4 ก.ย. 2020 เวลา 08:18 • ประวัติศาสตร์
🏛 มาทำความรู้จักกับ “กลิ่นของแวร์ซาย” กันครับ
Credit: Pixabay.com
จากแค่ที่พำนักสำหรับล่าสัตว์เล็กๆ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 สู่พระราชวังแวร์ซายสุดตระการตาโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ใช้เงินภาษีอากร 500 ล้านฟรังก์ คนงาน 30,000 คน แล้วเสร็จภายใน 30 ปี (ค.ศ. 1688)
นอกจากภายนอกที่แสนจะอลังการงานสร้างแล้ว ด้านในของมรดกโลกแห่งนี้ยังมีส่วนที่เป็นห้องต่างๆ 700 ห้อง รวมถึงภาพวาดกว่า 6,123 ชิ้น และงานแกะสลักอีก 15,034 ชิ้น
และสิ่งที่งดงามติดตาสุดๆ ก็คงจะเป็นภาพวาดอันวิจิตรบนผนัง และเพดานต่างๆ ที่ต้องมาเห็นให้เป็นบุญตาสักครั้งในชีวิต
สมัยก่อนแม้พระราชวังแห่งนี้จะหรูหราที่สุด แต่รู้หรือไม่? มันไม่มีสุขาจนผู้คนพากันพูดถึง “กลิ่นของแวร์ซาย” ซึ่งเป็นการจำกัดความของกลิ่นจากสถานที่แห่งนี้กันทีเดียว
ว่ากันว่า...พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีพระปรีชาสามารถในการรับรู้กลิ่นเทพมาก ถึงขนาดให้พวกขุนนางคิดค้นน้ำหอมกลิ่นใหม่ในทุกวัน
คนขายน้ำหอมและเครื่องสำอางค์ในสมัยนั้น / Credit: Toute l'Histoire​
จนถึงขนาดยอมถอนฟันทั้งหมดออก เพื่อกำจัดกลิ่นปากตามคำแนะนำของหมอฟัน (ในสมัยนั้น😨) ซึ่งแน่นอนทำให้ทรงเสวยอาหารลำบาก และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยตามมา
Credit: https://www.biography.com/.image/t_share/MTMyNzA0NjYzMDk4MTA4NTQ3/louis_xiv_of_france_promojpg.jpg
พระองค์มักทรงงานขณะประทับอยู่บนเก้าอี้บังคน (เก้าอี้ดัดแปลงที่สามารถขับถ่ายได้) และจากการนั่งนาน ๆ และเจริญอาหารมาก พระองค์จึงมีลำไส้ที่ยาวกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า
และแน่นอนว่าพฤติกรรมเสวยไป💩ไป แขกที่มาพบจึงมักรังเกียจ ทำให้ต้องใช้น้ำหอมดับกลิ่นกันตลบอบอวล เป็นที่มาว่าทำไมน้ำหอมฝั่งยุโรปจึงฉุนแรง แหลม และพุ่งกว่าน้ำอบน้ำปรุงฝั่งบ้านเราที่สภาพอากาศร้อนชื้นกว่า
โถบังคน (💩) สมัยนั้น / Credit: Toute l'Histoire​
Credit: https://partylike1660.com/17th-century-hygiene-or-the-many-smells-of-versailles/
นอกจากกลิ่น💩ของพระองค์และคนในวังแล้วนั้น...กลิ่นตัวก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เพราะมีความเชื่อกันว่าการอาบน้ำนั้นสกปรกและจำทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
ซึ่งตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ พระองค์เองก็อาบแค่เพียง 2 ครั้งในชีวิตวัยผู้ใหญ่ และอีก 2 ครั้งในวัยเด็กเท่านั้น 🤭 (จริงๆ แล้วกี่ครั้งกันแน่ก็คงไม่มีใครล่วงรู้)
และด้วยที่มีห้องอยู่มากถึง 700 ห้อง กับผู้คนกว่า 2 หมื่น แต่ไร้ซึ่งห้องน้ำ จึงมักพบโถเก้าอี้สำหรับ💩วางอยู่ตามจุดเช็คพ้อยท์ต่างๆ กว่า 200 โถ แต่แน่นอนว่ามันไม่พอหรอกครับ
ทำให้ Visitor ต้องพกโถมาเองราวกับต้องพกถุงผ้าไปช้อปปิ้งด้วย และพอเสร็จกิจก็จะถูกนำไปทิ้งตรงสวนดอกไม้ตรงลานด้านหน้าและด้านหลังของพระราชวังฯ
และผู้ที่ไม่มีโถเป็นของตนเองก็ต้องทำธุระกันเกลื่อนกลาด ปวดตรงไหนก็ปล่อยกันตรงนั้น ตามระเบียงบ้าง สุมทุมพุ่มดอกไม้บ้าง หรือตามห้องต่างๆ บ้าง จนกลิ่นพวยพุ่งโชยออกมาจนผู้คนเรียกกันว่า “กลิ่นของแวร์ซาย” นั่นเองครับ
สวนด้านหลังของพระราชวังแวร์ซาย
ท้ายที่สุดพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงมีพระราชโองการให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎ (ไม่💩เรี่ยราด) สถานที่และสวนดอกไม้จึงกลับสวยงามสะอาดตาดังเดิม
นอกจากนี้พระองค์ยังให้ปลูกส้มนับพันต้นในเขตพระราชวัง พอถึงงานเทศกาลก็จะเทน้ำส้มลงไปในสระน้ำให้มันหมุนเวียนและช่วยบรรเทากลิ่น รวมถึงชะล้าง💩ออกไปบ้าง
หากท่านที่เคยไปเยือนพระราชวังแวร์ซายมาแล้วนั้น... ท่านต้องเคยเดินอยู่บนกอง💩มากมายมหาศาลในอดีตแล้วอย่างแน่นอนครับ 😅
โมเดลจำลองพระราชวังแวร์ซาย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา