12 ส.ค. 2020 เวลา 03:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สินค้าส่งออกจากฮ่องกงไปสหรัฐฯ ต้องติดป้าย Made in China
Made in China
สหรัฐฯเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่อันดับสองของฮ่องกง และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเขตศุลกากรอิสระ (separate customs territory) ภายใต้องค์การการค้าโลก หรือ World Trade Organisation (WTO) โดยฮ่องกงยังได้รับสถานะพิเศษทางการค้ากับสหรัฐฯภายใต้กฎหมายว่าด้วยนโยบายสหรัฐฯ-ฮ่องกง2535 (US-Hong Kong Policy Act of 1992) เพื่อส่งเสริมความมั่งคั่ง เอกราช และวิถีชีวิตของฮ่องกง
จากข้อมูลของหน่วยงานสถิติแห่งชาติฮ่องกง (The Census and Statistics Department of HKSAR Government) ในด้านการส่งออกของฮ่องกงไปยังสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าราวๆ304 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเพียงแต่ 1.2% เท่านั้นที่เป็นการส่งออกสินค้าของฮ่องกง เกือบ 80% ของสินค้าที่ส่งออกเป็นการส่งของกลับออกไปนอกราชอาณาจักร (Re-Export) จากจีนไปยังสหรัฐฯ
แต่สิทธิพิเศษทางการค้าต่างๆต้องจบลงเมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในรัฐบัญญัติปกครองตนเองของฮ่องกง (Hong Kong Autonomy Act) สองสัปดาห์หลังจากที่จีนได้ออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำรหับฮ่องกง ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ซึ่งกำหนดให้การกระทำเหล่านี้เป็นอาชญากรรม นั่นคือ การแบ่งแยกดินแดน – โดยแยกตัวเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ การล้มล้างอำนาจ - โดยบ่อนทำลายอำนาจหรือการปกครองของรัฐบาลกลางการก่อการร้าย – โดยใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่ประชาชน และการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติหรือกองกำลังจากภายนอก
รัฐบาลสหรัฐฯได้ระบุ เมื่อวันอังคาร (11 ส.ค.) ว่าสินค้าที่ผลิตในฮ่องกงเพื่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯทุกประเภทจะต้องติดป้าย “ผลิตในจีน” หรือ Made in China หลังจากวันที่25 ก.ย.
การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จะทำให้บริษัทฮ่องกงต้องเผชิญกับภาษีจากสงครามการค้าที่ใช้กับผู้ส่งออกชาวจีน หากบริษัทฮ่องกงมีการผลิตสินค้าที่มีการกำหนดไว้ โดยหลังจากที่ประกาศไปแล้ว 45 วัน สินค้าต่างๆนี้จะต้องระบุว่าแหล่งผลิตคือ จีน
และเมื่อวันศุกร์ (7 ส.ค.) ที่ผ่านมา สหรับฯได้คว่ำบาตรแคร์รี หลั่ม
ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง และยังเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวย โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้กำจัดอิสระทางการเมืองของฮ่องกง
และเมื่อวันจันทร์ (10 ส.ค.) จีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการออกกฎหมายคว่ำบาตรชาวสหรัฐฯ 11 คน ซึ่งรวมถึงผู้ออกกฎหมายที่มาจากพรรครีพลับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์ ฮ่องกงในวันที่ 11 ส.ค.
ยิ่งไปกว่านั้น ทางการสหรัฐฯได้เปิดเผยเมื่อวันจันทร์อีกว่า บริษัทต่างๆจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชีของสหรัฐฯ จะต้องถูกให้ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯนับตั้งแต่สิ้นสุดปี 2564
โฆษกรัฐบาลฮ่องกงออกมาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการท้าทายกฎขององค์การการค้าโลก หรือ WTO และฮ่องกงมีสิทธิ์ที่จะร้องเรียน โดยระบุว่า กฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่สอดคล้องกับกฎของ WTO และกฎนี้จะไม่ได้ช่วยคุ้มครองผู้บริโภค ในความเป็นจริง จะทำให้เกิดความสับสนและส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯด้วย
กว่าจะถึงวันที่ 25 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่สินค้าทุกชิ้นที่ผลิตในฮ่องกงต้องติดป้าย Made in China คาดว่าอาจจะต้องมีการตอบโต้กันไปมาอีกหลายรอบ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา