ หรือปิดโทรทัศน์เสียเลยดีกว่า ทำไมคุณต้องเปิดรับเรื่องลบ ๆ ด้วยครับ คุณควรเลิกเสพข่าวต่าง ๆ จากโทรทัศน์เสียที แล้วเอาเวลาเหล่านั้นไปสร้างอุปนิสัยใหม่ที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นดีกว่า เช่น ออกไปเดินเล่น ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว หานหนังสือดี ๆ สักเล่มมาอ่าน ไม่ดีกว่าหรือครับ
เขียนสิ่งที่คุณ “ควรทำ แต่ไม่ได้ทำ” ออกมาให้หมด แล้วลืมมันซะ จงลืมให้หมดครับ เป้าหมายที่คุณกำหนดไว้เมื่อปีก่อนแต่คุณยังไม่ได้ทำ จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณลืมซะ แทนที่จะนึกถึงเป้าหมายเก่า ๆ ที่คุณทำไม่ได้ แล้วมานึกตำหนิตัวเอง ให้รู้สึกแย่ ผมคิดว่าคุณควรทิ้งความรู้สึกแบบนั้นไป แล้วตั้งเป้าหมายใหม่จะดีกว่า
ผมอยากวให้เลิกทำในสิ่งที่คุณ “จำใจต้องทำ” แล้วเลือกทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายของคุณมากกว่า แทนที่จะพูดว่า “ฉันควรทำ” หรือ “ฉันจำเป็นต้องทำ” ผมอยากให้คุณพูดว่า “ฉันเลือกที่จะทำ / ฉันตัดสินใจว่าจะทำ / ฉันตั้งใจจะทำ / ฉันอยากทำ” มากกว่าครับ
จงกล้าเผชิญหน้ากับความกลัว เชื่อหรือไม่ว่าร้อยละ 90 ของความกลัวเป็นสิ่งที่คุณคิดไปเอง เป็นภาพลวงตาที่คุณสร้างขึ้นมา เรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ ที่คุณกลัวว่าจะเกิดขึ้น หลายเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้เลย คุณคิดขึ้นมาเองทั้งนั้น
จริง ๆ แล้วความกลัวเป็นกลไกการเอาตัวรอดที่อยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคน สมองต้องการปกป้องคุณให้รู้สึกปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่รู้ จึงสร้างความกลัวให้กับคุณ จงใช้ความกลัวเป็นตัวกระตุ้นในการลงมือทำ (Springbord) ทุกครั้งที่มีความหวาดกลัวจงตั้งคำถามกับตัวเองว่า “จะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น ถ้าเราเผชิญหน้ากับมัน” ลองชั่งใจเปรียบเทียบดูว่า อะไรแย่กว่ากันระหว่างการลองเสี่ยงกับนิ่งเฉย
ถ้าคุณต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง คุณต้องลองเสี่ยงดูบ้าง และต้องทำในสิ่งที่กลัวอยู่เรื่อย ๆ ความผิดพลาดไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ตราบใดที่คุณเรียนรู้จากมันได้ และไม่ยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำอีก อันที่จริงแล้ว การที่คุณไม่ตัดสินใจหรือการเลื่อนการตัดสินใจออกไป ก็คือ การตัดสินใจนั่นแหละ !
ทุกสิ่งที่ทำให้คุณรำคาญใจจะคอยดูดพลังงานของคุณ หรือสิ่งที่น่ารำคาญใจที่ต้องทน (Toleration) เขียนสิ่งน่าลำคาญใจที่คุณต้องทนออกมาให้หมดครับ ทั้งในชีวิตประจำวัน ที่ทำงาน ที่บ้าน จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนของคุณ หรือแม้กระทั่งตัวคุณเองก็ได้
เอาเวลามาใส่ใจแก้ไขเฉพาะสิ่งที่คุณจัดการได้ และไม่ต้องสนใจกับสิ่งที่คุณจัดการไม่ได้
เชื่อไหมครับว่า สิ่งของต่าง ๆ ที่วางอยู่รอบตัวคุณมีผลต่อพลังชีวิต ถ้าบ้านของคุณเต็มไปด้วยสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ มันจะสูบพลังชีวิตของคุณโดยไม่รู้ตัว
เรามาเริ่มกันที่ตู้เสื้อผ้าของคุณกันก่อนดีกกว่า
× เสื้อผ้าหรือชุดที่คุณไม่ได้ใส่มาแล้ว 1 ปี คุณมีแนวโน้มที่จะไม่ใส่มันอีกต่อไป
× ถ้าคุณมีข้ออ้างที่ว่า “เก็บไว้เผื่อมีประโยชน์สักวัน” หรือ “ชุดนี้ทำให้ผมคิดถึงวันเก่า ๆ ที่แสนประทับใจ” นั่นแสดงว่า เสื้อผ้าชุดนั้นต้องไปจากตู้เสื้อผ้าของคุณแล้ว
เมื่อคุณสะสางตู้เสื้อผ้าได้แล้ว ก็สะสางห้องนอนต่อไปเลย พอเสร็จจากห้องนอนแล้วมาลุยที่ห้องนั่งเล่นต่อ จากห้องนั่งเล่นก็มาทำความสะอาดลานจอดรถ สุดท้ายจะลงเอยด้วยการทำความสะอาดบ้านและสำนักงานทั้งหลัง
จงสะสางทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เอกสาร หนังสือ แผ่นซีดี หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์
เมื่อคุณลงมือสะสาง สิ่งน่ารำคาญใจที่คุณต้องทนจะหายไปเอง การชอบผัดวันประกันพรุ่ง นอนน้อย ทำงานแบบขอไปที จมอยู่กับอาหารกล่อง วนเวียนอยู่กับชีวิตจนกลายเป็นคนใช้ชีวิตไปวัน ๆ ลืมไปเลยว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร จนทำให้จมปลักอยู่กับที่
หลังจากได้สะสางและกำจัดสิ่งน่ารำคาญออกจากชีวิต คุณจะได้รับรู้เลยว่า สิ่งรอบตัวเป็นเป็นระเบียบมากขึ้น
1 ชั่วโมงที่สำคัญในแต่ละวันของคุณ ประกอบด้วยช่วงเวลา 30 นาทีหลังจากที่คุณตื่นนอน และช่วงเวลาอีก 30 นาทีก่อนที่คุณจะนอนหลับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จิตใต้สำนึกของคุณตอบรับได้ดีมาก การที่คุณทำอะไรใน 2 ช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ผมอยากให้คุณตื่นเช้าขึ้นสักนิด มีเวลาสบาย ๆ ให้กับตัวเองสักครึ่งชั่วโมง จัดสรรเวลาให้ตัวคุณได้ทำสมาธิอย่างน้อยวันละ 10-15 นาที
กิจกรรมที่แนะนำหลังตื่นนอน (30 นาที) - ตอนเช้า
× เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการคิดแต่เรื่องในเชิงบวก ด้วยความเชื่อที่ว่า วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง
× ใช้เวลาสัก 5 นาที นึกขอบคุณสิ่งดี ๆ คนดี ๆ ที่คอยสนับสนุนหรือช่วยเหลือคุณ
× ใช้เวลาสัก 15 นาที อยู่เงียบ ๆ
× จินตนาการถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้
× ดูพระอาทิตย์ขึ้น
× วิ่งหรือออกกำลังกายสักหน้อย
× เขียนบันทึก
กิจกรรมที่แนะนำก่อนเข้านอน (30 นาที) - ตอนกลางคืน
× เขียนบันทึกอีกสักหน่อย
× ผมคิดว่า เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่คุณจะคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้นะครับ สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้มีอะไรบ้าง สิ่งที่คุณคิดว่าสามารถทำ× ให้ดีขึ้นกว่านี้ได้อีกคืออะไร
× วางแผนล่วงหน้าว่า คุณต้องทำอะไรในวันรุ่งขึ้น
× เขียนรายการของงานที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้
× หลับตานึกภาพถึงวันในอุดมคติของคุณ
× อ่านบทความหรือหนังสือสักบทที่ทำให้คุณมีแรงบันดาลใจ
× ฟังเพลงหรือดนตรีบรรเลงเพราะ ๆ สร้างแรงบันดาลใจ
**ไม่แนะนำให้คุณดูข่าวหรือ ชมภาพยนต์ หรือดูสื่ออะไรก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกฉุนเฉียว ตื่นเต้น ในช่วงเวลาก่อนนอน**
การวางแผนถึงวันรุ่งขึ้น รวมทั้งได้ตระเตรียมเอาไว้ก่อนว่า มีงานสำคัญอะไรบ้าง จะช่วยให้คุณประหยัดเวลามากเลยครับ เพราะงานสำคัญที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้น จะถูกประทับเอาไว้ในจิตใต้สำนึกของคุณก่อนนอน และเมื่อคุณตื่นนอน คุณจะมีสมาธิจดจ่อกับงานนั้นทันที รู้อยู่แล้วในใจว่า มีงานสำคัญอะไรบ้างที่ต้องทำก่อนและงานไหนทำทีหลัง
สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตของคุณคือ การค้นพบวัตถุประสงค์แห่งการดำรงอยู่ของตัวเอง แล้ววัตถุประสงค์แห่งการดำรงอยู่ที่ผมพูดไปคืออะไรน่ะหรือ การได้ทำสิ่งที่คุณรักไงครับ คำตอบของคุณต่อคำถามเหล่านี้จะช่วยนำทางให้คุณค้นพบวัตถุประสงค์แห่งการดำรงชีวิต
ภาพอุดมคติของชีวิตคือ การสร้างเป้าหมายชีวิตที่สอดคล้องกับคุณค่าที่ยึดถือ และงานที่คุณทำอยู่ต้องเอื้อต่อการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับคุณค่าเหล่านั้นอีกด้วย คุณไม่จำเป็นต้องบีบคั้นให้ตัวเองทำอะไรใหม่ ๆ ออกมา แต่คุณกลับรู้สึกเต็มใจที่จะริเริ่มงานใหม่ ๆ เพราะคุณรักที่จะทำ
ไม่มีอะไรจะดึงดูดความสำเร็จในชีวิตของคุณได้ดีไปกว่าการทำงานที่คุณรักครับ
คุณค้นหาวัตถุประสงค์แห่งการดำรงอยู่ได้ด้วยการค้นหาคุณค่า ทักษะความชำนาญ งานที่คุณมีใจรักที่จะทำ ตลอดจนความทะเยอทะยาน ด้วยการพิจารณาว่า ตัวคุณนั้นมีความเก่งอะไรซ่อนอยู่
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีเวลา ผมอยากให้คุณเดินสัมผัสอากาศภายนอก เดินเล่นไปมา เชื่อมตัวเองเข้ากับธรรมชาติ ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินบ้าง ถ้าคุณได้ลองไปวิ่งหรือเดินออกกำลังกายยามเช้า คุณจะเชื่อในสิ่งที่นักเขียนและนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เฮนรี เดวิด ทอโร พูดไว้อย่างแน่นอนครับ
การที่คุณจัดสรรเวลาให้กับตัวเองได้ไปเดินเล่นในป่าเขาลำเนาไพรบ้าง จะช่วยดึงให้ชีวิตของคุณกลับสู่ธรรมชาติและทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นครับ การนั่งฟังความเงียบด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง ตลอดจนการเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ จะช่วยทำให้พลังชีวิตและพลังใจของคุณฟื้นคืนกลับมาได้
การเดินมีส่วนช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น
จงคาดหวังและเรียกร้องกับตัวเอง รวมถึงคนรอบข้างให้มากขึ้น ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณต้องมีมาตรฐานที่สูงขึ้น ไม่ยอมรับกับประโยคที่ว่า “แค่นี้ก็พอแล้ว คนส่วนใหญ่เขาก็ทำแบบนี้” เลิกเสียทีกับการผัดวันประกันพรุ่ง และจงมีนิสัยที่หากต้องทำอะไรแล้ว จะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ !
มาตรฐานที่คุณต้องมี เช่น พูดความจริงเสมอ ตรงต่อเวลาเสมอ พร้อมรับฟังคนอื่นอย่างตั้งใจจนกว่าคู่สนทนาจะพูดจบ คุณต้องยกระดับตัวเองให้เป็นคนมีมาตรฐานสูง สิ่งสำคัญคือ คุณต้องรู้จักกำหนดขอบเขตของคนที่อยู่รอบตัวคุณให้มีความชัดเจน ขอบเขตที่คนอื่นจะมาตำหนิ ค่อนขอด หรือดูหมิ่นคุณไม่ได้ คุณต้องสื่อสารให้คนอื่นรับรู้อย่างชัดเจน ทำให้เป็นอุปนิสัย คุณต้องจัดการกับสิ่งรบกวนให้ได้
โอปราห์ วินฟรีย์ พูดไว้ว่า “จงสำนึกบุญคุณในสิ่งที่คุณมีและได้รับในทุก ๆ วัน คุณจะดึงดูดสิ่งที่คุณสำนึกบุญคุณให้เข้ามาสู่ชีวิตของคุณเพิ่มมากขึ้น” การสำนึกบุญคุณช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิตของคุณ และทำให้คุณเห็นคุณค่าของตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วย ทัศนคติของการสำนึกบุญคุณจะเป็นสื่อนำทางให้ชีวิตเรามุ่งไปสู่ความสุขทั้งกายและใจ เป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีต่อความโกรธ ความอิจฉาริษยา และความรู้สึกไม่พอใจต่าง ๆ จงทำให้การรู้สำนึกบุญคุณเป็นอุปนิสัยของคุณโดยธรรมชาติ จงสำนึกบุญคุณในสิ่งที่คุณมีอยู่ สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่รอบตัวคุณ หรือแม้แต่สิ่งที่คุณยังไม่ได้รับก็ตาม
ถ้าคุณจินตนาการเป้าหมายของคุณจนเห็นภาพชัดเจน มีรายละเอียดครบถ้วน พร้อมกับมีอารมณ์ร่วม จิตใต้สำนึกของคุณจะถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่า สิ่งเหล่านั้นกำลังจะเกิดขึ้นจริง ทำให้คุณได้รับแรงจูงใจในการทำงาน ได้รับโอกาส และความคิดสร้างสรรค์ ทำให้คุณเปลี่ยนชีวิตไปสู่ระดับที่ดีขึ้นตามที่คุณต้องการ
ให้คุณนึกภาพของตัวเองโดยจินตนาการว่า คุณกำลังประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คุณคาดหวังไว้ จินตนาการราวกับว่า คุณได้เห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง รับรู้ความสำเร็จนั้นด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น เสียง รสชาติ คลอดจนความรู้สึก ยิ่งอารมณ์ของคุณเข้าถึงภาพภาพนั้นได้มากเท่าไหร่ ผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตคุณก็จะมากขึ้นเท่านั้น
คุณจะสร้างภาพความสำเร็จในความคิดได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณเอาภาพจำนวนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของคุณมาติดเป็นอัลบั้มภาพบนกระดาษ A3 แล้วเอาอัลบั้มภาพชุดนั้นติดไว้ที่ห้องนอน หรือที่ไหนก็ได้ที่คุณเห็นได้บ่อย ๆ
จงคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ชีวิตไม่ได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการให้เสมอ แต่ชีวิตจะมอบสิ่งที่เราคาดหวังอย่างแน่นอน คุณคาดหวังความสำเร็จหรือเปล่า หรือมัวแต่เอาเวลาไปกังวลอยู่กับความล้มเหลว ความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเองมาจากจิตใต้สำนึกและความเชื่อ ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างมาก ความคาดหวังของคุณมีอิทธิพลต่อทัศนคติ และทัศนคติของคุณจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความสำเร็จ
รูปแบบการตั้งคำถามมีผลต่อพลังชีวิตอย่างมาก และคำตอบของคุณจะเปลี่ยนความคิดและคำพูดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของคุณ
× คุณจะมีความเครียด ความกลัว และความกังวลที่ลดลง
× จิตใจของคุณจะนิ่งและสงบขึ้น
× คุณจะรู้สึกมีพลังในการทำงานมากขึ้น
× คุณจะใช้ประสบการณ์ที่มีคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ออกมาได้
ทุกห้วงเวลาที่คุณจมปลักอยู่กับอดีต เท่ากับว่าคุณกำลังขโมยเวลาในปัจจุบันและอนาคตของตัวเอง พอเสียทีกับการจมอยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่ายึดติด จงก้าวผ่านอดีตให้ได้ครับ ถ้าคุณกล้าก้าวข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว คุณจะเปิดประตูชีวิตของตัวเองให้พบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามา
ระหว่างที่คุณกำลังมุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น และกำลังเข้าใกล้เป้าหมายไปเรื่อย ๆ เรื่องสำคัญที่คุณต้องตระหนักถึงคือ ความก้าวหน้าของสิ่งที่คุณลงมือลงแรงไป จงรู้จักหยุดและให้รางวัลกับชัยชนะของคุณเป็นระยะ จงเฉลิมฉลองให้กับตัวเองที่สัปดาห์นี้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน อย่าให้ความสำเร็จเล็ก ๆ ของคุณถูกละเลย
ความสุขสำหรับคุณคืออะไร คุณมีความสุขได้ตอนนี้เลยนะ ไม่เชื่อผมใช่ไหมครับ เอาละ ! ลองหลับตาลงสักครู่นะครับ จากนั้นคิดถึงช่วงเวลาที่คุณมีความสุขมาก ๆ แล้วชักนำความสุขเหล่านั้นให้กลับเข้ามาสู่จิตใจของคุณ จงรับรู้ความรู้สึกนั้น ได้กลิ่นอันหอมหวาน ได้ยินเสียงที่อยากได้ยินผมอยากให้คุณจำความตื่นเต้นและความปิติยินดีที่ได้รับเอาไว้ คุณรู้สึกอย่างไร ความสุขไม่ขึ้นอยู่กับบ้าน รถยนต์ หรือของนอกกายที่มีหรอก คุณมีความสุขได้ทันทีที่นี้ตอนนี้เลย
อย่าหลงลืมความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชีวิต ขณะที่คุณกำลังไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ๋ ผมอยากให้คุณมีความสุขกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว แม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
จงเป้นคนที่หัวเราะบ่อย ๆ และมีความสุขให้มาก ๆ แล้ววันนี้คุณมีความสุขจากเรื่องใดบ้าง
× คุณมีงานที่ดี
× คุณรักงานที่คุณทำ
× คุณมีลูกที่น่ารัก
× คุณมีเพื่อนที่ดี
× คุณมีพ่อแม่ที่รักคุณ
× คุณมีอิสระ
จงทำทีละอย่าง งานวิจัยล่าสุดระบุว่า การทำงานอลายอย่างในเวลาเดียวกัน (Multitasking) นั้นมีประสิทธิภาพต่ำกว่าการมีสมาธิทำงานทีละชิ้นให้เสร็จเป้นอย่าง ๆ ไป บางงานวิจัยถึงกับระบุว่า การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันจะทำให้คุณทำงานได้ช้าลง และที่สำคัญที่สุดจะทำให้สติปัญญาถดถอยลงด้วย
เลิกทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันเสียที คุณต้องมีสมาธิจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งอย่างเต็มที่ แล้วตั้งใจทำให้เสร็จเป้นอย่าง ๆ ไป
ขั้นตอนสำคัญของการทำชีวิตให้ง่ายขึ้นคือ ใส่ใจกับงานที่สำคัญจริง ๆ ตั้งใจกับงานที่เป็นสาระสำคัญสำหรับชีวิต และต้องรู้จักกำจัดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ออกไปจากชีวิตให้ได้ หรือต้องทำให้เรื่องเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องเล็ก ซึ่งคุณจัดการได้ด้วยระบบอัตโนมัติของเทคโนโลยี มอบมายให้คนอื่นมาช่วยทำ หรือถ้าไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรมากก็ไม่ต้องทำเสียเลย
การทำให้ชีวิตง่ายขึ้น จริง ๆ แล้วคือการลดขั้นตอนและภาระต่าง ๆ ในชีวิต และเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างเรียบง่าย คุณจะลดภาระให้กับตัวเองได้อย่างไรบ้าง คุณมีเสื้อผ้าและสิ่งของที่มากเกินความจำเป้นหรือเปล่า คุณใช้เวลาในการทำอาหารนานเกินไปไหม คุณทำอาหารง่าย ๆ บ้างไม่ได้หรือ หรือพอจะมีใครในบ้านที่ทำอาหารให้กับคุณได้บ้าง
การหัวเราะและยิ้มนั้นดีต่อสุขภาพของคุณแน่ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า การยิ้มและการหัวเราะบ่อย ๆ ในแต่ละวันจะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น แถมยังช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นอีกด้วยนะครับ ดังนั้นจงหัวเราะบ่อย ๆ
การยิ้มเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อายุขัยยืนยาวขึ้น เมื่อคุณยิ้ม ภาษากายทุกส่วนจะส่งสัญญาณไปสู่โลกภายนอกว่า “ชีวิตตอนนี้ช่างดีจริง ๆ” งานวิจัยยังระบุอีกว่า คนที่ยิ้มจะถูกมองจากคนอื่นว่าเป้นคนที่มั่นใจและเชื่อถือได้ ที่สำคัญเมื่อคุณยิ้มคุณจะทำให้คนรอบข้างพลอยรู้สึกดีไปด้วย
ประโยชน์จากการยิ้มมีมากมาย
× เมื่อคุณยิ้มสมองจะผลิตสารสื่อประสาทชื่อว่า เซโรโทนิน (เป็นสารแห่งความสุข)
× ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟินออกมา (ทำให้รู้สึกเจ็บปวดน้อยลง)
× ความดันโลหิตลดลง
× สมองปลอดโปร่ง
× มีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
× ทำให้คุณเป็นคนมองโลกในเชิงบวกมากขึ้น (ไม่เชื่อคุณลองคิดในแง่ร้ายขณะยิ้มดูสิ)
หนึ่งในกิจจกรรมที่ผมชอบทำมากคือการงีบหลับสั้น ๆ ที่ถูกเรียกว่า “พลังงีบ” ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า การงีบช่วยชารืจพลังให้กับร่างกาย ทำให้สดชื่นขึ้นและมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“คนไม่อ่านหนังสือ ไม่แตกต่างจากคนอ่านหนังสือไม่ออก” เป้นประโยคที่ถูกกล่าวไว้โดยมาร์ก ทเวน ถ้าคุณอ่านหนังสือได้วันละครึ่งชั่วโมง เท่ากับคุณมีเวลาอ่านหนังสือ 3 ชั่วโมงครึ่งต่อสัปดาห์ หรือ 182 ชั่วโมงต่อปี ถ้าคุณเป็นคนไม่อ่านหนังสือ เท่ากับคุณได้ทิ้งโอกาสเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปมากมาย
จงมีหนังสือติดมือไว้ แทนที่คุณจะดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือดูรายการข่าวซึ่งเป็นอะไรที่แย่กว่า ให้ปรับเปลี่ยนอุปนิสัยให้มาอ่านหนังสือก่อนเข้านอนแทน นอกจากความรู้แล้ว คุณยังได้จิตใจที่สงบก่อนนอนอีกด้วย
ถ้าคุณมีเงินออมมากพอที่จะรองรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ถึง 9 เดือน หรือ 1 ปี มุมมองต่อทุกสิ่งทุกอย่างของคุณจะเปลี่ยนไป
การทำงานที่มุ่งแต่เงินไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ดีหรอกครับ การมีเงินออมในระดับ 9 เท่า 12 เท่า หรือ 18 เท่า ของเงินเดือนปัจจุบัน (ยิ่งมาก ยิ่งดี) จะทำให้ความเครียดในการดำเนินชีวิตลดลง ชีวิตมั่นคงมากขึ้น ซึ่งทำให้จิตใจคุณสงบมากขึ้นด้วย
การให้อภัยเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณ ทำให้คุณไม่เสียพลังงานไปโดยสูญเปล่ากับความโกรธและความไม่พอใจ แย่ไปกว่านั้น ความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะสูบพลังชีวิตของคุณไปอย่างมากเลยครับ
การรู้จักขอโทษคนอื่นคือ การให้อภัยตัวเอง เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเองแล้ว การให้อภัยคนอื่นจะง่ายขึ้น
การตรงต่อเวลาสะท้อนถึงการมีวินัยและการให้เกียรติผู้อื่น ถ้าคุณเป้นคนไม่ตรงต่อเวลา แม้คุณจะเป็นคนนิสัยดีที่สุดในโลก คนอื่นคงรู้สึกรังเกียจคุณอยู่บ้าง จริงอยู่ครับว่า แต่ละประเทศมีวัฒนธรรมที่เคร่งครัดเรื่องการตรงต่อเวลา แต่ประเทศเยอรมนีหากคุณไม่ตรงต่อเวลา คุณจะถูกมองว่าไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งทำให้คุณสุญเสียโอกาสเป็นอย่างมาก
เมื่อคุณเริ่มสร้างนิสัยการตรงต่อเวลา สังเกตได้ว่า การไปถึงสถานที่นัดหมายก่อนสัก 10 นาที ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งจะเป็นความรู้สึกที่ดีเป้นอย่างมาก
ความสามารถและทักษะด้าน “การฟังเชิงรุก (Active Listening)” หรือการฟังอย่างลึกซึ้ง
การฟังอย่างลึกซึ้ง หมายถึง การฟังคนที่พูดอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ โดยหยุดเสียงในหัวของคุณที่คอยแทรกขึ้นมาให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะหลังจากเริ่มฟังคู่สนทนาของคุณไปได้แค่ 30 วินาที
ถ้าผู้พูดรู้สึกว่า คุณฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างตั้งใจ จะทำให้ทั้งคุณภาพของการสนทนา ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนาดีขึ้น ดังนั้น จงเป็นผู้ฟังที่ดีตั้งแต่วันนี้ครับ
1
คุณเคยพยายามเปลี่ยนแหลงคนอื่นหรือเปล่าครับ ผมอยากบอกกับคุณว่า “จงหยุดเสียเถอะ หยุดตอนนี้เลย” มันเป้นไปไม่ได้คุณช่วยเหลือคนที่ไม่อยากให้คุณช่วยเหลือไม่ได้ และคุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้หรอกครับ ดังนั้น จงเลิกทำอะไรที่ต้องสูญเสียพลังงานไปอย่างสูญเปล่า เอาเวลามาสนใจและทุ่มเทกับสิ่งที่คุณทำได้ดีกว่า นั่นก็คือ การเป็นตัวอย่างที่ดีนั่นเองครับ
คุณอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น จงสร้างการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยมือของคุณเอง คุณไปเปลี่ยนแปลงอะไรเขาไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น และเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
คุณจะช่วยเหลือตัวเองได้มากเลยครับ ถ้าคุณหยุดใช้คำว่า “ลอง” ผมอยากให้คุณลบคำคำนี้ออกไปจากหัวเลย เพราะคำว่า “ลอง” ไม่ได้แตกต่างกับคำว่า “ล้มเหลว” เท่าไหร่นักหรอก สมมติคุณมอบหมายงานสำคัญให้กับคนคนหนึ่ง คุณคิดว่า ประโยคไหนเข้าท่ากว่ากันครับระหว่าง “ผมจะลองดู” กับ “ได้ครับ ผมจะจัดการให้ทันที” จะทำหรือไม่ทำ เลือกสักอย่างสิ !
การพูดกับตัวเองในเชิงบวก หนึ่งในเทคนิคที่ได้ผลดีมากคือ การยืนยัน (Affirmation) ครับ เป็นการพูดประโยคในเชิงบวกกับตัวเองซ้ำ ๆ ทุกวัน ซึ่งช่วยให้จิตใต้สำนึกของคุณเชื่อในสิ่งนั้น
การพูดเชิงบวกกับตัวเองอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เพื่อให้จิตใต้สำนึกของคุณแยกไม่ออกว่า อะไรคือความจริง และอะไรคือจินตนาการ
การยืนยันเป้นเรื่องส่วนตัว เป็นการพูดเชิงบวกเฉพาะเจาะจง มีอารมณ์ร่วม มุ่งมั่นกับสิ่งที่พูด และต้องเป็นประโยคที่เป็นปัจจุบัน เช่น
× งานนี้รายได้ต้องดี โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยอะไรมาก
× โอกาสทองเข้ามาในชีวิตเราแล้ว
× เราพูดต่อหน้าชุมชนได้สบาย ๆ
× เราคือผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้
× เราคือคนที่แข็งแรงและสุภาพดี
จงใช้การยืนยันดึงดูดสิ่งที่คุณต้องการเข้ามาในชีวิต ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่คุณจะรู้สึกว่า สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ
จะช่วยให้คุณ “ตอกย้ำ” ความปรารถนาลงไปในจิตใต้สำนึก เพื่อให้คุณเชื่อมั่นว่า สิ่งนั้นเป็นความจริง การสร้างความเชื่อมั่นใหม่ ๆ ในระบบความเชื่อของคุณ คุณจำเป็นต้องทวนซ้ำไปเรื่อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน
1. เลือกข้อความที่คุณอยากบอกกับตัวเอง
2. เลือกใช้คำที่สื่อถึงตัวเอง เริ่มด้วยคำว่า “ผม” หรือ “ฉัน”
3. เขียนข้อความออกมาในเชิงบวก
4. เขียนข้อความที่สื่อถึงปัจจุบัน เช่น ผมกำลังจะมีรายได้...ล้านบาทต่อปี
5. เขียนข้อความนี้เป้นลำดับแรกในตอนเช้า
หาสมุดพกไว้สักเล่มจะดีมากครับ ถ้าคุณเขียนได้ 2 ครั้งต่อวัน ทั้งในช่วงเช้าและก่อนเข้านอนผลลัพธ์ที่ได้จะดีขึ้นมาก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณก้าวออกมาจากพื้นที่สุขสบายของตัวเอง เนื่องจากความกลัวกับความลังเลทำให้สมองของคุณผลิตข้ออ้างและข้อแก้ตัวต่าง ๆ ขึ้นมา
จังหวะและโอกาสที่ดีไม่มีทางเดินมาหาคุณได้หรอก ถ้าคุณมัวแต่ยืนอยู่กับที่แล้วรอคอย วิกฤติเป้นโอกาสได้เสมอ ไม่เกี่ยวกับว่า คุณจะเด็กหรือแก่เกินไป ไม่เชื่อคุณลองค้นหาเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจากอินเทอร์เน็ตดูสิครับ คนที่เขาทำตามความฝันของตัวเองได้ มีทั้งคนที่อายุเยอะและอายุน้อย
สมมติฝ่ายผลิตแจ้งกับผมว่า สินค้าจัดส่งได้ในวันที่ 5 เมษายน ผมจะแจ้งกับลูกค้าว่า “สินค้าจะถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าภายในวันที่ 10 เมษายน” นั่นหมายความว่า ถ้าสินค้าถูกส่งถึงมือลูกค้าได้ในวันที่ 7 เมษายน แทนที่ลูกค้าจะรู้สึกโกรธ แถมขู่จะปรับเงินหรือฟ้องร้องบริษัท ลูกค้ากลับรู้สึกชื่นชมและขอบคุณที่บริษัทสามารถส่งสินค้าได้ก่อนวันนัดหมายตั้ง 3 วัน
นอกจากการทำงานบริษัทแล้ว ในกรณีที่ผมรู้ว่าวันนี้ผมต้องเลิกงานช้าหน่อยและอาจกลับบ้านดึก ผมจะบอกกับภรรยาว่า “ผมจะกลับถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่มนะ” พอเอาเข้าจริง ถ้าผมกลับถึงบ้านสัก 2 ทุ่มครึ่ง ผมก็ดูเป็นสามีที่ดี
การออกแบบชีวิตในอุดมคติให้กับตัวเอง ชีวิตในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร คุณอยากทำอะไรถ้ามีเวลาและมีเงินทองมากพอ คุณอยากย้ายไปอยู่ที่ไหน คุณมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วหรือยัง งานที่คุณอยากทำคืออะไร ใครคือคนที่คุณอยากอยู่ด้วย คุณอยากเห้นตัวเองทำอะไร ถึงเวลาสร้างความฝันอันยิ่งใหญ่อีกครั้งครับ อย่าสร้างข้อจำกัดให้กับตัวเอง จงจินตนาการถึงชีวิตในอุดมคติให้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้
คุณต้องการให้ชีวิตในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร เตรียมสมุดโน้ตหรือสมุดภาพไว้สักเล่ม เอาไว้สำหรับการเขียนชีวิตในอุดมคติหรือชีวิตที่คุณอยากสร้างให้เป็นจริง หลายคนมักเอารูปภาพตัวแทนความฝันของพวกเขามาติดไว้ที่ที่มองเห็นได้ทุกวัน การสร้างภาพสิ่งที่คุณอยากเป็นให้ตราตรึงอยู่ในใจเป็นเรื่องสำคัญมาก
1
1. นั่งนิ่ง ๆ สัก 1 ชั่วโมง อย่าให้อะไรมารบกวน ปิดโทรศัพท์ ปิดโทรทัศน์ ปิดวิทยุ
2. เขียนบรรยายทุกสิ่งที่คุณอยากเป็น คุณอยากตื่นนอนกี่โมง อยากมีบ้านแบบไหน อยากมีสุขภาพเป็นอย่างไร ต้องการให้คนแบบไหนอยู่รอบตัว อยากทำงานอะไร ผมย้ำนำคับว่า เขียนทุกสิ่งออกมาได้เลย ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ครับ
3. จากนั้นผมอยากให้คุณอ่านสิ่งที่เขียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อ่านโดยที่มีอารมณ์ร่วมด้วยครับ
ใครต้องรับผิดชอบกับความรู้สึกของคุณ ตัวคุณเองนั่นแหละ ! คุณยังจำเรื่องที่ผมเล่าเกี่ยวกับความรับผิดชอบและทางเลือกได้ไหมครับ ที่ผมอธิบายว่า ชีวิตอยู่ภายใต้ความคิดของคุณเอง และอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็มาจากความคิดนี่แหละครับ
อารมณ์เป็นพลังงานมาจากการตอบสนองของร่างกายต่อความคิด ถ้าคุณควบคุมความคิดได้ คุณจะควบคุมอารมณ์ได้เช่นกัน
การจัดการกับอารมณ์เป้นทักษะในการรับรู้ เข้าใจ และรู้จักวิธีจัดการอารมณ์ ซึ่งคุณใช้การจัดการอารมณ์ได้ทั้งตนเองและผู้อื่น
1. รับรู้และแสดงอารมณ์ออกมา ปล่อยให้รู้สึกถึงอารมณ์
2. วิเคราะห์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น (เรารู้สึกถึงอารมณ์เหล่านั้นได้อย่างไร)
3. เข้าใจอารมณ์ของตนเอง (ทำไมอารมณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้นมาได้)
4. ปรับเปลี่ยนอารมณ์ใหม่ให้เหมาะสม (ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ทำไมเราจึงรู้สึกอย่างนี้)
ข้อดีของการจัดการอารมณ์มีดังนี้
× เมื่อเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค คุณจะคุมสติได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น
× คุณจะมีประสิทธิภาพการทำงานที่เป็นมืออาชีพ และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
× คุณจะป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นมาทำลายความสัมพันธ์
× คุณยับยั้งชั่งใจและจัดการกับอารมณ์ขัดแย้งได้ดีขึ้น
× เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉิน คุณจะสงบนิ่งและรักษาสมดุลไว้ได้
จงทำสิ่งที่คุณอยากทำทันที และเลิกผัดวันประกันพรุ่งได้แล้วครับ การผัดวันประกันพรุ่งมีแต่ทำให้คุณวิตกกังวล เชื่อไหมครับว่า งานบางงานที่คุณผัดแล้วผัดเล่า ทำให้คุณวิตกจริตกับมันอยู่ตลอด ถ้าคุณตั้งใจจะทำงานเหล่านั้นให้เสร็จ ก็ใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง เท่านั้นเอง และพอทำเสร็จคุณจะโล่งขึ้น เพราะคุณขว้างมันออกจากหัวคุณได้ทันที
ปกติเราผัดวันประกันพรุ่งกัน 3 รูปแบบ คือ
× เลือกไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ
× เลือกทำงานที่มีลำดับความสำคัญต่ำกว่างานที่ควรต้องทำ
× เลือกทำงานที่คิดว่ามีความสำคัญ จึงไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำเสียที
จงประพฤติตัวและทำราวกับว่า คุณประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว และทำตัวราวกับว่า คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรูปแบบการใช้ชีวิตได้ดั่งใจ และมีงานที่ดีแล้ว ถ้าคุณต้องการเป็นคนที่มั่นใจในตนเอง คุณต้องทำตัวให้เหมือนกับว่าคุณเป็นคนมั่นใจในตนเองอยู่แล้ว พูด เดิน และทำท่าทางอิริยาบถต่าง ๆ ให้เหมือนกับคนมั่นใจในตนเอง
ถ้าคุณอยากมีพลัง คุณต้องทำตัวราวกับว่า คุณมีพลัง คุณอยากเป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะอย่างไร คุณต้องทำตัวให้เหมือนกับคนที่มีบุคลิกลักษณะอย่างนั้น โปรแกรมและการให้คำปรึกษาด้านการสื่อสารในระดับระบบประสาทโดยภาษาศาสตร์ เรียกเทคนิคนี้ว่า การกำหนดตัวแบบ (Modeling) อธิบายง่าย ๆ ก็คือ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ วิธีที่ดีที่สุดคือ การเฝ้าดูคนที่เขาประสบความสำเร็จว่าเขาทำตัวอย่างไร แล้วทำตัวให้เหมือนเขา คุณอยากเป็นคนแบบไหน คุณต้องทำตัวให้เหมือนคนแบบนั้น ฝึกทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะเป็นคนแบบนั้น
คุณเคยสังเกตไหมครบว่า เวลาที่คุณรู้สึกเสียใจหรือหดหู่ คุณมักก้มหน้ามองพื้น ไหล่ห่อลงอัตโนมัติ เป็นอิริยาบถของคนที่กำลังเศร้าใช่ไหมครับ ผมอยากให้คถณลองฝืน เมื่อรู้สึกเศร้า ผมอยากให้คุณยืนตัวตรง ยืดอก ยกไหล่ขึ้นให้สง่าผ่าเผย และเชิดหน้าขึ้นมา เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ได้ครับ แล้วถามตัวเองในใจว่ารู้สึกอย่างไร ยิ่งถ้าคุณยิ้ม หัวเราะ และเชิดหน้าเดินต่อไปข้างหน้าได้ คุณจะรับรู้ได้เลยว่า คุณรู้สึกดีกว่าเดิมมาก เป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมครับที่คุณจะรู้สึกเศร้าขณะเดินเชิดหน้าอย่างสง่าผ่าเผย
คนนั่งตัวตรงจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงกว่าคนนั่งห่อตัว
แค่เอ่ยปากขอ ต่อให้คถณถูกปฎิเสธกลับมา ผมว่าก็ยังดีกว่าการที่คุณเก็บเอาไว้และต้องคาใจไปตลอดว่า “ถ้าวันนั้น เราเอ่ยปากละก็” ใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะขอเปลี่ยนโต๊ะอาหารที่ดีกว่านี้ในภัตตาคาร ขออัพเกรดที่นั่งจากชั้นประหยัดไปเป็นชั้นธุรกิจ คุยกับเจ้านายเพื่อขอขึ้นเงินเดือน ขอไปเลยครับ ต่อให้คุณคาดไว้อยู่แล้วว่า คำตอบที่จะได้รับคือคำว่า “ไม่” เพราะคำตอบที่คุณได้รับอาจตรงกันข้าม
3
ตราบใดที่คุณกล้าเอ่ยปากขอ คุณก็ยังมีโอกาสที่จะได้
ทุกครั้งที่คุณเอ่ยปากขอ อยากให้นึกถึงประเด็นเหล่านี้เอาไว้ในใจเสมอ
1. เอ่ยปากขอสิ่งที่คุณหวัง
2. รับรู้และมั่นใจว่า คุณสมควรได้รับสิ่งที่คาดหวังนั้น
3. จงจำไว้ว่า คุณต้องควบคุมความคิด ความรู้สึก และจิตใต้สำนึกให้เป้นไปในทางบวก
4. เอ่ยปากขอกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ
5. พูดให้ตรงประเด็น
6. ถามเหมือนเด็กที่คอยถามผู้ใหญ่ ถามแล้วถามเล่าจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน
ไม่ทราบว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับคุณหรือเปล่า คุณกำลังนึกถึงใครบางคนอยู่ พออีกสักพักคนคนนั้นก็โทรมาหาคุณ หรือบางทีคุณกำลังคิดถึงใครคนใดคนหนึ่งอยู่ แล้วคุณก็ได้เจอกับคนคนนั้นที่ห้างสรรพสินค้าโดยบังเอิญ ถ้าคุณได้ฝึกฝนบ่อย ๆ และเงี่ยหูฟังเสียงในใจบ้าง ญานหยั่งรู้ของคุณจะแม่นยำคุณด้วย ซึ่งช่วยให้คุณแยกแยะเสียงแห่งตรรกะในหัวได้ง่ายขึ้น
น่าอัศจรรย์มากครับ การนั่งสมาธิเป็นเครื่องมือที่ดีมาก ผมอยากให้คุณลองนั่งสมาธิ 5-10 นาที แล้วลองเงี่ยหูฟังเสียงในใจของคุณ เพื่อเข้าใกล้ญานหยั่งรู้ได้มากขึ้น
เมื่อคุณเรียนรู้ญานหยั่งรู้แล้ว ผมอยากให้คุณลองทำตามทันที ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมลหรือสนทนากับใครบางคน ถ้าอยู่ดี ๆ คุณก็มีไอเดียผุดขึ้นมา ให้ลองทำตามไอเดียนั้นดูครับ
การมีสมุดบันทึกส่วนตัวเอาไว้จดบันทึกเรื่องราวที่สะท้อนตัวเองในแต่ละวัน การจดบันทึกในลักษณะนี้ใช้เวลาสัก 2-3 นาทีก่อนวันหนึ่งจะผ่านไปเท่านั้นเอง การจดบันทึกช่วยให้คุณได้ทบทวนตัวเองว่า วันนี้คุณได้ลงมือทำอะไรดี ๆ บ้าง เพื่อจะได้ค้นหาแง่มุมที่ทำให้คุณอมยิ้มและมีความสุข จากนั้นก็เขียนเรียบเรียงไว้ในสมุดของตัวเอง
กิจกรรมนี้จะกระตุ้นต่อมความสุข สร้างแรงบันดาลใจ และเห็นคุณค่าของตัวเองในทุกวัน
ลองพยายามตอบคำถามต่อไปนี้ในทุกคืนก่อนนอน
× สิ่งดี ๆ ที่คุณรู้สึกขอบคุณคืออะไร (เขียนคำตอบมาสัก 3-5 คำตอบ)
× 3 สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขในวันนี้มีอะไรบ้าง
× 3 เรื่องที่คุณทำได้ดีในวันนี้มีอะไรบ้าง
× เราจะทำวันนี้ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร
× เป้าหมายสำคัญของวันพรุ่งนี้มีอะไรบ้าง
การบ่นกระปอดกระแปด ถือเป็นพิษร้ายต่อชีวิตที่มีความสุขครับ เป็นพฤติกรรมที่ไร้ประโยชน์มาก แถมรังแต่ทำให้ตัวเองดูน่าสมเพชเวทนามากขึ้น และที่สำคัญบ่นไปก็ไม่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ คนชอบบ่นไม่น่าพิสมัยเลยครับ ยิ่งกว่านั้นยังสะท้อนว่า คุณเป็นแค่เหยื่อ
ยิ่งคุณบ่นเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะยิ่งทำให้คุณสนใจแต่สิ่งแย่ ๆ และดึงดูดเอาสิ่งเหล่านั้นเข้ามาสู่ชีวิตเพิ่มขึ้นไปอีก คุณต้องดึงตัวเองออกจากวงจรอุบาทว์ให้ได้ และหันความสนใจไปยังสิ่งที่คุณต้องการจะดีกว่า
ถ้าคุณเป็นคนที่เคอะเขินหรืออึดอัดเมื่อได้รับคำรับชม รางวัล หรือของขวัญต่าง ๆ แล้วละก็ ผมอยากให้คุณเลิกซะ ถึงเวลาที่คุณต้องเป็นผู้รับที่ดีเสียบ้าง การยืดอกรับคำชื่นชมหรือรางวัลด้วยความปลื้มปิติเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเป็นกุญแจไขความลับทำให้คุณได้สิ่งที่ต้องการมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าคุณรับของขวัญหรือคำชื่นชมจากใครแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอกครับ” คุณรู้หรือเปล่าครับว่า คุณกำลงัโยนความสุขจากการให้ของคนอื่นทิ้งไป
คุณไม่จำเป็นต้องไตรตรองหรอกครับว่า คุณสมควรได้รับหรือไม่ อย่าทำลายความตั้งใจจากการให้ของคนอื่นเลยครับ คุณแค่พูดว่า “ขอบคุณครับ !”
สิ่งที่คุณควรเลิกทำในพฤติกรรมเหล่านี้
× ปฎิเสธคำชื่นชม
× รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
× ชอบให้เครดิตคนอื่น ทั้งที่คุณสมควรได้รับ
× ไม่เคยให้รางวัลกับตัวเองเลย เพราะคิดว่าคุณไม่สมควรได้รับ
× ชอบมองในแง่ร้าย เมื่อมีคนทำสิ่งดี ๆ ให้กับคุณ
จงไตร่ตรองให้ดีว่า คุณควรใช้เวลากับใคร จิม โรห์น นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเอง กล่าวไว้ว่า “คุณจะกลายเป็นคนที่มีลักษณะมาจากค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่คุณใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกับพวกเขา” ดังนั้นคุณควรเลือกคบคน จัดสรรเวลาส่วนใหญ่ให้ได้อยู่ร่วมกับคนที่ดึงเอาคุณค่าของตัวคุณออกมาได้ คนเหล่านั้นจะกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ อีกทั้งยังเชื่อมั่นในตัวคุณอยู่เสมอ ผมย้ำเอาไว้ตรงนี้ว่า อารมณ์และทัศนคติเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดกันได้
คนที่อยู่รอบกายคุณสามารถเป็นตัวกระตุ้นที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและแรงขับเชิงบวก เพื่อให้คุณกล้าตัดสินใจและลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในทางกลับกันบางคนก็เป็นลูกตุ้มที่คอยถ่วงให้คุณตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ ทำให้คุณหมดพลังใจก้าวเดินต่อไป และคอยกีดขวางให้คุณหยุดมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายชีวิตที่คุณตั้งใจเอาไว้
จงใช้ชีวิตของคุณตามวิถีที่คุณต้องการ ไม่ใช่ตามความคาดหวังของคนอื่น ไม่ต้องกังวลหรอกครับว่า เพื่อนบ้านคุณ หรือคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคุณ เพราะถ้าคุณใส่ใจคำพูดพวกเขาเกินไป คุณจะไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอีกต่อไป ผมอยากให้คุณฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับคนอื่น จงกล้าหาญที่จะแตกต่าง !
จงรักตัวเองเหมือนเพื่อนบ้าน มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ติดนิสัยมองคนอื่นดีไปหมด แต่ละเลยที่จะมองข้อดีของตัวเอง ทั้งที่ความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณคือ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับตัวคุณเอง ถ้าคุณไม่ชอบตัวเอง คุณจะคาดหวังให้คนอื่นชื่นชอบคุณได้อย่างไร ถ้าคุณไม่รู้จักรักตัวเอง แล้วคุณจะรักคนอื่นได้อย่างไร
คำถามสำคัญคือ คุณจะเพิ่มความมั่นใจในตนเองได้อย่างไร เริ่มต้นด้วยการยอมรับในสิ่งที่เป็น คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ จงเรียนรู้ที่จะใช้เวลาอยู่กับคนสำคัญในชีวิตของคุณบ้าง คนคนนั้นคือตัวคุณเองนั้นแหละ ไปดูหนังกับเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่จินตนาการได้ครับ
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้เพื่อพัฒนาตนเองและความสามารถในการประกอบอาชีพนั้นคือ การลงทุนกับตัวเอง ไม่ว่าคุณจะทำอะไรคุณจะต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จงจัดสรรเงินประมาณร้อยละ 5-10 ของรายได้เพื่อลงทุนกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นซื้อหนังสือ ฝึกอบรม จะช่องทางไหนก็ได้ครับเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง จงเป็นคนกระตือรือร้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องยอมรับบางสิ่งที่เกิดขึ้น คุณไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบและไม่มีทางเป็น ที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ดังนั้น เลิกทำให้ชีวิตลำบากยากเย็นเสียที นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขและไม่ประสบความสำเร็จ
คุณรู้หรือเปล่าว่า ความทุกข์หลายเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนเกิดจากจิตใต้สำนึกของเราพยายามลงโทษตัวเองอยู่
สิ่งที่อยากแนะนำ
1. ยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น
2. ให้อภัยตัวเองและรักตัวเองเสีบบ้าง
3. เอาใจใส่และดูแลตัวเองให้ดี
คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือ คนที่เป็นตัวของตัวเองและมีจุดยืนที่มั่นคง คุณเห็นเขาเป็นอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น คนเหล่านี้รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองเป็นอย่างดี ไม่เคยหวั่นไหวในสถานการณ์ไม่แน่นอนและพร้อมรับผิดชอบความผิดพลาดของตัวเอง ตลอดจนพร้อมเผชิญหน้ากับการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น
ยิ่งคุณเป็นตัวของตัวเองมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งดึงดูดคนอื่นให้เขามาทำความรู้จักคุณมากเท่านั้น ลองดูครับ !
การเขียนสิ่งที่คุณอยากทำมา 15 อย่าง เพื่อที่ได้ตามใจตัวเองบ้าง และจงทำวันละ 1 อย่าง ประมาณ 2 สัปดาห์
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มดูแลตัวเองให้ดี ความมั่นใจในตัวเองและการเห็นคุณค่าในตัวเองของคุณจะเพิ่มมากขึ้น
สุขภาพไม่ใช่เรื่องล้อเล่นครับ คนส่วนใหญ่มักพูดกันว่า สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังใช้ชีวิตไม่คำนึงถึงสุขภาพ เช่น ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด รับประทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียง ไม่ยอมออกกำลังกาย
ตัวอย่างของการดูแลสุขภาพ
× รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น
× ลดการรับประทานเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อแดง
× ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
× รับประทานอาหารให้น้อยลง
× เลิกรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
× ตื่นแต่เช้าตรู่
คนส่วนใหญ่ไม่ยอมออกกำลังกาย โดยมักอ้างว่า “ไม่มีเวลา” แต่ถ้ามีผู้วิเศษหยั่งรู้อนาคตคนหนึ่งมาบอกกับคุณว่า ชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับการออกกำลังกาย และถ้าคุณไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ คุณต้องตายในอีก 1 เดือนข้างหน้า ผมเชื่อว่า คุณต้องหาเวลาได้แน่นอน ดังนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มีหรือไม่มีเวลา
ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการออกกำลังกาย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
1. การออกกำลังกายทำให้สุขภาพดีขึ้น
2. การออกกำลังกายจะช่วยลดน้ำหนัก นอกจากสุขภาพที่ดีขึ้นแล้วยังทำให้บุคลิกภาพดูดีขึ้นด้วย
3. การออกกำลังกายช่วยให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉง มีกลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
4. เมื่อตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักลดลง ความมั่นใจในตัวเองของคุณจะเพิ่มขึ้น (ผมยืนยันได้เลย)
5. สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ลองออกกำลังกายสัก 30 นาทีก่อนการเข้านอนสัก 2 ชั่วโมง แล้วดูผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
6. คุณเคยสังเกตไหมว่า การออกกำลังกายช่วยลดระดับความเครียดได้อย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลก็คือเวลาที่คุณออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟินออกมา และระหว่างออกกำลังกาย คุณจะไม่มีเวลาคิดเรื่องเครียด ๆ
มีงานวิจัยมากมายยืนยันว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คุณมีความสุขในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้น ช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้า ช่วยลดความเสี่ยงของโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เพิ่มประสิทธิภาพในการจำ และคุณประโยชน์อีกมากมาย
หนึ่งในเคล็ดลับของชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ นั่นคือ การลงมือทำบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม
ตราบใดที่ไม่มีการกระทำ ย่อมไม่เกิดผลลัพธ์ เมื่อไม่มีผลลัพธ์ ย่อมไม่มีข้อมูลป้อนกลับ ย่อมไม่เกิดการเรียนรู้ เมื่อไม่มีการเรียนรู้ ย่อมไม่มีการปรับปรุง เมื่อไม่มีการปรับปรุง เราย่อมไม่มีการพัฒนาตัวเองอย่างเต็มศักยภาพได้
ชีวิตอยู่ในมือคุณ ถ้าคุณคิดจะทำอะไร จงลงมือทำตามที่คุณคิด ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ใหญ่โตโดยทันทีหรอกครับ เรียนรู้จากการทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับคุณได้ จงกล้าทำสิ่งที่คุณอยากทำ แล้วคุณจะค้นพบพลังในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ
สำคัญมากนะครับ คุณต้องสนุกกับปัจจุบัน ถ้าคุณไม่รู้สึกสนุก ชีวิตของคุณจะหมดไปวัน ๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต เพราะใจของคุณไม่อยู่กับปัจจุบัน เมื่อทำงานอยู่คุณจะคิดถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ใจของคุณจะคิดไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำในวันจันทร์ ขณะรับประทานอาหารจานหลักอยู่คุณกลับคิดถึงของหวาน เมื่อคุณรับประทานของหวาน คุณกลับหวนคคิดถึงอาหารจานหลัก ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า คุณไม่สนุกกับสิ่งที่ทำสักอย่างครับ
การตัดสินคนอื่น ไม่ต่างจากนิสัยชอบบ่นและชอบต่อว่าคนอื่นไปทั่ว ถ้าคุณอยากมีความสุขมากขึ้น เติมเต็มคุณค่าให้กับชีวิตเพิ่มขึ้น คุณต้องทิ้งอุปนิสัยแย่ ๆ ไปให้ได้ครับ จงยอมรับคนอื่นโดยไม่ตัดสินเขา รวมทั้งไม่ไปคาดหวังอะไรจากเขาด้วย
คุณเสียสละที่นั่งในรถไฟฟ้าหรือรถไฟฟ้าใต้ดินให้คนอื่นได้ หรือจะส่งยิ้มให้กับคนที่เดินผ่านไปมา ทักทายและพูดคุยกับคนอื่นอย่างจริงใจ ปฎิบัติกับคนอื่นอย่างดี พูดขอบคุณจากใจ เปิดประตูให้คนอื่นบ้าง ช่วยยกกระเป๋าหนัก ๆ เก็บไว้ที่ช่องเหนือศีรษะบนเครื่องบินบ้าง
ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้น จงเริ่มที่ตัวคุณเอง คุณเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ !
จงแก้ไขปัญหาและกล้าเผชิญหน้า เพราะถ้าคุณหลบเลี่ยง ปัญหาเหล่านั้นจะวนเวียนไล่ล่าคุณไปเรื่อย ๆ ถ้าคุณไม่แก้ไข ปัญหาเหล่านั้นจะเกิดขึ้นอีกซ้ำเล่าจนกว่าคุณจะเริ่มเรียนรู้แล้วลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง
การเผชิญหน้ากับปัญหาอาจเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าการหลีกเลี่ยงและเอาแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน หยุดหาวิธีแก้ปัญหาจากภายนอก และเริ่มต้นค้นหาจากตัวของคุณเองนี่แหละครับ
ในปัจจุบันประโยชน์ของการทำสมาธินั้นเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลาย มีคนเริ่มฝึกสมาธิกันมากขึ้น ประโยชน์อันโดดเด่นของการทำสมาธิคือ การช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด บรรเทาความวิตกกังวล ความโกรธ ความหวาดระแวงหรือแม้กระทั่งบรรเทาอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย
มีงานวิจัยระบุว่า การทำสมาธิช่วยลดความดันโลหิต และความเจ็บปวดได้
การเริ่มต้นฝึกสมาธิ ฝึกจนกลายเป็นอุปนิสัยที่คุณทำได้ทุกวัน
1. หาสถานที่เงียบสงบไม่มีสิ่งใดรบกวนคุณและอยู่ตรงนั้น 15-20 นาที ถ้าคุณใช้สถานที่เดิม เวลาเดิม ทำสมาธิทุกวันจะดีมากครับ คุณยังจำความวิเศษของช่วงเช้าตรู่ได้ไหม เวลานั้นอาจเป็นเวลาที่ดีในการทำสมาธิครับ
2. ก่อนเริ่มทำสมาธิ ผมอยากให้คุณใช้พลังแห่งการยืนยัน เพื่อให้คุณรู้สึกผ่อนคลายด้วยการพูดกับตัวเอง เช่น ตอนนี้ฉันมีสติและผ่อนคลาย
3. ตั้งนาฬิกาปลุกไว้สัก 20 นาที คุณจะได้ไม่กังวลเรื่องเวลา และทำสมาธิได้อย่างเต็มที่
4. คุณจะนั่งหรือนอนหงายก็ได้ครับ จากนั้นให้หลับตาลง คุณอาจลืมตาและจ้องไปที่จุดใดจุดหนึ่งของห้อง หรือมองวิวธรรมชาติก็ได้ครับ หากคุณนั่งริมหน้าต่าง
5. ระหว่างทำสมาธิให้คุณจดจ่อและเฝ้าสังเกตไปที่ลมหายใจของคุณ ทำใจให้สบาย
6. ระหว่างทำสมาธิ ถ้าคุณเผลอคิดวอกแวก ไม่ต้องหักห้ามครับ แต่ให้คุณเฝ้าดูว่าคุณกำลังคิดเรื่องอะไร เหมือนเฝ้าดูเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า แล้วค่อย ๆ ทำใจให้ว่างลง เฝ้าดูจิตของคุณ จนกว่าจะนิ่งราวกับน้ำในทะเลสาบที่ปราศจากระลอกคลื่น
วิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้มีความสุขขึ้นมาทันทีทันใด นั่นคือ การฟังเพลงที่เราชื่นชอบครับ ให้จัดอันดับเพลงที่คุณชอบที่สุดไว้ฟังเลยครับ
**เขียนเพลงที่คุณชื่นชอบที่สุดมา 5 เพลงครับ**
ความกังวลไม่มีประโยชน์อะไรเลย ต่อให้คุณกังวลมากแค่ไหน คุณก็กลับไปแก้ไขอดีตหรือกำหนดอนาคตไม่ได้หรอก สรุปแล้ว ความกังวลไม่ช่วยอะไรเลย ในทางกลับกันมีแต่จะทำให้คุณท้อแท้ หมดกำลังใจ แถมยังเสียเวลาในปัจจุบันไปอย่างเปล่าประโยชน์
เวลาที่คุณต้องใช้ไปกับการนั่งอยู่ในรถส่วนตัวหรือรถสาธารณะอื่น ๆ เพื่อนเดินทางในแต่ละวันนั้นมากน้อยแค่ไหน จากสถิติจะอยู่ระหว่างวันละ 60-90 นาที เท่ากับว่าในเดือนหนึ่ง ๆ เราต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางถึง 20-30 ชั่วโมงเชียวนะครับ
คนที่ชอบพูดว่า “ไม่ค่อยจะมีเวลา” ทีนี้แหละครับ เราหาเวลาให้คุณได้แล้ว ตอนนี้คุณมีเวลาในการอ่านหนังสือดี ๆ ได้เดือนละ 20-30 ชั่วโมงเชียวนะครับ (ระหว่างกำลังนั่งรถประจำทางหรือรถไฟฟ้า) หรือคุณจะฟังหนังสือเสียงระหว่างขับรถก็ได้
หนึ่งในความเสียใจของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่กำลังจะตายในอีกไม่ช้าคือ การที่พวกเขาไม่มีโอกาสใช้เวลากับครอบครัวให้มากพอ เพราะพวกเขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่กับที่ทำงาน อย่ายอมให้ตัวคุณต้องเดินซ้ำรอยและเสียใจอย่างนี้ในอนาคต จงเริ่มจัดสรรเวลาให้กับครอบครัวตอนนี้เลย และเมื่อไหร่ที่คุณได้อยู่กับครอบครัว จงใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของคุณให้เต็มที่
ตั้งสติ แล้วหันมาให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อนของคุณให้มากขึ้น พวกเขาคือคนที่รักและคอยสนับสนุนคุณอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย พวกเขาทำให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเองและมีความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้นอยู่เสมอไม่ใช่หรือ
“จงอย่ารับโทรศัพท์ทุกครั้งที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น” การรับโทรศัพท์มือถือของคุณขึ้นอยู่กับว่า คุณสะดวกรับสายหรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องรับทุกสายที่โทรเข้ามาครับ จงให้อิสรภาพกับตัวเองบ้าง ปล่อยให้คนที่โทรมาฝากข้อความเสียงไว้
คุณกำลังเผชิญหน้ากับปัญหามากมายใช่ไหมครับ ผมขอแสดงความยินดีด้วย ! ผมไม่ได้พูดเล่นนะ คุณมีโอกาสมากมายที่จะเติบโตเชียวละ เพราะปัญหาเป็นโอกาสที่คุณจะเติบโต เรียนรู้ และพัฒนา ดังนั้น จงมองปัญหาที่คุณกำลังประสบอยู่ในแง่บวกครับ
คุณเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างไร และคุณเรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มเรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้น ชีวิตคุณจะดีขึ้น
การใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความเครียดและความเร่งรีบ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องชะลอชีวิตให้ช้าลง หาเวลาพักผ่อน และเติมพลังให้กับตัวเองด้วยการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบ้าง คุณเริ่มต้นด้วยการกำหนดช่วงเวลาพักผ่อนให้ตัวเองอย่างชัดเจนในตารางงานประจำสัปดาห์
ผมอยากให้คุณหาเวลาพักผ่อน ไปอยู่กับธรรมชาติเสียบ้างครับ จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวไกล ๆ หรือไปติดต่อกันหลายวันก็ได้ครับ ไปเที่ยวป่าเขา ทะเล หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไหนก็ได้ และจงสังเกตตัวเองว่า คุณรู้สึกอย่างไรหลังจากที่คุณกลับมา
กิจกรรมหลังเลิกงานที่น่าสนใจมีอยู่มากมาย
× หาที่พักผ่อนเงียบ ๆ ตามลำพัง
× ชวนคนรักเดินชมธรรมชาติ
× เข้าสปา
× หาเรื่องฉลองให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องดี ๆ อะไรก็ได้
× โทรศัพท์คุยกับเพื่อน
× นัดกินอาหาร
× ไปนวดเพื่อผ่อนคลาย
× หาอะไรดื่ม
× ชมภาพยนต์ ละครเวที หรือคอนเสิร์ต
× ไปทำแล็บ
× หาภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่อง กลับไปดูที่บ้าน
× หาที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น
คนเราจะก้าวหน้าและพัฒนาได้ด้วยการออกไปจากพื้นที่สุขสบาย ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนงาน เริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องการความคิดสร้างสรรค์ หรืออยากหลุดพ้นจากสภาพที่ทุกอย่างมีแต่เรื่องเดิม คุณต้องก้าวขาออกมาจากพื้นที่สุขสบายให้ได้
เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทันที เมื่อคุณก้าวขาออกจากพื้นที่สุขสบาย และมุ่งหน้าสู่ความไม่รู้และความไม่แน่นอน คุณจะเริ่มเติบโตขึ้น คุณอาจรู้สึกกังวลและอึดอัดอยู่บ้าง แต่นั้นเป็นสัญญาณที่ดีครับ เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า คุณกำลังก้าวไปข้างหน้า เมื่อไหร่ที่รู้สึกแบบนี้อย่าได้กลัวหรือสงสัยอะไร เดินหน้าต่อไปได้ครับ
สิ่งที่คุณต้องจ่ายเพื่อให้ร่างกายสมส่วนขึ้นนั่นคือ การออกกำลังกาย ราคาที่คุณต้องจ่ายสำหรับการไม่ออกกำลังกายคือ ร่างกายที่อ้วนขึ้น ถ้าคุณต้องการเวลาในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น ราคาที่คุณต้องจ่ายคือ การตื่นนอนให้เช้าขึ้นหรือดูโทรทัศน์ให้น้อยลง ราคาที่คุณต้องจ่ายให้กับการผัดวันประกันพรุ่งคือ ความกังวลและความอึดอัด
ทุกสิ่งในโลกล้วนไม่จีรัง ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะ ความพ่ายแพ้ ความปีติยินดี หรือความโศกเศร้า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ไม่นานก็จะผ่านไป สิ่งที่เหมือนจะสำคัญมากในวันนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปในอีก 1 เดือนหรือ 3 เดือนข้างหน้า ในทำนองเดียวกัน หายนะที่เกิดขึ้นกับคุณในวันนี้อาจเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่ามากในอีก 3 เดือนข้างหน้าก็ได้
ที่ปรึกษาที่ดีจะช่วยคุณได้ในหลายเรื่อง เช่น ช่วยให้คุณมีความชัดเจนในสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง สนับสนุนให้คุณเดินหน้าต่อในยามที่รู้สึกอยากล้มเลิก ช่วยคุณกำหนดเป้าหมายได้ดีขึ้นและมีคุณค่าต่อชีวิตมากขึ้น ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ง่ายและเร็วขึ้น ช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวภายในจิตใจ ช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิผล ช่วยให้คุณพัฒนาตนเองได้เร็วขึ้น เอาชนะอุปนิสัยที่ไม่ดีของตัวเอง ช่วยให้คุณค้นพบเป้าหมายที่แท้จริง ให้ดำเนินชีวิตได้อย่างสอดคล้องกับคุณค่าที่คุณยึดถือ ระหว่างกระบวนการให้คำปรึกษา คุณจะได้เรียนรู้การรับผิดชอบกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ซึ่งจะทำให้คุณมีทักษะการตัดสินใจที่ดีขึ้นในที่สุด
คนส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตเหมือนมีเวลาบนโลกแบบไม่จำกัด เรามักใช้ชีวิตตามใจตัวเองไปเรื่อย โดยละเลยสิ่งสำคัญบางอย่างไปเสมอ เมื่อไหร่คุณจะเริ่มดูแลสุขภาพตัวเองเสียที เมื่อไหร่จะเริ่มออกกำลังกาย เมื่อไหร่จะเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เมื่อไหร่จะลงมือทำสิ่งที่คุณอยากทำ เมื่อไหร่จะมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น พรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า วันจันทร์หน้า เดือหน้า หรือต้องถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียก่อน ต้องรอจนกว่าคุณจะได้งานใหม่ หรือต้องรอให้โครงการที่คุณทำอยู่เสร็จสิ้นเสียก่อน
5 เรื่องสุดเสียใจของผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ยังไม่ได้ทำในชีวิตก่อนตาย
1. ฉันน่าจะใช้ชีวิตในแบบที่ฉัยอยากเป็น ไม่ใช่แบบที่คนอื่นคาดหวัง
2. ฉันไม่ควรทำงานหนักอย่างนี้เลย
3. ฉันน่าจะกล้าพูดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
4. ฉันน่าจะใช้เวลากับคนที่ฉันรักให้มากกว่านี้
5. ฉันน่าจะใช้ชีวิตเพื่อให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้
จงใช้ชีวิตของคุณให้เต็มที่เดี๋ยวนี้เลย จำไว้ครับว่า ความล้มเหลวเป็นเพียงข้อมูลป้อนกลับที่ทำให้คุณได้เรียนรู้ปัญหาเป็นโอกาสให้คุณได้พัฒนาตนเอง จงลงมือทำสิ่งที่คุณต้องการทำอยู่เสมอ อย่าผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป อย่าตึงกับชีวิตให้มากนัก ปล่อยวางให้ชีวิตดำเนินไปตามวิถีที่ควรจะเป็น
ชื่อหนังสือ : คนสำเร็จ เขามีนิสัยแบบไหน?
ชื่อสำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส (Change+)
ชื่อนักเขียน : March Reklau
ชื่อผู้แปลและเรียบเรียง : ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
จำนวนหน้า : 240 หน้า
ราคา : 225 บาท
หนังสือคนสำเร็จ เขามีนิสัยแบบไหน เป็นหนังสือคู่มือเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ภายใน 30 วัน ที่ผมอ่านแล้วชอบมาก ๆ อ่านแล้วสนุก เพลิน เข้าใจง่าย แนะนำให้ทุกคนหาลองมาอ่านกันให้ได้เลยครับ
>>> อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง <<<
14.06.2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา