26 ส.ค. 2020 เวลา 13:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
MovieTalk Special Series:
N - O - L - A - N Project 7:
BATMAN BEGINS
ไม่มีใครไม่รู้จัก 'แบทแมน' แต่ถ้าบอกว่านี่คือหนังต้นแบบที่สร้างแคแรกเตอร์จากคอมิกส์ให้มีความสมเหตุสมผล เพราะนี่คือวิธีคิดแบบ 'คริสโตเฟอร์ โนแลน' กับภาคแรกของอัศวินรัตติกาล ที่ในเวลาต่อมามันคือหลักไมล์ให้หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ต้องเดินตามจนทุกวันนี้
MovieTalk จะพาคุณไปสำรวจชุดความคิดของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ใน MovieTalk Special Series ชุด N – O - L – A- N - F ด้วยการอุ่นเครื่องไปกับ 10 หนังของเทพโนแลน
Batman Begins (2005)
Directed: Christopher Nolan/Screenplay: Christopher Nolan, David S. Goyer/Story: David S. Goyer/Based on Characters appearing in comic books published by DC Comics/Music: Hans Zimmer, James Newton Howard/Cinematography: Wally Pfister/Edited: Lee Smith/Distributed: Warner Bros. Pictures
Starring : Christian Bale, Michael Caine, Liam Neeson, Katie Holmes, Gary Oldman, Cillian Murphy, Tom Wilkinson, Rutger Hauer, Ken Watanabe, Morgan Freeman
Running time 140 minutes
บรูซ เวย์น ออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อชะล้างปมในใจเมื่อวัยเด็กที่เห็นพ่อกับแม่ถูกโจรร้ายยิงตาย บาดแผลในใจนำบรูซเข้าสู่วังวนของพันธมิตรแห่งเงา จากการชักนำของ รา'ซ อัล กูห์ล แต่แล้วเมื่อเขาพบว่า กอแธมป์ คือเป้าหมายทำลายล้างของพันธมิตรแห่งเงา บรูซจึงทำลายและกลับคืนสู่เมืองแห่งอาชญากรรม โดยสร้างสัญลักษณ์ที่กลายเป็นตำนานอัศวินรัตติกาล “แบทแมน”
และแล้ว คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ได้ก้าวเข้าสู่โลกของซูเปอร์ฮีโร่ แต่เมื่อมันอยู่ในมือของโนแลน การสร้างวิธีคิดภายใต้พื้นฐานโลกจริง โนแลนสามารถหาเหตุผลที่จะทำให้คนหนึ่งต้องสวมหน้ากากออกไปไล่ล่าคนร้าย แทนที่จะไปสมัครเป็นตำรวจได้อย่างน่าเชื่อถือ และทำให้เห็นว่า กว่าที่ บรูซ เวย์น จะกลายเป็น แบทแมน ได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการหลายต่อหลายอย่างมาก ๆ
โนแลนร่วมกับ เดวิด เอส. โกเยอร์ สำรวจลึกเข้าไปในจิตใจของ บรูซ เวย์น ที่พวกเราคุ้นเคยกับภาพเด็กชายที่เห็นพ่อแม่ถูกยิงตาย ซึ่งใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้ว และผลักให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งไปอยู่สุดขอบโลกเพื่อต้องเลือกว่าจะกลายเป็นมือสังหาร หรือจะเป็นสิ่งอื่นที่ต่างไปจากนั้น ในขณะเดียวกันหลายต่อหลายครั้งที่หนังสอดแทรกอุดมการณ์ทางความคิด จุดยืนของปัจเจกชน มุมมองในเรื่องของกฎหมาย ความยุติธรรรม อำนาจ และ อาชญากรรม ผ่านการตอบโต้ทางบทสนทนาจากหลาย ๆ แคแรกเตอร์ในหนัง
เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาผสมผสานกัน เราจึงได้ Batman Begins หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เต็มไปด้วยความสมจริง มีความดาร์กในแบบงานคอมิกส์ต้นฉบับ และมันกลายเป็นงานต้นแบบในการสร้างสรรค์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องอยู่บนพื้นฐานโลกจริง
และถ้าหากสังเกต ใน Batman ทั้งสามภาค โนแลนจะต้องมีช็อตที่ให้บรูซเวย์นยืนอยู่ตรงหน้าชุดแบทแมน เหมือนสะท้อนให้เห็น โลกสองด้าน ตัวตนสองด้าน สอดคล้องกับตอนท้ายที่แรเชลบอกกับบรูซว่า บรูซ เวย์น เป็นหน้ากาก แต่ตัวตนที่แท้จริงคือแบทแมน ในมุมหนึ่ง บรูซ เวย์น & แบทแมน จึงไม่ต่างจากตัวละครในวรรณกรรมอมตะ มิสเตอร์แจ็กเกิล & ไฮด์ ที่สะท้อนด้านดีและร้าย สว่างและมืดของคน
คริสเตียน เบล ถูกเลือกมารับบท บรูซ เวย์น แบทแมนคนถัดมา ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้คนดูผิดหวังสำหรับเบลในการเป็น บรูซ เวย์น หรือ แบทแมน
หนังยังสร้างแคแรกเตอร์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น คนรักของบรูซ แรเชล ดอว์ส ที่รับบทโดย แคธี่ โฮล์ม
มอร์แกน ฟรีแมน ในบท ลูเซียส ฟ็อกซ์ ที่เหมือนฝ่ายผลิตยุทธโธปกรณ์ของแบทแมน
ไมเคิล เคน สำหรับบทพ่อบ้านอัลเฟรด ผู้ดูแลและเคียงข้างบรูซ เวย์น
แกร์รี่ โอลด์แมน ในบท นายตำรวจจิม กอร์ดอน ถ้าจะหานักแสดงที่เวลาแสดงเป็นคนดี ก็ดีใจหาย เป็นไอ้ชั่วก็เลวจนเผาพริกเผาเกลือแช่ง หนึ่งในนั้นที่ไว้ใจได้เสมอก็ต้องเป็นโอลด์แมนนี่ละ
ซิลเลียน เมอร์ฟี่ย์ กับบท ดร.เครน หรือ สแคร์โรว์ หนึ่งในนักแสดงคู่บุญของโนแลนที่แทบจะต้องโผล่ในบทสำคัญทุกเรื่องเลย
เคน วาตะนาเบ มีช่วงเวลาสั้นในการเป็นร่างอวตารของ รา'ซ อัล กูห์ล
และสำคัญสุด แม้บทจะไม่มาก สำหรับ ป๋าเลียม นีสัน ในบท เฮนรี่ ดูคาร์ด หรือ รา'ซ อัล กูห์ลที่แท้จริง แม้จะปรากฎตัวไม่กี่ฉาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อป๋าเลียมออกมามันดูเต็มไปด้วยความขลัง ในมุมที่เป็น เฮนรี่ เปรียบเสมือนอาจารย์ที่สอนความแข็งแกร่งทางกายและใจให้แก่บรูซ เวย์น ตัวละครจึงแทบจะไม่ต่างจาก ไคว คอน จินน์ ปรามาจารย์เจไดผู้สอนสั่งอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งก็เป็นบทเดียวกับที่ป๋าเลียมเป็นคนแสดงเช่นกัน
ในมุมที่เป็น เฮนรี่ เปรียบเสมือนอาจารย์ที่สอนความแข็งแกร่งทางกายและใจให้แก่บรูซ เวย์น ตัวละครจึงแทบจะไม่ต่างจาก ไคว คอน จินน์ ปรามาจารย์เจไดผู้สอนสั่งอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งก็เป็นบทเดียวกับที่ป๋าเลียมเป็นคนแสดงเช่นกัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Batman Begins คือการนำวิธีคิดแบบสมจริงมาสู่เรื่องสมมติแบบคอมิกส์จนถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการทำหนังซูเปอร์ฮีโร่มาจนทุกวันนี้
‘ความแค้น’ ทำให้คนเราเปลี่ยนแปลง เราอาจเลือกเดินบทเส้นทางแก้แค้น ซึ่งทำให้เราไม่ต่างจากคนที่ทำให้เราแค้น หรือ เราจะใช้ความแค้นผลักดันให้เราทำสิ่งที่ดีกว่าเดิม นั่นคือทำให้เรายุติความแค้นด้วยวิธีที่เหมาะสม และพาเราไปสู่เส้นทางที่ดีกว่าเดิม
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Youtube
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Twitter, The Playlist, Dailymotion, Whatculture.com, FilmLoverss

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา