Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
INDIA THE GREAT
•
ติดตาม
30 ส.ค. 2020 เวลา 14:09 • ประวัติศาสตร์
พระพุทธเจ้า(Gautam Buddha)ตอนที่2
ในตอนนี้เราจะกล่าวถึงเส้นทางการตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะ
ครั้งเมื่อเจ้าชายอายุได้ 16 ปี ได้ทำการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงพิมพา ยโสธรา ลูกสาวพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งกรุงเทวทหะนคร
พิธีวิวาห์ของเจ้าชายสิทธัตถะและยโสธรา
ในช่วงเวลาต่อมา จากการทำนายของดาบส และพราหมณ์ต่างๆในตอนที่แล้ว พระเจ้าสุทโธทนะทรงเกรงว่า สิทธัตถะราชกุมารจะออกบวช จึงสั่งให้ สร้างปราสาทถวายสามฤดูคือสำหรับประทับในฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน แล้วให้บำรุงบำเรอด้วยความสุข ทางกามคุณทุกวิถีทาง
1
ในปราสาทนั้นเต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม รวมถึงสาวใช้รูปร่างดี ชำนาญในการฟ้อนรำ ตามแบบอินเดีย รอบๆ ปราสาทมีสวน มีสระ มีนก มีปลา และมีอะไรๆ ที่น่ารื่นรมย์เพื่อความเพลิดเพลินของเจ้าชาย แล้วในปราสาทนั้นมีแต่สตรีทั้งนั้น คอยเอาใจใส่รับใช้ใกล้ชิด ช่วยเหลือทุกสิ่งทุกประการไม่ให้เจ้าชายเดือดร้อน
เหตุที่พระเจ้าสุทโทนะผู้เป็นบิดาทำเช่นนั้น ก็เพื่อผูกมัดเจ้าชาย ไม่ให้คิดถึงเรื่องการบวช แล้วไม่ให้ออก ไปไหนนอกเสียจะได้รับอนุญาตจากพระราชบิดา เนื่องจากกลัวว่าจะไปคบหาสมาคมกับคนที่เป็นนักบวช ในสมัยนั้น จิตใจจะโน้มเอียงไปในทางเป็นฤาษีชีไพร ท่านไม่ต้องการ เพราะว่ามีลูกชายเพียงผู้เดียว อยากจะให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินต่อไป ถ้าออกบวชแล้วก็หมดหวัง
แต่ว่าความต้องการของพระเจ้าสุทโธทนะหาสำเร็จไม่ เพราะเจ้าชายแม้ไม่ได้ไปไหนก็จริง แต่ว่าชอบ ไปนั่งคนเดียวในป่า ในสวนหลังปราสาท นั่งคนเดียวก็นั่งคิดนั่งนึกอะไรต่างๆ เหม่อลอยไปในเวิ้งว้างของสถานที่ คือเป็นคนชอบคิดนั่นเอง ไปนั่งคิดนั่งนึกอะไรต่างๆ ดูนกดูสัตว์ในบริเวณนั้นว่ามันมีสภาพเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านั้น เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนจิตใจให้พระองค์เบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ในโลก คิดแต่ว่าจะแสวงหาธรรมะท่าเดียว แต่ก็ยังออกไปไหนไม่ได้
ต่อมาเจ้าชายก็ได้ขออนุญาตพระบิดา เพื่อออกไปชมบ้านชมเมืองบ้าง พระบิดาก็ได้สั่งให้ตกแต่งบ้านเมือง ให้สะอาดเรียบร้อย ไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่น่าดูเช่น คนแก่ คนเจ็บ คนไข้ คนรูปร่างไม่สมบูรณ์ อะไรนั้น เขาไม่ให้ออกมาเดิน บนถนน กลัวเจ้าชายจะเห็นเข้า กีดกันทุกอย่างไม่ให้พบสิ่งซึ่งทำให้เบื่อหน่าย ให้เห็นแต่สิ่งที่สบายตา ฟังเสียงสบายหู พบคนที่สบายใจ กีดกันอย่างนั้นเพื่อให้ได้อยู่วังครองเมือง แต่ถึงแม้จะพยายามเพียงใดก็ไม่สามารถซ่อนได้ทั้งหมด ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ
ว่าแล้วในการเสด็จชมเมืองวันแรก เจ้าชายได้เห็นคนแก่ร่างกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ถือไม้เท้า เดินกระง่องกระแง่งผ่านมา เจ้าชายก็หยุดรถแล้วก็ถามฉันนะว่า ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ฉันนะคนขับรถบอกว่า นี่แหละพระเจ้าค่ะ คนแก่ อายุมากๆ ไปมันก็ต้องแก่อย่างนี้
ท่านก็ถามต่อไปว่าพระบิดาของเราจะแก่อย่างนี้ไหม นายฉันนะก็ตอบอีกว่า ก็เป็นอย่างนี้ทุกคน ไม่มีใครหลีกพ้นความแก่ไปได้ ภาพที่เห็นทำให้สลดใจอย่างยิ่ง เห็นแล้วก็สงสารคนแก่
วันที่สองได้เดินทางออกไปชมเมืองอีก พบคนเจ็บร้องครวญครางอยู่ข้างถนน เจ้าชายได้ลงจากรถ เข้าไปใกล้แล้วถามว่าเป็นอะไร เขาคนนั้นบอกกับพระองค์ว่า ไม่สบาย เจ็บตรงนั้นเจ็บตรงนี้ พระองค์ก็สงสาร คนเหล่านั้นว่าทำอย่างไรจะช่วยคนเจ็บเหล่านี้ได้
วันที่สามออกไปเจอคนตาย กำลังหามไปป่าช้า ญาติเดินร้องไห้ครวญครางสยายผมตีอก เป็นภาพที่สะเทือนใจมาก ทำให้เจ้าชายคิดว่าชีวิตของคนเรามันก็เท่านี้ อยู่ไปสนุกไป ก็เท่านั้นเอง ตายแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร ไปแต่เสื้อผ้าหุ้มกายนิดหน่อย เอาไปเผา กลายเป็นขี้เถ้า แล้วเราจะมัวเพลิดเพลินอะไร กันหนักหนา แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร
ต่อมาวันที่สี่ก็เสด็จออกชมเมืองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พระองค์ไปเห็นนักบวชผู้มีอาการสงบเรียบร้อย หน้าตาเปล่งปลั่ง มีอารมณ์ดี เจ้าชายสิทธัตถะเห็นแล้วเลื่อมใส มีความรู้สึกอยากบวชขึ้นมาทันทีทันใด
1
แล้วหลังจากนั้นก็ไปพักอยู่ในสวน นั่งชมปลาชมนกอะไรไปตามเรื่อง
เมื่อเจ้าชายได้เสด็จออกชมพระนครครบทั้ง4วาระ ได้เห็นทั้ง คน แก่ เจ็บ ตาย และนักบวช(เรียกว่าเทวทูตทั้ง4) หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าชายตัดสินใจว่าจะออกบวชอย่างแน่นอน
เทวทูตทั้ง4
ในเวลาต่อมา พระนางพิมพ์พาประสูติพระโอรส อำมาตย์ก็ไปกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบว่า บัดนี้พระนางพิมพาได้ประสูติพระโอรสแล้ว พระองค์ก็อุทาน“ราหุลํ ชาตํ” (บ่วงเกิดแล้ว) แล้วราหุลที่พระองค์อุทานออกมากลายมาเป็นชื่อพระโอรสของพระองค์เองในภายหลัง
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานในคืนหนึ่งพระองค์ได้ตัดสินใจแน่วแน่เพื่อออกบวช เจ้าชายสิทธัตถะเข้าไปในห้องพระนางพิมพา ได้เห็นนางกอดลูกน้อยราหุลอยู่ นึกในใจว่า ควรบอกจะบอกดีไหมหรือว่าอุ้มลูกชายสักหน่อย แล้วจึงค่อยไปดี อีกใจหนึ่งเกรงว่า ขืนปลุกไปก็ไม่ได้ไปเด็ดขาด นางจะกอดแข้งกอดขาจะไม่ยอมให้ไป จึงไม่ปลุกแล้วไปยืนดูใกล้ๆ ดูด้วยความรัก
เจ้าชายระหว่างเข้ามาจากลาครั้งสุดท้าย
พระองค์ยังไม่ตรัสรู้ ย่อมมีอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดา หลังจากดูแล้วถอยหลังออกมาที่ประตู ออกจากห้องแล้วปิดประตูไป
ในที่สุดพระองค์ตัดสินใจทิ้งลูกน้อยที่เพิ่งประสูติ
นับว่าเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของมหาบุรุษนามว่าสิทธธัตถะ เพื่อการค้นพบหนทางการพ้นทุกข์ทั้งปวงให้กับสัตว์โลก และเป็นพระพุทธเจ้าในตอนต่อๆไป
1
ในตอนหน้าจะอธิบายถึง การต่อสู้ด้วยทั้งกายและ ใจของพระองค์เพื่อได้มาซึ่งการตรัสรู้
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดีครับ
อ้างอิง
https://medium.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2-68bc69d2a88
คัมภีร์พระไตรปิฎก
บันทึก
3
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ยุคพุทธกาลในอินเดีย
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย