23 ก.ค. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
“สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 แห่งโลกยุคโบราณ (Seven Wonders of the Ancient World) สิ่งมหัศจรรย์ในหน้าประวัติศาสตร์โลก” ตอนที่ 6
2
“เทวรูปโคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์ (Colossus of Rhodes)”
1
ลองนึกย้อนกลับไปในสมัยโบราณ หากว่าเราต้องเดินทางไปยัง “เกาะโรดส์ (Rhodes)” ซึ่งเป็นเกาะของกรีกที่ตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอเรเนียน
ขณะที่เรือที่นั่งมากำลังจะเข้าเทียบท่า สิ่งที่จะได้เห็นคือรูปปั้นขนาดใหญ่ที่ทำมาจากสัมฤทธิ์ รูปปั้นของชายผู้หนึ่งยืนเด่นเป็นสง่าตัดกับแสงอาทิตย์ และรูปปั้นนี้ก็สูงมากจนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง
2
แต่รูปปั้นนี้คือรูปปั้นของใคร? สร้างเพื่ออะไร?
มาหาคำตอบกันได้เลยครับ
นี่คือ “เทวรูปโคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์ (Colossus of Rhodes)” ซึ่งเป็นรูปปั้นของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ตามความเชื่อของชาวกรีก
นั่นคือ “เฮลิออส (Helios)”
1
เฮลิออส (Helios)
สำหรับชาวโรดส์ เฮลิออสคือเทพองค์ที่สำคัญที่สุด มีการจัดงานเฉลิมฉลองให้เฮลิออส รวมทั้งยังมีการแข่งกีฬาต่างๆ คล้ายๆ กับกีฬาโอลิมปิกในสมัยโบราณ
เมืองโรดส์ก็อยู่บนเกาะชื่อเดียวกัน และด้วยความที่เมืองโรดส์เป็นเมืองที่มีความมั่งคั่ง ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี เป็นจุดศูนย์กลางทางการค้า เหล่าผู้ปกครองดินแดนอื่นๆ จึงอยากจะครอบครองดินแดนนี้
เมืองโรดส์ในสมัยศตวรรษที่ 15
ในช่วง 305-304 ปีก่อนคริสตกาล “พระเจ้าดิมีเทรียสที่ 1 (Demetrius I of Macedon)” กษัตริย์แห่งมาซีดอน ได้ยกทัพโจมตีเมืองโรดส์
พระเจ้าดิมีเทรียสที่ 1 (Demetrius I of Macedon)
พระเจ้าดิมีเทรียสที่ 1 ทำการปิดล้อมเมืองเป็นเวลานานกว่า 12 เดือน แต่ชาวเมืองโรดส์ก็ไม่ยอมแพ้ จนในที่สุด พระเจ้าดิมีเทรียสที่ 1 ก็ยอมถอนทัพ และได้ทิ้งอาวุธและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวเมืองโรดส์ต่างพากันเก็บอาวุธและข้าวของเครื่องใช้ นำไปขายต่อ ทำกำไรได้เป็นอันมาก
ด้วยความที่เมืองโรดส์เป็นเมืองที่มั่งคั่งร่ำรวย ผู้นำชาวโรดส์จึงตัดสินใจจะสร้างรูปปั้น เพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้าที่ผู้คนนับถือ และเป็นการฉลองการต่อต้านพระเจ้าดิมีเทรียสที่ 1 อีกด้วย
ทัพของพระเจ้าดิมีเทรียสที่ 1 ขณะรุกรานเมืองโรดส์
รูปปั้นที่จะสร้าง คือรูปปั้นของ “เฮลิออส (Helios)” โดยทำการสร้างบริเวณท่าเรือ
โครงการนี้ใช้เวลานานถึง 12 ปี โดยทำการสร้างตั้งแต่เท้าขึ้นไป และสร้างจากก้อนหินทราย
ภายในของรูปปั้น น่าจะมีการยึดโครงไว้ด้วยเหล็ก และมีการทำพื้นดินรอบๆ ให้สูงขึ้น เพื่อที่คนงานจะได้ทำการก่อสร้างได้
เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ รูปปั้นเทพเจ้าเฮลิออสก็ยืนเด่นเป็นสง่า เห็นเด่นชัดไปทั่ว
สำหรับเรื่องราวและรายละเอียดต่างๆ ของรูปปั้นนี้ ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด
ในบางภาพ ก็มีการแสดงรูปของรูปปั้นนี้ เป็นเทพเจ้าเฮลิออสยืนแยกขาเพื่อให้เรือผ่านไปได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่บันทึกถึงท่าทางนี้ และการที่ให้เทพเจ้ายืนแยกขา ก็ดูแปลกๆ อีกอย่าง หากสร้างให้เฮลิออสยืนท่านี้จริง ก็เท่ากับต้องปิดท่าเรือตลอดการก่อสร้าง ทำให้การค้าหยุดชะงัก ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
1
นักประวัติศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่ารูปปั้นนี้น่าจะยืนด้วยท่าทางปกติ แต่ก็มีข้อสงสัยอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เทพเจ้าเฮลิออสยืนเปลือยกายหรือสวมเสื้อคลุม รวมทั้งบางคนก็เชื่อว่ารูปปั้นนี้น่าจะมีการถือโคมไฟในมือเหมือนเทพีเสรีภาพในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
แม้แต่สถานที่ตั้งของรูปปั้นนี้ก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด โดยบริเวณที่น่าจะเป็นไปได้คือทางตะวันออกของท่าเรือ โดยมีเรื่องเล่าว่าในยุคกลาง เท้าของรูปปั้นที่ในเวลานั้นได้แตก เสียหาย ได้ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของท่าเรือ
นอกจากนั้น ยังมีป้อมปราการตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ
ป้อมปราการนี้ถูกสร้างขึ้นภายหลังรูปปั้นนี้หลายปี โดยทำมาจากหินอ่อน
คำถามก็คือ “ทำไมถึงใช้หินอ่อนสร้างปราการด้วย?”
นักประวัติศาสตร์หลายคนคิดว่าปราการนี้อาจจะเป็นฐานที่ยังหลงเหลือของรูปปั้น
อีกบริเวณที่เป็นไปได้คือใจกลางเมือง โดยมีหลักฐานและบันทึกทางโบราณคดีที่กล่าวว่าอารามที่ใช้บูชาเฮลิออสอาจจะอยู่ใจกลางเมือง
1
แต่ภายหลังจากที่นักโบราณคดีได้ทำการขุด สำรวจยังใจกลางเมือง ก็ไม่พบหลักฐานหรือร่องรอยว่าเคยมีการสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ในบริเวณนี้เลย
เทวรูปโคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์นั้นอยู่มาจนถึงราว 226 หรือ 225 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งได้เกิดแผ่นดินไหว
จากข้อเขียนของนักเขียนกรีกคนหนึ่ง ได้กล่าวว่ารูปปั้นนี้เริ่มหักตั้งแต่หัวเข่า ก่อนที่จะหล่นลงมากองเต็มท่าเรือ
1
ต่อมา ราวปีค.ศ.654 (พ.ศ.1197) ได้มีพ่อค้ารายหนึ่ง ได้ซื้อเศษซากของรูปปั้นนี้ไป โดยต้องใช้อูฐกว่า 900 ตัวในการขนย้ายซากรูปปั้น
2
ดูเหมือนว่ารูปปั้นที่เคยยิ่งใหญ่ เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคโบราณ แต่ก็ต้องพบจุดจบโดยการเป็นเพียงเศษเหล็กที่สาปสูญเท่านั้น
ตอนต่อไป เป็นตอนจบของซีรีส์ชุดนี้และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับสุดท้าย นั่นคือ
“ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย (Lighthouse of Alexandria)”
1
ฝากติดตามด้วยนะครับ
โฆษณา