2 ก.ค. 2020 เวลา 00:30 • ความงาม
5 ช่วงเวลาที่มาส์กหน้าเเล้วไม่ได้ผล !!
ใช้แผ่นมาส์กสิ้นเปลืองกันอยู่รึเปล่า? มาส์กหน้าผิดเวลาอาจจะทำให้ไม่ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ น่าเสียดายเงินที่ซื้อมาส์กหน้าราคาแพงเอาเปล่าๆ นะ
สาวๆ ย่อมอยากที่จะมีผิวใส ผิวนุ่ม รูขุมขนเล็ก ใบหน้าเนียน สุขภาพดีกันใช่ไหมล่ะคะ การมาส์กหน้าก็คือทางเลือกหนึ่งในการบำรุงดูแลผิวแบบง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านค่ะ แค่เลือกมาส์กหน้าที่บำรุงดี เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเองมาใช้ แต่แค่นั้นก็ยังไม่พอค่ะ ช่วงเวลาแห่งการมาส์กหน้านี้ก็สำคัญเช่นกันนะคะ ว่าจะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้มาส์กนี้ดีไหม หากใช้ไม่ถูกเวลาก็เสียดายแผ่นมาส์กไปเปล่าๆ กันพอดี งั้นก็ควรมารู้กันเลยค่ะ ว่าช่วงเวลาไหนที่ไม่ควรจะมาส์กหน้ากันบ้าง
1. ช่วงที่อาบน้ำอยู่
ช่วงระหว่างที่อาบน้ำอยู่ คือช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดใบหน้าอย่างเดียวเสียมากกว่า และความชื้นในห้องน้ำก็มีอยู่มากด้วย จะลดทอนประสิทธิภาพในการดูดซึม essence ของแผ่นมาส์กไปเสียเปล่าๆ ดังนั้นตอนที่อาบน้ำนี้จึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาส์กหน้าเลย ช่วงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ก็เช่นกัน มันคือช่วงที่รูขุมขนกำลังเปิด แต่ก็ไม่เหมาะที่จะมาส์กหน้าอยู่ดี เพราะว่าจะเป็นการนำพาสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เป็นสิวเอาได้มากกว่า ดังนั้นควรจะมาส์กหลังอาบน้ำเสร็จสักพักใหญ่ๆ จะดีกว่าค่ะ
2. ช่วงที่มีสิวบุก
การบำรุงผิวหน้าในช่วงที่มีสิวอยู่นั้น แทนที่จะได้บำรุงผิว กลับจะเป็นเพิ่มการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุทำให้สิวเกิดการกระจายตัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะทำให้แผลที่เป็นสิวอยู่ อักเสบ และรักษาหายยากกว่าเดิม แผ่นมาส์กหน้าบางชนิดอาจจะมีส่วนผสมบางอย่าง ที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้สิวหายยากได้ ดังนั้นช่วงไหนที่มีสิวก็อย่าได้มัวแต่มาส์กหน้าเลี้ยงสิวอยู่เลย ให้เว้นช่วงที่มีสิวเอาไว้สำหรับทายารักษา และส่วนอื่นก็ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงแทนไปก่อนเถอะค่ะ
3. ช่วงดึกเกินไป
ตั้งแต่ช่วงหลังสี่ทุ่ม เป็นต้นไป คือช่วงเวลาที่ผิวหน้าจะฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งสารเมลาโทนิน เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกเพลีย ง่วง อยากนอน ดังนั้นหากคุณสาวๆ มาส์กหน้าบำรุงในช่วงนี้ จะทำให้เกิดความรู้สึกกังวลพะวงกับแผ่นมาส์กที่ยังแปะอยู่ เป็นการไปขัดขวางสารเมลาโทนินทำให้ร่างกายผลิตได้ไม่เต็มที่ ทำให้นอนหลับไม่สนิทดีนัก อีกทั้งกลับจะทำให้ผิวหน้าฟื้นฟูตัวเองได้น้อยลงอีกด้วย รวมถึงการนอนหลับทั้งๆ ที่ยังมาส์กหน้าทิ้งไว้จนแผ่นมาส์กแห้งก็ไม่ใช่ผลดีกับผิวด้วย "เพราะมันจะเกินเวลาที่แผ่นมาส์กทำงานได้ดีที่สุดและจะไปดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวแทน" ดังนั้นแล้วหากอยากปรนนิบัติผิว บำรุงอย่างล้ำลึกควรจะมาส์กหน้าตั้งแต่หัวค่ำไปเลยดีกว่าค่ะ
4. ตอนอยู่ในห้องปรับอากาศ
บางคนอยากได้ความสบายจึงเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแล้วมาส์กหน้าไปด้วย แต่อากาศในห้องที่เปิดแอร์นั้น จะมีความชื้นน้อยอากาศค่อนข้างแห้งมาก เมื่อมาศ์กหน้าแล้วจะทำให้แผ่นมาร์คหน้าแห้งอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ไม่ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ อีกทั้งอาจจะดึงเอาน้ำและความชุ่มชื่นออกจากผิวเราอีกด้วย ดังนั้นแล้วตอนที่มาส์กหน้า ควรมาส์กในอุณหภูมิห้องตามปกติ ถ้าร้อนก็เปิดพัดลมเอาแทนดีกว่าค่ะ ทั้งนี้รวมถึงการแช่มาส์กไว้ในตู้เย็นเองก็ไม่ใช่ผลดีกับผิวหน้าด้วยเช่นกัน เพราะแผ่นมาส์กที่เย็นจะทำให้รูขุมขนปิด ทำให้ผิวดูดซึมเอสเซนส์เข้าไปได้น้อยกว่าในอุณหภูมิปกตินะคะ
5. ตอนที่ร่างกายอ่อนล้าหรือป่วย
ช่วงที่ร่างกายกำลังเหนื่อยล้า อย่างตอนที่มีอาการเจ็บป่วย ภูมิคุ้มกันของร่างกายรวมถึงผิวหนังก็จะลดลงไปด้วย ทำให้ผิวหน้าของคุณดูหมองคล้ำ หลายๆ คนกลัวว่าใบหน้าจะหมองเลยต้องรีบหามาส์กมาบำรุงผิวหน้า แต่ความจริงแล้วนั้นในช่วงที่ร่างกายยังเหนื่อยล้าเพราะไม่สบายอยู่นี้ หน้าตาหมองก็เป็นเรื่องปกติของคนที่ไม่สบายอยู่แล้ว การมาส์กหน้าจะทำให้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผิว อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดผดผื่น ผิวอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้วควรที่จะให้ร่างกายได้พัก หายป่วยเสียก่อน แล้วค่อยมาบำรุงมาส์กหน้าเอาจะดีกว่าค่ะ
ดังนั้นแล้ว ก่อนแกะแผ่นมาส์กหน้ามาใช้ ลองดูเวลาและเช็คสภาพตัวเองก่อนนะคะ ว่าพร้อมที่จะใช้แล้วหรือยัง เพื่อให้การมาส์กหน้านั้นได้ประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้มาส์กหน้าได้สวยใสสมใจ คุ้มกับราคามาส์กที่ลงทุนไปด้วยค่ะ
บทความ โดย : Akine_noxx
เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บ Spice/Pepper
ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ
โฆษณา