26 ส.ค. 2020 เวลา 05:21 • ท่องเที่ยว
จุดประสงค์หลักในการมาปักกิ่งครั้งนี้คือการทำวีซ่าข้ามแดนไปคีร์กีซสถาน ถ้าบินไปเราสามารถทำวีซ่าon arrivalได้เลย แต่ถ้ามาทางบก ปักกิ่งเป็นจุดเดียวที่ขอวีซ่าได้หลังจากที่ยกเลิกกงศุลในอุรุมชี
ฉันเดินทางด้วยขบวนรถไฟT232 รถออกเวลา 17•38 ใช้เวลาเดินทาง12.30ชม. เพื่อให้มาถึงปักกิ่งตอนเช้าตรู่วันจันทร์ ถือว่าเป็นโชคดีของฉันที่ได้นอนเตียงล่างเป็นครั้งแรกแถมขบวนนี้กลิ่นบุหรี่ก็ไม่ฉุนจนเกินไปนัก
มาถึงที่พักแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วฉันก็รีบไปทำวีซ่าทันที เพราะจากที่พักไปสถานกงศุลเดินทางด้วยรถไฟฟ้ายังใช้เวลาชั่วโมงนึง แล้วกงศุลของประเทศพวกที่ลงท้ายด้วยสถาน รับทำวีซ่าแค่จันทร์ พุธ ศุกร์ 9-12.30 เท่านั้น สถานกงศุลเหมือนอยู่ในหมู่บ้านลับแลไม่มีป้ายใดๆชี้ทางให้ไปถึงทั้งสิ้นจนกว่าจะได้เข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไปถึงมีคนรออยู่แล้วหลายคน มีเจ้าหน้าที่รับคำร้องทำงานคนเดียว พอถึงคิวฉันเจ้าหน้าที่ถามว่าไปเอาแบบฟอร์มมาจากไหน ตอบว่าหามาจากในเว็ปที่เขาโพสบอกต่อยกันมา ปรากฏว่ากงศุลได้เปลี่ยนแบบฟอร์มใหม่แล้ว คุณมาทำใหม่วันพุธนะ ฉันเลยขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเขียนเว็ปไซด์ของเขาที่จะเข้าไปดาวน์โหลดได้
กลับมาถึงโฮสเทล หาเว็ปนั้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ให้เพื่อนที่กรุงเทพช่วยหาก็ไม่มี เลยขอให้น้องที่ดูแลโฮสเทลเปิดคอมช่วยกันดู ไหนๆก็คนจีนท่องเว็ปจีนเขาต้องหาได้สิ สุดท้ายจนปัญญาหาไม่เจอต้องเลือกเอาแบบฟอร์มหนึ่งมาใช้ เสี่ยงดวงกันไป วันพุธรีบบึ่งไปสถานกงศุลเป็นคนแรกคอยหน้าประตูก่อนเวลาเปิด ใจร้อนเพราะรู้ว่าถ้าเกิดมีคนคนคีร์กิซมาทำเรื่องเขาจะได้อภิสิทธิ์แซงเสมอ จึงต้องเผื่อเวลาไว้ พอได้เจอเจ้าหน้าที่คนเดิมปุ๊บเขาถามว่าเอาแบบฟอร์มมาจากไหน ต้องบอกไปว่าเว็ปที่คุณเขียนให้มามันไม่มี! มันคือเว็ปอะไรก็ไม่รู้ เขาเลยขออีเมล์ฉันเพื่อส่งแบบฟอร์มให้ แล้วบอกว่าคุณมาใหม่วันจันทร์นะ
แต่ แต่ แต่....ยังไงฉันก็จะต้องทำวีซ่าวันนี้ให้ได้ เลื่อนไม่ได้อีกแล้วเพราะวันเสาร์ต้องเดินทาง ถามเจ้าหน้าที่ว่าแถวนั้นมีอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ต์หรือร้านคอมไหม เขาก็ไม่รู้เหมือนกันและถามกลับมาว่าคุณพูดภาษาจีนได้ใช่ไหมล่ะ ลองถามคนอื่นดู แม่เจ้า....ฉันเดินมึนตึ้บออกมาจากหมู่บ้านลับแล ภาษาจีนรู้อยู่3คำ เชี่ยเชี่ย หนีห่าว เหมยโหย่ว สมองเริ่มหาทางออกจ้าละหวั่น ก่อนอื่นต้องมองหาคนที่พูดภาษาอังกฤษให้ได้ก่อน เดินมึนๆงงๆจะไปไหนดี เจอโรงแรมใหญ่อยู่หัวมุมถนน ฉันดิ่งไปที่รีเซพชั่นถามว่าที่ไหนมีอินเตอร์เน็ตคาเฟ่บ้าง(แม้จะรู้ว่ามันตกยุคไปแล้ว)พร้อมทั้งเล่าปัญหาให้เขาฟัง เจ้าหน้าที่สุดแสนจะน่ารักบอกว่า โรงแรมเรามีส่วนของbusiness centerมีคอมพิวเตอร์และพรินเตอร์ให้ลูกค้าใช้บริการ พร้อมทั้งให้น้องพนักงานคนนึงพาไปและช่วยจนฉันกรอกข้อมูล พรินท์ออกมา ต้องขอขอบคุณพนักงานและโรงแรมนั้นจากใจจริง
โล่งใจไปหนึ่งอย่างแต่ปัญหาใหญ่ยังมีอยู่เพราะตอนนั้นเกือบจะ11โมงแล้ว การจ่ายเงินค่าวีซ่าของที่นี่มี2แบบเท่านั้นคือจ่ายด้วย Ali pay หรือไปจ่ายเงินสดที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งนึง การไปธนาคารใช้เวลาเดินทางเร็วที่สุดโดยแท็กซี่เที่ยวละ45นาที ซึ่งไม่ทันและฉันก็ไม่มีAli pay พอรอคิวและได้เข้าพบเจ้าหน้าที่อีกครั้งฉันขอให้เขาช่วยโดยจ่ายเป็นAli payและฉันจะจ่ายเงินสดให้เขาแทน เขาบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันจึงเปิดประตูห้องออกมา คนที่รออยู่ข้างนอกก็ลุกฮือเตรียมจะแย่งกันเข้าไปในห้อง ฉันต้องยกสองมือห้ามไว้แล้วรีบประกาศไปว่า ฉันเป็นคนไทยนะคะพูดจีนไม่ได้และไม่มีอาลีเพย์ พอจะมีใครช่วยจ่ายแทนได้ไหมแล้วฉันจะคืนเงินสดให้ มีคนหนึ่งเข้าใจภาษาอังกฤษ เธอรีบยกมือตอบและเข้ามาช่วยจึงได้เป็นคิวต่อจากฉันไปโดยปริยาย (คนจีนคนอื่นเข้าใจภาษารัสเซียเพราะคีร์กิซคือส่วนหนึ่งของโซเวียตในอดีต)
ฉันต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าตัวเพื่อทำวีซ่าแบบเร่งด่วน ซึ่งอย่างเร็วคือได้วันศุกร์แต่เนื่องจากศุกร์นั้นเป็นวันนักขตฤกษ์ของคีร์กีซสถาน กงศุลปิด เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือโดยให้มารับวีซ่าในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันพฤหัสแทน นับว่าเป็นการขอวีซ่าที่มีปัญหามากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย เจ้าหน้าที่กำชับแถมท้ายว่า อยู่เที่ยวคีร์กิซสถานนานๆก็ได้นะครับ!!!
โฆษณา