21 ก.ค. 2020 เวลา 06:54 • กีฬา
Energy Systems and Physiology
“Fueling Aerobic Metabolism”
ผู้เขียนบทความ : J.M. Stager, PhD, Jonathon Stickford, PhD, and Kirk Grand
ผู้แปล : SW8
Cr. รูปภาพ https://www.freepik.com/
ในบทความที่แล้ว เราได้กล่าวถึงหัวข้อ
“การสลายอาหารแบบใช้ออกซิเจนและประสิทธิภาพการว่ายน้ำ”
ใครยังไม่ได้อ่าน สามารถไปย้อนอ่านได้
ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงหัวข้อย่อยที่ 5 ในเรื่อง Fueling Aerobic Metabolism
การเผาผลาญพลังงานแบบออกซิเจน
==> ในบทนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่เป็นความรู้พื้นฐานสำหรับผู้ที่อยากเข้าใจกระบวนการให้พลังงานในการฝึกซ้อมและแข่งขัน
==> สารตั้งต้นที่จำเป็นสำหรับการเผาผลาญออกซิเจนนั้น มาจากการสลายตัวของน้ำตาล, ไขมัน และโปรตีน ซึ่งรวมกันนำไปสู่การสังเคราะห์เอทีพี ATP
ความสำคัญของน้ำตาลที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการออกกำลังกาย หรือการแข่งขันนั้น เชื่อมโยงกับน้ำตาลภายในกล้ามเนื้อที่กำลังใช้งานอยู่
==> น้ำตาลถูกเก็บไว้เป็นไกลโคเจนในกล้ามเนื้อมีปริมาณที่จำกัด ส่วนที่เหลือจะเอาไปเก็บไว้ในตับ เมื่อไกลโคเจนในกล้ามเนื้อหมดลงร่างกายจะดึงไกลโคเจนในตับออกมาเพื่อส่งไปยังกล้ามเนื้อที่กำลังทำงาน โดยเฉพาะช่วงที่ซ้อมแบบฝึกความอดทนหรือช่วงที่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ การบริโภคคาร์โบไฮเดรตอย่างเพียงพอหลังออกกำลังกายจะช่วยฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
==> การเกิดออกซิเดชันของโมเลกุลกลูโคสหนึ่งโมเลกุลในระหว่างกระบวนการสลายอาหารแบบไม่ใช้ออกซิเจนจะได้ ATP เจ็ดโมเลกุล
==> สมมติว่า NADH ที่ผลิตผ่าน glycolysis นั้นถูกส่งไปยัง ETC ในขณะเดียวกัน pyruvate ที่เกิดขึ้นจะถูกแปลงเป็นแลคเตทซึ่งสามารถส่งไปยังตับ, หัวใจ หรือเซลล์ข้างเคียงเพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นในการสลายอาหารแบบใช้ออกซิเจน
==> เมื่อเทียบจากปริมาณกลูโคสที่เท่ากัน หากไพรูเวตเข้าสู่วงจร TCA และ ETC แทนที่จะเป็นแลคเตท แต่จะมีการผลิต 32 โมเลกุลของ ATP ขึ้นมาแทน อนุมานได้ว่า การผลิตพลังงานแบบใช้ออกซิเจนจะได้ ATP มากกว่าแบบไม่ใช้ออกซิเจน
==> พลังงานที่ได้จากการออกซิเดชั่นของไขมันนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่ได้จากน้ำตาลกลูโคส ตัวอย่างเช่นการสลายของ palmitate กรดไขมัน 16-คาร์บอนให้ ATP จำนวน 120 โมเลกุล
==> สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ไขมันให้พลังงานมากก็คือมันมีอะตอมของคาร์บอนมากกว่าคาร์โบไฮเดรต เพราะโมเลกุลของไขมันนั้นมีขนาดใหญ่กว่า , มีออกซิเจนมากขึ้น และอะตอมไฮโดรเจนก็มากขึ้นด้วย
==> เอาแค่อะตอมของคาร์บอนในไขมันก็สามารถให้พลังงานได้มากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าคาร์โบไฮเดรตที่จะให้ได้แล้ว แม้ว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่ค้นพบนี้จะยังไม่เข้าใจอย่างสมบูรณ์นัก แต่พอสรุปได้ว่าปริมาณพลังงานของไขมันหนึ่งกรัมมีค่ามากกว่าปริมาณพลังงานของคาร์โบไฮเดรตหนึ่งกรัม
==> ไขมันจึงเป็นสารประกอบที่ดีกว่ามากที่จะใช้เป็นแหล่งสำหรับเก็บพลังงาน
==> การฝึกแบบแอนดูแรนซ์ หรือฝึกความอดทน ส่วนใหญ่จะดึงพลังงานจากไขมันมาใช้ เมื่อการสลายอาหารแบบใช้ออกซิเจนเป็นวิธีที่สำคัญในการผลิตพลังงาน นักกีฬาสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นก่อนจะเกิดความเหนื่อยล้า
==> การบริโภคอาหารให้เพียงพอเพื่อทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปในการฝึกซ้อม จึงเป็นสิ่งสำคัญ
==> ความพร้อมใช้งานของคาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งสำคัญมากในการออกกำลังกายอย่างหนัก ถ้าออกกำลังกายแบบเบา ๆ จนถึงปานกลาง ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อจะอยู่ได้ประมาณสองชั่วโมง
==> การออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำถึงสองชั่วโมง ส่งผลให้ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อหมดลง และทำให้เกิดความเมื่อยล้า เพราะฉะนั้นการออกแบบโปรแกรมการฝึกควรจะคำนึงถึงปริมาณไกลโคเจนที่หมดลงของนักกีฬาด้วย
==> นักว่ายน้ำจำเป็นต้องเข้าใจว่า แหล่งเชื้อเพลิงพลังงานที่ใช้ฝึกซ้อมและแข่งขันนั้นส่วนใหญ่มาจากน้ำตาลในเซลล์ จะต้องได้รับการเติมเต็มอย่างสม่ำเสมอ
==> โดยทั่วไปแล้วอาหารของนักกีฬาควรมีคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 70
ควรบริโภคคาร์โบไฮเดรตระหว่าง 1 ถึง 1.5 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวในช่วง 45 ถึง 60 นาทีแรกและหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก แนะนำให้ดื่มนม หรือนมช็อกโกแลตในทันที (เป็นข้อมูลที่ได้รับการสนับสนุนอยู่ในขณะนี้ ) (Stager et al. 2014)
==> สำหรับนักว่ายน้ำที่ฝึกซ้อมวันละสองครั้ง ผู้ปกครองควรใช้ข้อมูลนี้ในการดูแลในเรื่องโภชนาการของนักกีฬาด้วย บทความเกี่ยวกับการโภชนาการของนักว่ายน้ำ จะกล่าวถึงในภายหลัง
==> สำหรับบทความหน้า เราจะมากล่าวถึงหัวข้อย่อยที่ 6
เรื่อง VO2max Testing to Evaluate Aerobic Capacity
ท่านใดที่ต้องการแสดงความคิดเห็น ขอเป็นในเชิงบวก และ/หรือ ถ่ายทอดความรู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านท่านอื่นได้อ่านด้วย ขอบพระคุณอย่างสูง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา