“สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 แห่งโลกยุคโบราณ (Seven Wonders of the Ancient World) สิ่งมหัศจรรย์ในหน้าประวัติศาสตร์โลก” ตอนที่ 4
“เทวรูปซุสที่โอลิมเปีย (The Statue of Zeus at Olympia)”
สิ่งมหัศจรรย์ลำดับต่อไป คือ “เทวรูปซุสที่โอลิมเปีย (The Statue of Zeus at Olympia)”
ก่อนจะพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์นี้ คงต้องพูดถึงกีฬา “โอลิมปิก (Olympic)” ก่อน
กีฬาโอลิมปิกที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน จริงๆ มีมาเป็นเวลานานมากแล้ว
โอลิมปิกเริ่มต้นที่กรีซเมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล
โอลิมปิกครั้งแรกที่กรีซ
โอลิมปิกจะจัดขึ้นทุกๆ สี่ปี โดยจะจัดในเทวสถานที่สร้างขึ้นเพื่อบูชา “ซุส (Zeus)” ราชาแห่งเทพเจ้ากรีก
ซุส (Zeus)
เทวสถานนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “เพโลพอนเนซัส (Peloponnesus)”
นักกีฬาจากต่างดินแดนได้มารวมตัวกันเพื่อแข่งขัน
ในเวลานั้น กรีกยังไม่ได้เป็นดินแดนหนึ่งเดียวดังเช่นทุกวันนี้ หากแต่ประกอบด้วยนครรัฐหลายแห่ง และแต่ละแห่งก็มักจะทำสงครามกัน แต่เมื่อถึงเวลาของกีฬาโอลิมปิก ก็ได้มีการหยุดทำสงครามชั่วคราว
บริเวณที่ทำการแข่งขันคือสนามกีฬาขนาดใหญ่ และบริเวณป่าเล็กๆ ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารสองสามแห่ง
ในทีแรก เทวสถานหรือวิหารที่สร้างเพื่อบูชาเทพเจ้าซุส ก็ไม่ได้ใหญ่โต อลังการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กีฬาโอลิมปิกเริ่มจะได้รับความนิยมมากขึ้น จึงคิดกันว่าวิหารนี้ควรจะต้องยิ่งใหญ่
วิหารแห่งใหม่สร้างเสร็จเมื่อ 460 ปีก่อนคริสตกาล และก็มีความใหญ่โตไม่แพ้วิหารอื่นๆ
แต่ถึงจะใหญ่โตและสวยงาม แต่วิหารนี้ก็ไม่ได้โด่งดังเพราะความใหญ่โต หากแต่เป็นเทวรูปซุสในวิหารต่างหาก
ผู้ที่ได้รับหน้าที่ให้สร้างเทวรูป คือ “ฟิเดียส (Phidias)” ประติมากรคนสำคัญของกรีก
ฟิเดียส (Phidias)
ฟิเดียสได้เดินทางไปเตรียมงานที่โอลิมเปีย ซึ่งกว่าเขาจะสร้างเทวรูปนี้เสร็จ ก็ต้องใช้เวลาถึง 12 ปีเลยทีเดียว
เมื่อสร้างเสร็จ เทวรูปนี้มีขนาดกว้าง 22 ฟุต สูง 40 ฟุต โดยเทวรูปซุสนั้นนั่งบนบัลลังก์ หัวเกือบจะติดหลังคา
การตกแต่งนั้นก็ตกแต่งอย่างหรูหรา ทั้งผ้าคลุม รองเท้า ล้วนแต่ทำมาจากทองคำ โดยมือข้างขวา เทพเจ้าซุสถืองาช้างที่ทำเป็นรูปเทพี “ไนกี้ (Nike)” เทพีแห่งชัยชนะ
มือข้างขวาถือคทา สัญลักษณ์แห่งอำนาจ
เทพีไนกี้ (Nike)
บัลลังก์ที่เทพเจ้าซุสนั่ง ก็ประดับด้วยทองคำ ไม้มะเกลือ และงาช้าง ฝังด้วยหินเลอค่าจากดินแดนต่างๆ
บัลลังก์นั้นยังมีการแกะสลักเป็นรูปเทพเจ้ากรีกและสัตว์ในเทวตำนานมากมาย
ต่อมา 170 ปีก่อนคริสตกาล ได้เกิดแผ่นดินไหว ทำให้เทวรูปเสียหาย แต่ก็ได้มีการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่
ต่อมา ศาสนาคริสต์ได้เข้ามามีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ และหลังปีค.ศ.392 (พ.ศ.935) โอลิมปิกก็ถูกยกเลิก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นการนอกรีต
สำหรับเทวรูปซุสนั้น ก็ได้ถูกย้ายไปที่อื่นและกลายเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นของเศรษฐีชาวกรีกที่อาศัยอยู่ในคอนสแตนติโนเปิล
เชื่อกันว่าเทวรูปนี้ถูกไฟเผาไปหมดเมื่อคราวไฟไหม้ในปีค.ศ.475 (พ.ศ.1018)
ได้มีการสร้างเทวรูปเลียนแบบออกมา แต่ต่างก็สาปสูญไปหมด มีเพียงภาพบนเหรียญโบราณที่ทำให้รู้ว่าเทวรูปนี้เป็นยังไง
ได้มีการสำรวจหาร่องรอยของเทวรูปนี้หลายครั้ง ซึ่งก็พบร่องรอยต่างๆ จนในยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) จึงมีการพบอุปกรณ์แกะสลักของฟิเดียส รวมทั้งงาช้างอีกด้วย
ถึงแม้ในปัจจุบัน เทวรูปนี้จะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่กีฬาโอลิมปิกก็ได้กลับมาและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
นี่ก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างที่ 4 นะครับ และสำหรับตอนต่อไป
“สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสซัส (Mausoleum at Halicarnassus)”
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสซัส (Mausoleum at Halicarnassus)
จะมาตอนแรกในเร็วๆ นี้ ฝากติดตามด้วยนะครับ
- 19
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
