Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Good Sharing
•
ติดตาม
15 ส.ค. 2020 เวลา 05:52 • หุ้น & เศรษฐกิจ
อินเดีย ขุมทรัพย์บริษัทเทคยักษ์ใหญ่
ชาวอินเดียทุกคนต้องได้ใช้สมาร์ทโหน
ช่วงที่เกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน และมีมาตรการตอบโต้กันไปมาของสองรัฐบาลนี้ ด้านบริษัทเอกชนเองก็พยายามที่จะหาทางออกเพื่อความอยู่รอดของบริษัท ไม่ว่าจะมีสัญชาติใด มาจากประเทศใด ก็พยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการ กฎระเบียบ ของทั้งสองประเทศที่นำออกมาฟาดฟันใส่กัน
แต่สิ่งที่น่าสนใจและน่าจับตาคือ ประเทศอินเดีย หรือชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเศรษฐกิจประเทศนี้แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราเลย ส่วนใหญ่ข่าวล่าสุดก็จะเห็นชัดคือเรื่องของจำวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่มีจำนวนสูงมาก แซงสหราชอาณาจักร ขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ของโลกอีกทั้งยัง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ วันเดียวแตะ 7 หมื่นราย รวมถึงมีรัฐมนตรีติดเชื้ออีกคนด้วย
ที่สำคัญ อินเดียอาจหาญในการแบนแอพลิเคชั่น TikTok อย่างสิ้นเชิง ก่อนที่สหรัฐฯจะแบนเสียอีก จากการที่อินเดียเองก็มีปัญหาความขัดแย้งกับจีน รวมถึงล่าสุดในเรื่องการพัฒนาโครงข่าย 5G ที่อินเดีย ที่มุ่งหวังจะเป็นหนุ่งในประเทศผู้นำเทคโนโลยีของโลก แต่อินเดียก็สั่งห้ามไม่ให้นำอุปกรณ์ของ Huawei และZTE มาใช้สร้างโครงข่าย5G ในประเทศด้วย จากเหตุผลเดียวกับที่แบน TikTok คือเรื่องความปลอดภัยแห่งชาตินั่นเอง
1
สิ่งที่น่าสนใจคือ ไตรมาสที่2 ของปีนี้ ตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดีย มีผู้เล่นสำคัญคือจีนที่เป็นผู้นำตลาดในอินเดีย โดยส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกในอินเดีย บริษัทจีนกวาดไปหมด มีเพียงแค่ Samsung รายเดียวที่ไม่เป็นบริษัทสัญชาติจีน
1
สัดส่วนการเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนของจีนในอินเดีย
ล่าสุด Google เตรียมจะจับมือกับบริษัทเทคโนโลยีของอินเดียรายใหญ่ที่สุดเพื่อเข้าถึงผู้ใช้สมาร์ทโฟนใหม่ๆในอินเดีย และนี่คือสิ่งที่บรรดาบริษัทสัญชาติจีนจะต้องเริ่มกังวล หลังจากที่เป็นผู้นำในตลาดประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
เรามาทำความรู้จัดประเทศอินเดียหรือ สาธารณรัฐอินเดีย กันสักหน่อยนะคะ ประเทศอินเดีย คือประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอนุทวีปอินเดีย มีประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลก และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน มีภาษาพูดร้อยแปดสิบแปดภาษาโดยประมาณ
1
เศรษฐกิจของอินเดียมีขนาดเป็นอันดับที่ 11 ของโลกเมื่อวัดด้วยค่าจีดีพี และเป็นอันดับ 4 ของโลกเมื่อเทียบด้วยความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ หลังจากที่ได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยนักสังคมนิยมเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เศรษฐกิจของประเทศหลังจากได้รับเอกราช อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยกิจกรรมตลาดเสรีซึ่งริเริ่มในปี พ.ศ. 2533 เพื่อการแข่งขันกับนานาชาติและการลงทุนจากต่างประเทศ อินเดียเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าเกิดใหม่โดยมีจำนวนประชากรมหาศาล เช่นเดียวกับทรัพยากรทางธรรมชาติและบุคลากรมืออาชีพมีทักษะที่เพิ่มมากขึ้น
1
เพราะฉะนั้นด้วยจำนวนประชากร และเศรษฐกิจแล้ว อินเดีย ไม่ธรรมดาเลย และการที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google ประกาศล่าสุดที่จะทุ่มทุน 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนในแพลทฟอร์ม Jio ขนาดใหญ่โตซึ่งเป็นแฟลทฟอร์มในอินเดียประกอบด้วยแอพลิเคชั่นหลากหลาย ตั้งแต่ร้านของชำออนไลน์ จนถึงแอพฯวีดิโอ สตรีมมิ่ง ให้บริการแก่สมาชิก 388 ล้านรายผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ Reliance Jio ในอินเดีย ภายใต้การนำของ Mukesh Ambani ผู้ที่รวยที่สุดในเอเชีย โดยมีบริษัทแม่คือ Reliance Industries ได้เติบโตมาจากการเป็นบริษัทน้ำมันและพลังงาน และขยายอาณาจักรครอบคลุมร้านค้าปลีก ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัทพ์มือถือและ บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต แพลทฟอร์มดิจิทัล และอีกมากมาย โดยเข้ามุ่งหวังที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกให้ได้ และในปีนี้มีนักลงทุนรายใหญ่ๆหลายรายให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัทอีกด้วย โดยเงินลงทุนบางส่วนก็จะนำมาใบ้ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่ถูกมากๆ ทำขึ้นเฉพาะให้เหมาะกับตลาดผู้ใช้ในอินเดีย เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ทั้ง Google และ Jio สามารถขยายฐานลูกค้าชาวอินเดียได้อีกเป็นจำนวน 500 ล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งคนเหล่านี้ยังไม่มีสมาร์โฟนสักเครื่อง และส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนชนบท
1
Jio ได้ขายหุ้น 33% ให้กับนักลงทุนระดับต้นๆ
สมาร์ทโฟนแบรนด์ Jio นี้ ยังได้ประโยชน์จากภาวะความตึงเครียดระหว่างจีนและอินเดีย จากการที่รัฐบาลอินเดียแบนTikTok และแอพอื่นๆอีกหลายแอพของจีน และชาวอินเดียหลายรายก็บอยคอตต์สินค้าจีนด้วย
ที่ผ่านมา Jio ได้ให้บริการสมาร์โฟน 4G ในราคาถูกด้วยบริการส่งผ่านข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Data Plan) แบบพื้นๆ ที่ผู้มช้สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้ และใช้แอพพื้นๆได้บางตัว แต่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์ของ Jio นั้นมีน้อยกว่า 20% ของผู้ใช้ทั้งหมดในอินเดีย
นักวิเคราะห์มองว่า เพื่อที่จะเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ระดับล่างของอินเดียนี้ ทั้ง Google และ Jio จะต้องพัฒนาสมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ในราคาน้อยกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ
รายละเอียดเกี่ยวกับโทรศัพท์รุ่นนี้ ยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่าเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆความร่วมมือนี้ระหว่าง GoogleและJio จะเป็นการเขย่าตลาดที่แบรนด์จีนมีสัดส่วนยอดขายทั้งหมดมากกว่า 75% ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิ.ย. โดยแบรนด์ Samsung ของเกาหลีนั้น มาเป็นอันดับที่ 3 มีสัดส่วนยอดขายทั้งหมดต่ำกว่า 17% เท่านั้น
นักวิเคราะห์มองว่า สมาร์ทโฟนราคาถูกรุ่นใหม่จาก Jio และ Google นี้ น่าจะเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่พยายามจะครองตลาดอินเดียด้วยการเจาะตลาดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวอินเดียที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน
จากรายงานของ Counterpoint Research เปิดเผยว่าปัจจุบันนี้มีชาวอินเดียราว450 ล้านคนที่มีสมาร์ทโฟนแล้ว และส่วนใหญ่ใช้เรื่องสตรีมมิ่ง จับจ่ายสินค้า เรียกบริการรถรับส่ง สั่งอาหาร แต่อีกประมาณ 500 ล้านคนยังไม่มีอุปกรณ์ และ Google และJio ต้องการที่จะให้พวกเขามีสมาร์ทโฟนราคาถูกใช้
1
Mukesh Ambani ซีอีโอของ Jio กล่าวว่าประชาชนชาวอินเดียเหล่านี้ควรมีสิทธิ์เข้าถึงประโยชน์ต่างๆของการเปลี่ยนแปลงด้านข้อมูลและดิจิทัลนี้
ผู้ช่วยผู้อำนวยการจาก Counterpoint Research กล่าวว่า Jio เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นในไปที่กลุ่มเป้าหมายในชนบท เพราะนั่นคือประเทศอินเดียที่แท้จริง ในชนบทมีผู้ใช้จำนวนมหาศาลที่ยังไม้คยมีประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตเลย
4
ผู้คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเก่า ที่มีแป้นพิมพ์ตัวเลข และจอธรรมดา และใช้ได้แค่โครงข่าย 2G ของอินเดีย การที่ทำให้เขาเหล่านั้นมาใช้สมาร์ทโฟน 4G และ 5G ได้ก็ถือว่าทั้งสองบริษัทได้ทั้งสองฝ่ายแบบ วิน วิน เพราะ Jio ก็จะได้ให้บริการด้านส่งผ่านข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตแก่ผู้ใช้ใหม่ๆ ขณะที่ Google เองก็จะได้ให้บริการพวก YouTube บริการค้นหาข้อมูล แผนที่ และ แอพอื่นๆของ Google
2
อย่างไรก็ตาม ตลาดสมาร์โฟนราคาประหบัดในอินเดียตอนนี้ มีโทรศัพท์ที่ส่วนใหญ่ราคา 70 – 100 ดอลลาร์สหรัฐเต็มไปหมด โดย Xiaomi เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนี้กินส่วนแบ่งการตลาด 40% ตามด้วย Samsung กินส่วนแบ่ง 17% และ realme อีก 11%
1
และชิ้นส่วนที่แพงๆ อย่าง เมมโมรี่ ชิพ และหน้าจอแสดงผล ทำให้ราคาสมาร์โฟนสูงขึ้นมากกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราห์กล่าวว่า แม้ราคาจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ชาวอินเดียในแถมชนบทก็ไม่สามารถซื้อได้ เว้นเสียแต่ว่าทั้งสองบริษัทจะดึงชิ้นส่วนเหล่านั้นออกและให้มีการอัพเกรดอุปกรณ์ในอนาคต ก็จะส่งผลกระทบอย่างหนักแก่บริษัทผู้ผลิตสมาร์โฟนสัญชาติจีน
ทางด้านนโยบายต่างประเทศของ Gateway House ที่คิดการยิ่งใหญ่ในเรื่อง การเป็นเมืองไอทีแห่งใหม่ในอนาคต คาดว่าผู้ใช้สมาร์โฟนในประเทศจะขึ้นเป็นสองเท่ามาอยู่ที่ 900 ล้านคนภายในปี 2568 จากการที่ระดับรายได้เพิ่มขึ้นและราคาสมาร์โฟนถูกลง
1
การขายอุปกรณ์ที่ราคาถูกลงอาจจะไม่ได้ทำเงินให้ Jio สักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆจะเป็นความสำเร็จที่จะทำให้ชาวอินเดียมากกว่าล้านๆคนเข้าสู่ระบบที่Jio และGoogle เป็นเจ้าของและควบคุมได้
2
สำหรับ Google นั้น ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่จะมีเรื่องของการได้โปรไฟล์ของผู้ใช้ ยิ่งมีผู้ใช้ในระบบแอนดรอยด์มากเท่าไหร่Google ก็จะสามารถขายโฆษณาให้แก่ผู้ใช้เหล่านี้ได้มากทนั้น นั่นคือเป้าหมายหลักของบริษัท เนื่องจากการโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนหลักของรายได้ของบริษัทแม่ อย่าง Alphabet โดยปีที่แล้วคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของรายได้ทั้งหมด 162,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทาง Gatewat House ระบุว่า ประเทศอินเดียเป็นความฝันของบริษัทเทคโนโลยี จากความหลากหลายของประชากร
1
ส่วนระบบปฏิบัติการ Android นี้ คิดเป็นสัดส่วน 91% ของระบบปฏิบัติการที่มีการใช้ในปี 2019
นอกจากเรื่องของโอกาสทางการตลาดแล้ว Jio ยังกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในประเทศอินเดีย เป็นของชาวอินเดีย ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะในช่วงที่มีการตื่นตัวเรื่องรักชาติในอินเดีย
มีการรายงานล่าสุดว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนในอินเดีย ลดฮวบลง 50% ในไตรมาสล่าสุด เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลดลงมาจากการปิดร้านค้า และเศรษฐกิจต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า โดยบริษัทวิจัยการตลาดชี้ว่า ผู้ผลิตสมาร์โหนสัญชาติจีน ไม่ได้กำลังเผชิญกับผลกระทบจากโควิด-19 เพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องความไม่พอใจต่อประเทศจีน เพราะฉะนั้น จากประเด็นดังกว่ารวมถึงนโยบายการพึ่งพาตนเองของรัฐบาลอินเดียอาจจะทำให้ผู้ขายสมาร์โฟนสัญชาติจีนตกเป็นเป้าสายตาของความเดือดดาลของสาธารณธชนก็ได้
ในช่วงสี่เดือนสั้นๆ Jio สามารถระดมทุนได้มากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจาก Facebook Google กองทุนด้านการลงทุนของประเทศซาอุดิอาระเบีย และนักลงทุนระดับใหญ่ๆอีกหลายราย โดยบริษัทต้องการใช้เม็ดเงินดังกล่าวในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเกษตร สุขอนามัย และการศึกษา Ambani หวังว่าโครงการสมาร์ทโฟนที่ร่วมกับ Google นี้จะช่วยเร่งพันธกิจของประเทศในการที่จะให้ชาวอินเดียทุกคนได้มีสมาร์ทโฟนใช้ได้เร็วยิ่งขึ้น
1
Counterpoint Research กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของ Jio อาจจะทำให้มีการซื้อหุ้นในบริษัทสตาร์ทอัพของอินเดียโดย Jio ก็เป็นได้ในอนาคต
และนั่น อาจจะเป็นการกดดันทำให้นักลงทุนชาวจีน ผู้ที่ให้การสนับสนุนยูนิคอร์นครึ่งหนึ่งของจำนวนยูนิคอร์นอินเดีย 30 ราย อีกทั้งยังทุ่มเงิน 4พันล้านดอลลาร์สหรัฐในบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพของอินเดียตั้งแต่ปี 2558 ต้องออกจากประเทศไป ยกตัวอย่าง Alibaba ได้ลงทุนในบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ชื่อว่า Snapdeal บริษัทระบบรับชำระเงินดิจิทัล Paytm และ บริษัทใหบริการแพลทฟอร์มส่งอาหารอย่าง Zomato ส่วน Tencent ก็ได้ให้การสนับสนุน Hike ผู้ให้บริการส่งข้อความ และ Ola ผู้ให้บริการเรียกรถรับส่ง
ดูเหมือนว่า หากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจาก Silicon Valley ทำสำเร็จ โดยสามารถเข้าถึงผู้ใช้ชาวอินเดียทั้งหมดได้ เห็นทีคราวนี้ประเทศจีนเองอาจจะต้องรีบปรับกลยุทธ์หาทางแก้ไขโดยเร็วแล้วล่ะค่ะ
ที่มา:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2
https://edition.cnn.com/2020/07/24/tech/jio-google-india-china-hnk-intl/index.html
https://edition.cnn.com/2020/07/15/tech/google-jio-investment-intl-hnk/index.html
https://www.beartai.com/news/itnews/467001
ภาพ:
https://steemit.com/development/@aarkay/it-revolution-in-india
3 บันทึก
17
2
8
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เทคโนโลยี
3
17
2
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย