2 ก.ค. 2020 เวลา 03:23 • ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่าจากปกรณัมกรีก ตอนที่ 4 : การกำเนิดมนุษย์
เมื่อศึกใหญ่ของเหล่าทวยเทพได้ผ่านพ้นไปแล้ว โลกใบนี้ก็ถึงเวลาที่จะเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตสักที
1
ซุสที่ปกครองโอลิมปัสมาได้สักพักหนึ่ง เริ่มมีความต้องการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลก ได้มีบัญชาให้เทพไททันสององค์ คือ โพรมีธีอุส (Prometheus) ที่แปลว่า “คิดก่อนทำ” หรือ มองการณ์ล่วงหน้า และ เอพิมีธีอุส (Epimetheus) ที่แปลว่า “ทำก่อนคิด” หรือ มองการณ์ย้อนหลัง ผู้เป็นอนุชา สร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตขึ้นมา
เอพิมีธีอุส ด้วยความที่มีนิสัยทำก่อนคิด มิรอช้า ได้ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตขึ้นมาจากก้อนดิน สรรพสัตว์มากมายเกิดขึ้นพร้อมด้วยความสามารถที่หลากหลาย สิงโตผู้มากความน่าเกรงขาม ม้าผู้ว่องไวและองอาจ ปักษาที่โบยบินไปบนผืนนภา หรือสร้างมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ในวารี
แต่เมื่อคราวจะสร้างมนุษย์ขึ้นมา เขากลับนึกขึ้นได้ทีหลังว่า ไม่เหลือความสามารถไหนที่จะใส่ให้มนุษย์เลย เพราะใส่ให้สัตว์อื่นไปหมดแล้ว
โพรมีธีอุส ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แล้วจึงปั้นมนุษย์ขึ้นมาโดยให้มีลักษณะเหมือนเทพเจ้าทุกประการ และได้มอบความสามารถที่เหลือล้ำกว่าสัตว์ใดๆ นั่นคือ สติปัญญา (Wisdom) ที่เหนือล้ำกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ เพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดไป
Prometheus create human from soil
โพรมีธีอุสรักสิ่งประดิษฐ์ของเข้ายิ่งนัก ด้วยความที่มนุษย์นั้น มิได้มีพละกำลังเหมือนดั่งสัตว์อื่น มีเพียงแค่ร่างกายปวกเปียก กับ สิ่งปัญญาอันล้ำเลิศ จึงได้ขึ้นไปยังโอลิมปัส ขโมยดวงไฟจากเทพีเฮสเทีย นำลงมาให้มนุษย์
นับแต่นั้น มนุษย์จึงรู้จักใช้ไฟ เปลวไฟแห่งชีวิต ก่อให้เกิดภูมิปัญญาและวัฒนธรรมต่างๆนานา ปลดแอกจากความไม่รู้และอำนาจของเหล่าทวยเทพ
Prometheus steal fire of Hestia
ไม่เพียงแค่นั้น โพรมีธีอุสยังแนะนำให้มนุษย์บูชาทวยเทพด้วยกระดูกที่ห่อปิดไว้ด้วยไขมัน อีกกองหนึ่งเป็นเนื้อล้วนๆ แต่ปิดไว้ด้วยเครื่องใน ไว้กินกันเอง เพราะถ้าหากบูชาเทพด้วยเนื้อ มนุษย์ก็จะไม่มีอะไรเหลือไว้รับประทาน
แต่การขโมยไฟจากสวรรค์ และอุบายบูชาด้วยกระดูกนั้น ถือเป็นโทษมหันต์นัก เทพซุส มิอาจให้อภัยกับการกระทำอันหยามเกียรติของโพรมีธีอุสและเหล่ามนุษย์ได้ พลันลืมบุญคุณที่โพรมีธีอุสเคยช่วยเหลือเหล่าเทพในสงครามไททันไปอย่างสิ้นเชิง
ซุสลงโทษโพรมีธีอุสโดยการจองจำไว้ ณ เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ล่ามโซ่ไว้ด้วยหินหนัก แล้วให้นกอินทรีโฉบลงมาฉีกท้องกินตับทุกเช้า แล้วตับจะงอกมาใหม่ในตอนเย็น เป็นเช่นนี้ทุกวัน โพรมีธีอุสต้องทนทุกข์ทรมานกับการลงทัณฑ์เป็นเวลานานแสนนาน รอคอยผู้มาปลดปล่อยตน เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ชาวกรีกในสมัยนั้นมีความรู้ในด้านการแพทย์พอสมควร ว่าตับ เป็นอวัยวะที่งอกใหม่ได้รวดเร็ว
The punishment of Prometheus
มนุษย์ซาบซึ้งในบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของโพรมีธีอุส ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละและโอบอุ้มมวลมนุษย์ และผู้ที่กล้าหาญท้าทายอำนาจของเทพเจ้า จึงยกย่องและนับถือโพรมีธีอุสนับแต่นั้นมา
กลับมาทางด้านซุส สืบเนื่องจากการกระทำของโพรมีธีอุส มนุษย์เริ่มจะห่างไกลจากอำนาจของเหล่าเทพ และยังกล้าหยามตน จึงจัดการลดทอนอำนาจลงซะ นั่นคือ สั่งในเฮเฟทัสสร้างมนุษย์เพศหญิงนางหนึ่งขึ้นมา โดยให้ชื่อว่า แพนโดรา (Pandora) โดยเลียนแบบมาจากรูปร่างของเทพเจ้าเพศหญิง ถือเป็นสตรีคนแรกของโลก แพนโดรา แปลว่า “ของขวัญ”
Pandora
บรรดาทวยเทพได้มอบคุณสมบัติต่างๆแก่แพนโดรา เช่น เทพีอะโฟรไดท์ มอบความงามและมนต์เสน่ห์ เทพีอาเธน่า มอบสติปัญญา เทพเฮอร์เมส มอบความมีชีวิตชีวา ส่วนเทพซุส มอบสิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุด นั่นคือ “ความอยากรู้อยากเห็น”
เมื่อสร้างเสร็จสับ จึงมอบแพนโดราแก่เอพิมีธีอุส น้องชายจอมวู่วามของโพรมีธีอุส ที่ขึ้นชื่อเรื่องทำก่อนคิด ทันทีที่ได้ยลโฉมนาง เขาก็ตกหลุมรักนางทันที โดยลืมคำเตือนของพี่ชายไปสิ้นว่า “อย่ารับของสิ่งใดทั้งสิ้นจากเทพซุส”
เอพิมีธีอุสและแพนโดราก็ได้สมรสกันและให้กำเนิดบุตรมนุษย์มากมายสืบต่อมา แพนโดราไม่ได้มาตัวเปล่า แต่เทพซุสได้มอบกล่องลึกลับมาแก่แพนโดราเช่นกัน โดยกำชับว่า “ห้ามเปิดกล่องนี้โดยเด็ดขาด”
แต่ด้วยแพนโดรามีความอยากรู้อยากเห็นติดตัวมา ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ กล่องนี้ช่างดูลึกลับ น่าค้นหาเสียเหลือเกิน นางได้แอบเปิดกล่องใบนี้เข้า
ทันทีที่เปิดออกมา สิ่งต่างที่อยู่ในกล่อง ทั้งความชั่วร้าย บาป ตัณหา ราคะ ความหยิ่งยโส ความเลวทราม ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความทุกข์ ได้ออกมาสู่โลกในทันที กลายมาเป็นกิเลสทั้งหลายในตัวมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นทวยเทพในยุคเริ่มต้นที่ซุสได้กักขังเอาไว้
The releasing of Pandora’s box
เมื่อแพนโดราได้รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ นางก็ได้ปิดกล่องทันที และนางก็ได้รับรู้ถึงความโศกเศร้า รู้สึกผิด และสิ้นหวัง เมื่อได้ทำสิ่งที่มิควรลงไปเสียแล้ว
ในขณะนั้นเอง สิ่งสุดท้ายในกล่องได้ส่งเสียงบอกแพนโดราให้ปลดปล่อยมันออกมา นางเกิดหวาดกลัว มิกล้าเปิดกล่องอีก สิ่งนั้นจึงบอกแก่นางว่า “หากปลดปล่อยข้าออกมา ความเจ็บปวดของเจ้าจะได้รับการเยียวยา”
นางจึงเปิดมันออกมาอีกครั้ง สิ่งนั้นมิใช่สิ่งใด แต่เป็น ความหวัง (Hope) สิ่งสุดท้ายที่เทพซุสได้ประทานให้แก่มนุษย์ เป็นความเมตตาท่ามกลางความโศกเศร้า คอยหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
The last things from Pandora’s box
จะเห็นได้ว่า ตำนานกล่องแพนโดรานั้น คล้ายคลึงกับตำนานบาปกำเนิด (Original sin) ของชาวคริสต์ยิ่งนัก แต่เปลี่ยนจากกล่อง ไปเป็นแอปเปิ้ล ผลไม้แห่งบาปและปัญญา ทำให้อดัมและอีฟ ต้องถูกขับไล่ลงมาจากสวงสวรรค์อันไร้ความดีหรือความชั่ว ลงมาสู่โลกมนุษย์
จึงเป็นที่มาของสำนวน “Pandora’s Box” หมายถึง การกระทำสิ่งเล็กน้อยแต่ส่งผลอันใหญ่หลวงตามมา
เมื่อความชั่วร้ายถูกปลดปล่อย มนุษย์ก็เหมือนมีบาปติดตัว เริ่มก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งปล้น ประพฤติผิดในกาม ลักขโมย เริ่มหันมาฆ่าฟันกันเอง จนเกิดสงครามขึ้นมา และลืมแม้กระทั่งเทพเจ้าจนหมดสิ้น เทพซุสจึงทรงตัดสินใจบันดาลให้น้ำท่วมโลก ล้างบางมนุษย์ชั่วร้ายให้หมดสิ้น
ใครจะเป็นผู้รอดชีวิตจากน้ำท่วมโลกนี้ แล้วสิ่งใดจะบังเกิดขึ้นมาต่อจากนั้น รอติดตาม EP หน้าครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา