23 ส.ค. 2020 เวลา 13:36
#จันทร์เจ้าขาบทที่3ตอนที่8,
(23/8/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
ผมขอส่งจันทร์เจ้าขา ตอนล่าสุด ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลิน ในคืนวันอาทิตย์นี้ครับ 😇💙💚❤️
สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับ
บทที่ 3 จิตประภัสสร
ตอนที่ 8 ขบถยาตรา
#ณ.ป่าละเมาะไม่ไกลจากป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
ขณะที่คุณหลวงหนุ่ม พรานเฒ่า และองค์แม่ กำลังทำพิธีเปิดป่าช้า เพื่อขอเจรจาไถ่ถาม กับ ปู่สังสะ-ย่าสังไส้ (ปู่สองสี ย่าสองไส้ หรือ ยายกะลา ตากะลี) ถึงเรื่องของเจ้าน้อยพรหม และเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้..
คุณหนูฆฤณ ก็ได้ขอตัวแยกจากองค์แม่ เข้ามานั่งจับกลุ่ม ล้อมรอบกองไฟ กับ
ผู้กอง คุณหมอชอว์ คุณหนูกร และสมิงไพร..
“เชิญนั่งขอรับ คุณหนู
ฆฤณ..”
ผู้กองหนุ่มกล่าวเชิญอย่างสุภาพ ก่อนจะยกกระบอกเครื่องดื่มอุ่นยื่นให้คุณหนู
ฆฤณพร้อมส่งยิ้มหวานเอ่ยชวนว่า..
“รับน้ำขิงร้อนๆ ซักแก้วเถิดนะขอรับ คุณหนูฆฤณ..
มานั่งทีหลังคนอื่น แบบนี้ น้ำขิงร้อนๆ ช่วยคลายอาการหนาวสั่น บำรุงเลือดลม..ดีนักขอรับ..”
คุณหนูฆฤณรับน้ำขิงจากผู้กองหนุ่ม พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนที่จะขยับเข้ามานั่งร่วมวงผิงไฟ ตรงตำแหน่งที่นั่ง ระหว่าง คุณหนูกร และคุณหมอชอว์
“..ลองลำโพงบ้าซักมวน ด้วยมั้ยขอรับ คุณหนูฆฤณ
สมุนไพรไทย ชนิดนี้.. แก้หนาวดีชงัดเหลือเกิน จริงๆนะขอรับ..”
คุณหมอชอว์ เอ่ยชวน และส่งยิ้มอบอุ่น ตาหวานเชื่อม อย่าง Humour and Understatement ตามแบบฉบับสุภาพบุรุษนักเรียนอังกฤษ..พร้อมกับยื่นกล่องซิการ์ ซึ่งภายในบรรจุ ลำโพงบ้า..ที่ถูกม้วนไว้เป็นมวนๆ อย่างปราณีตให้คุณหนูฆฤณ..
1
“..คุณหมอชอว์ ท่านน่าจะหัวสมัยใหม่มากๆ นะขอรับ.. ถึงหยิบยื่นสิ่งนี้ให้กุลสตรีสยาม น่ะขอรับ..
กุลสตรีสยาม ไม่นิยมทดลองสูบสิ่งเหล่านี้หรอกขอรับ.. มันไม่งาม ขอรับ”
ผู้กองหนุ่มเอ่ยขัดคุณหมอชอว์ ที่กำลังเชื้อเชิญให้คุณหนูฆฤณ ทดลองสูบมวนลำโพงบ้าแก้หนาว..
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงยิงปืนหนึ่งนัด.. ดังกัมปนาทก้องป่า..แทรกขัดบทสนทนาอันน่าอึดอัดนั้น..
“เปรี้ยงงงงง..”
และอีกอึดใจ ก็เสียงตีดัง “เพี๊ยะะะ..” เข้าที่ต้นแขนขวาสมิงไพรหนุ่ม แทรกขึ้นตามมา ..
“โอ๊ยย!!.. คุณสมิงไพรจะยิงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีเหตุไม่มีผล..ไม่มีต้นไม่มีปลายแบบนี้..ไม่ได้อีกแล้วนะเจ้าคะ..เราเข้าเขตเมืองเชียงใหม่กันแล้ว..
นะเจ้าคะ..”
คุณหนูกร พูดเสียงสูงรัวคำเป็นชุดๆ ใส่สมิงไพรหนุ่ม..
ที่กำลังจับตาจ้องเหยื่อกระสุนปืนนัดนี้..
ที่กำลังร่วงหล่นลงพื้น ไม่ห่างจากกองไฟเท่าใดนัก..
“ขอประทานโทษด้วย นะขอรับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน.. กระผมขอตัวไปเก็บเหยื่อที่กระผมยิงเมื่อสักครู่ นะขอรับ ..” สมิงไพรหนุ่ม ลุกยืนขึ้น หันหน้ามายิ้มให้คุณหนูกร ครั้งหนึ่ง .. ก่อนที่จะวิ่งออกไป..
..
..
..
ไม่นานนัก สมิงไพรหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับนกพิราบในมือ..
“โถถถถๆๆ.. พ่อพราน พ่อแค่จะยิงนกพิราบ ถึงกับต้องใช้กระสุนปืนให้สิ้นเปลืองเลยหรือ ขอรับ..
ใช้กระสุนปืนยิงใส่นกตัวเล็กๆ แบบนั้น..จะไม่เหลือซากให้พอกินนะขอรับ..
หึหึหึ..”
ผู้กองหนุ่มเอ่ยแซว และส่งยิ้มกวนให้สมิงไพรหนุ่ม อย่างอารมณ์ดี
“เจ้านกตัวนี้..มันยังมีชีวิตและอวัยวะสมประกอบดี ครบถ้วน ขอรับ ผู้กอง..”
สมิงไพรหนุ่มยิ้มตอบ และ ยื่นชูนกพิราบขึ้นให้ทุกคนได้เห็น..
“หึหึหึ พ่อยิงวืด .. แล้วนกพิราบเลยตกใจเสียงปืน หล่นตุบลงมาเอง อย่างนั้นรึ..ขอรับ ...หึหึหึ”
ผู้กองหนุ่ม ยักคิ้วยิ้มให้สมิงไพรหนุ่มทีนึง ก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า
1
“แหม่ๆ.หากพ่อจะเล่าอวดความสามารถในการยิงปืนให้แม่หญิงสยามฟัง ก็ควรต้องหาเรื่องให้สมจริงกว่านี้สักหน่อย..นะขอรับ
หรือไม่อย่างนั้น.. ก็ควรแสดงการยิงให้เห็น..
จะแจ้งกัน แบบนี้นะขอรับ..”
ทันทีที่พูดจบ.. ผู้กองหนุ่มก็ตวัดปืนยาวตั้งท่าประทับยิง ก่อนที่จะเหนี่ยวไกยิง หนึ่งนัด..ดังก้องกังวาลทั่วป่า
“เปรี้ยงงงงง..”
..
..
จากนั้นก็มีเสียงของตกลงบนพื้นตามมา สองครั้ง ดัง
“ตุ่บ..” ..“ตุ่บบ..”
“หึหึหึ..นี่ละขอรับ ที่เค้าเรียกกันว่า เจ้าของต้นตำรับ..ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
ผู้กองหนุ่มพูดเสร็จจึงเป่าควันปืนเบาๆ แล้วส่งยิ้มหวานให้กับทุกคน ..
ในขณะเดียวกันนั้น..
คุณหนูกร ก็ป้องปากคุยกระซิบกระซาบแทรกเบาๆ กับคุณหนูฆฤณว่า
“(ระหว่างเจ้าตำรับ..ยิงปืนนัดเดียวบ่าหนุนตกสองลูก ปะทะกับเจ้าตำรับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว..
คุณหนูฆฤณ จะพนันข้างไหนนะเจ้าคะ..)”
คุณหนูฆฤณ ฟังเสร็จถึงกับสำลักน้ำขิงดัง “พรืดด..” แล้วปิดปากหัวเราะคิกคักกับคุณหนูกร กันสองคน..
..
..
“ไหน กระผมขอดูนกพิราบที่ คุณสมิงไพรยิงหน่อยนะขอรับ..” คุณหมอชอว์เอ่ยขัดจังหวะพลางยื่นมือไปรับนกพิราบนั้นมาตรวจสอบ อย่างละเอียดถี่ถ้วน..
1
จากนั้น จึงเงยหน้า ขึ้นมาพูดกับทุกคน ว่า ..
“..นี่คุณสมิงไพรตั้งใจยิงกุญแจล็อกกระบอกเล็กๆ ที่ติดกับขาขวาของนกพิราบให้หลุดออก..
เพื่อที่จะให้นกพิราบเสียการทรงตัวในขณะบิน.. และร่วงตกลงมา อย่างนั้นหรือขอรับ.. It’s unbelievable!! มากจริงๆ เลยขอรับ..”
สมิงไพรหนุ่มยิ้มตาใส ให้หมอชอว์ ไม่ตอบใดๆ ..
“ ขอคุณหมอช่วยเปิดข้อความในกระบอกนั้น แล้วส่งให้กระผม ด้วยเถิดขอรับ..”
สมิงไพรหนุ่ม เอ่ยขอคุณหมอชอว์ อย่างสุภาพ..แต่แฝงด้วยสิทธิอำนาจบางอย่างในน้ำเสียงนั้น..
คุณหมอชอว์ แกะม้วน
กระดาษเล็กๆ แล้วคลี่กางออก.. แลเห็นเป็นลายมือในภาษาฝรั่งเศส..จึงส่งต่อให้สมิงไพรหนุ่มได้อ่าน..
“ถึง ท่านทูตฝรั่งเศสประจำย่างกุ้ง หลุยส์ โวสิยง (Loius Vossion)
ขณะนี้หมากเรือ กำลังจะออกจากสยามมุ่งหน้าสู่พนมเปญพร้อมนำส่งแผนที่สำรวจตลอดแนวชายฝั่งทะเลในเร็ววันนี้..
ขอหมากบิชอบแห่งย่างกุ้งร่วมมือกับสหายพม่า..เริ่มเข้าแทรกแซงล้านนาร่วมกับสหายสหรัฐ..นับตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมายนี้..
เพื่อเร่งทำลายแผนการอันน่าอดสูของอังกฤษโดยเร็ว
ท้ายสุด หมากม้าแห่งล้านช้างได้ส่งความระลึกถึงเราทั้งสอง และแจ้งข่าวดีว่า เขาได้พบแหล่งแซฟไฟร์ขนาดใหญ่ในเทือกเขาตามแผนที่สำรวจของ การ์นิเย่ร์แล้ว..
ขอสันติสุขจงสถิตย์กับอัศวินแห่งประตูมิคาเอล ด้วย “เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ หรือความตาย" (Liberté, Égalité, Fraternité, ou la Mort!)
ลงชื่อ -ออกุสต์ ปาวีย์
Auguste Jean-Marie Pavie ..”
สมิงไพรอ่านจบ แล้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักนึง ก่อนที่จะตัดสินใจขยำม้วนกระดาษนั้น โยนเข้าไปในกองไฟ..
“เฮ้ยยย!! ทำอะไรอย่างนั้นกันพ่อคุณ..”
ผู้กองหนุ่ม และคุณหมอชอว์ อุทานออกมาเสียงดัง และต่างมองหน้ากัน อย่างไม่เข้าใจถึงความคิดของสมิงไพรหนุ่ม..ที่โยนหลักฐานสำคัญที่ระบุชื่อของผู้เขียนนั้นเข้าไปในกองไฟ..
“กระผม ทำให้หมากของสยามในกระดานนี้ เพลี่ยงพล้ำเสียแล้วขอรับ..” สมิงไพรหนุ่มพูดเสร็จ..จึงมองไปที่คุณหลวงหนุ่ม ด้วยสีหน้าครุ่นคิด..
ขณะเดียวกันนั้น..ไฟในกองไฟ เผาไหม้กระดาษอย่างรวดเร็ว และลุกสว่างวาบขึ้นเป็นเปลวไฟสีเขียว อยู่พักหนึ่ง.. ก่อนที่จะกลับเป็นสีไฟปกติในที่สุด
..
..
#ณ.ชั้นเรียนการทำแผนที่ในเขตพระนคร,
จ่าปาวี จุดบุหรี่ด้วยไม้ขีดไฟของอังกฤษ ยี่ห้อ ลูซิเฟอร์ อย่างใจลอย ..จนต้องจุดอยู่หลายครั้ง ..
กว่าที่ไฟจะติดสว่างวาบ..
จ่าปาวี พ่นควันบุหรี่ยาว ออกไปทางนอกหน้าต่างชั้นเรียน..แล้วจึงหันมาพูดกับนักเรียนในชั้นเรียนว่า
“วันนี้ จะเป็นวันสุดท้าย ที่ผมจะได้สอนพวกคุณ..
จากนั้นในวันแรกของสัปดาห์หน้า ผมจะเดินทางออกจากสยามเพื่อไปทำงานในโครงการสำรวจและการปักเสาโทรเลขระหว่างสยามและพนมเปญ
ในการเดินทางครั้งนี้อาจกินเวลาประมาณ 1 ปี แต่สูงสุดไม่เกิน 5 ปี..
ซึ่งผมต้องการรับสมัครผู้ช่วย ในโครงการนี้..จากสุภาพบุรุษหนุ่มในคลาสเรียนนี้..เฉพาะวันนี้.. เท่านั้น..
โดยอัตราค่าจ้างและสวัสดิการนั้นเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับนายทหารของฝรั่งเศสเลยทีเดียว..และเมื่อโครงการนี้เสร็จสิ้น.. ชื่อของพวกคุณจะถูกจารึกชื่อร่วมกับผม ในหอเกียรติยศทั้งในพนมเปญ และสยาม
แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ พวกคุณจะได้เรียนรู้ และทำงานอย่างใกล้ชิด กับผม..
อีกครั้งสำหรับสุภาพบุรุษทุกท่าน..ผมขอย้ำว่า..
เราจะร่วมผจญภัย ด้วยกันประหนึ่งครอบครัวเดียวกัน และเป็นประหนึ่งทหารในกองร้อยเดียวกัน โดยการนำของครูปาวี คนนี้..
ดังนั้น ผมจึงขอให้ท่านสุภาพบุรุษทุกท่านพิจารณาถึงโอกาสนี้ ให้ดี และขอให้ช่วยยกมือขึ้น.. หากท่านประสงค์จะเข้าร่วมวงล้อแห่งโชคชะตาและออกเดินทางพร้อมกับผมในครั้งนี้..”
ทันทีที่ปาวี พูดจบลง.. เสียงฮือฮา พูดคุยกันในห้องนั้นก็ดังขึ้น..
ขณะที่นักเรียนในชั้นหลายคน เริ่มยกมือต้องการเข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้..
คุณไกรสรและทองดีต่างจับมือคุณพีระกดไว้คนละข้าง และคุณไกรสรก็พูดกับคุณพีระ ว่า..
“การเดินทาง และวัตถุประสงค์ของโครงการที่ครูปาวี ชักชวนพวกเราในครั้งนี้ ช่างดูฉุกละหุก และมีความเคลือบแคลง.. ไม่ชัดแจ้ง..หากเราร่วมเดินทางในครั้งนี้ เกรงว่าจะเป็นที่ครหา แลเสื่อมเสียชื่อเสียงก็เป็นได้..
ขอคุณพีระอย่าเข้าร่วมวงล้อแห่งโชคชะตาในครั้งนี้เลย..ขอรับ”
คุณพีระหันมายิ้มให้คุณไกรสรแทนคำตอบ ..
ก่อนที่จะหันกลับไปฟังคำถามของครูปาวี ที่ถามคุณพีระ ว่า..
“ครูหวังว่า พีระ..นักเรียนดีเด่นคลาสแผนที่ของครู..จะมาเรียนวิชาทำแผนที่ขั้นสูงกับครูให้จบในทริปนี้..*เพื่อประโยชน์ในอนาคตของสยาม..
พีระ คิดเห็น อย่างไรบ้าง กับคำเชิญชวนของครู ??”
คุณพีระลุกขึ้นยืนตรงองอาจแล้วตอบ ครูปาวี อย่างสุภาพว่า..
“ผมนั้น หวังอยู่เสมอว่าครูปาวี.. จะสังเกตเห็นถึงความตั้งใจ.. และความมุ่งมั่นของผมต่อวิชาการทำแผนที่..ในตลอดเวลาที่ผ่านมาว่า..
ใจของผมอยากติดตามครูไปเรียนรู้เพิ่มเติม..มากเพียงใด..ครูเองก็คงพอจะทราบอยู่บ้าง
แต่ที่สุดแล้ว “.. Siam est mon pays, ton ton Pavie..(สยาม คือ ประเทศของผมครับ)
..ผมจึงใคร่ขอใช้ความรู้..ในวิชาแผนที่..ที่ครูปาวีสอน.. ทำประโยชน์ให้กับสยามอย่างเต็มที่ในระหว่างนี้..
เพื่อที่ว่า..เมื่อครูปาวี ได้กลับมายังสยาม อีกครั้งในอนาคต..ครูจะได้ภูมิใจในผลงานของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย..และได้ร่วมรับใช้ราชสำนักสยาม ด้วยกันกับพวกกระผมอีกครั้ง..
จนเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งสยามถึงความสามารถของครูปาวีในการช่วยพัฒนาสยามประเทศของเรา..
ขอพระสยามเทวาธิราช ทรงปกปักรักษา ข้าหลวงผู้สัตย์ซื่อ ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง.. ให้สำเร็จผลในงานที่ได้รับมอบหมายทุกประการ..ด้วยเทอญ”
เมื่อพูดเสร็จ..คุณพีระได้โค้งศีรษะให้ครูปาวีอีกครั้ง..ก่อนที่จะนั่งลง
ปาวี นิ่งฟังอย่างสงบ ก่อนที่จะพยักหน้ายิ้มอย่างเข้าใจให้คุณพีระ และพูดว่า..
“พีระ เป็นนักเรียนที่ remarkable ซึ่งทำให้ครูภาคภูมิใจอยู่เสมอ..และไม่สามารถลืมเลือนได้จริงๆ..”
1
จากนั้น ปาวีจึงคัดเลือกนักเรียนในชั้น เพื่อร่วมเดินทางด้วยกัน จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายทองดี (ลูกน้องคนสนิทของคุณไกรสร) และชาวเขมรอีกสองคน
..
..
..
จบบทที่ 3 ตอนที่ 8
ร้อยเรียงเรื่องราว
(T.Mon)
..
..
#เกร็ดเพิ่มเติม
“ยายกะลา ตากะลี” เป็นชื่อของเจ้าที่เจ้าทางตามคติการนับถือผีบรรพบุรุษของกลุ่มชนชาวไทยดั้งเดิมก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาแพร่หลายในดินแดนแถบนี้
แต่เดิมเชื่อว่าเป็นผีผู้สร้างโลก โดยทั้งคู่ได้ปั้นมนุษย์ขึ้นเป็นคู่แรกต่อมาพอความเชื่อทางพุทธและพราหมณ์เข้ามาแทนที่ทั้งสองจึงกลายเป็น ผีผู้คุมเหล่าผีทั้งหลายในป่าช้าหรือที่ บางทีพวกหมอผีจะเรียกว่า นายป่าช้ายายกะลา ตากะลี จัดเป็นผีที่มีอิทธิพลสูงในทางไสยศาสตรก่อนที่หมอผีจะเข้าไปทำกิจอันใดในป่าช้าจะต้องบวงสรวงซะก่อนว่าจะยินยอมให้ทำกิจนั้นๆ ได้หรือไม่..
..
..

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา