15 ก.ย. 2020 เวลา 00:29 • กีฬา
Dirty Leeds ทำไมใครๆ ก็ไม่รักลีดส์ ยูไนเต็ด
โดย Ploy Honisz
วัฒนธรรมอย่างหนึ่งของแฟนฟุตบอลต่างประเทศคือการร้องเพลงเชียร์ในสนามแข่งขัน จะร้องเพลงประจำสโมสร เพลงประจำตัวนักเตะ หรือร้องเพลงด่าฝั่งตรงข้ามก็ว่ากันไป แต่เรื่องที่น่าสนใจก็คือ จากการสำรวจแฟนบอลทั่วทั้งเกาะอังกฤษของ English Football Statistician พบว่าแทบทุกทีมมีเพลงร้องด่าลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนมากถึง 117 เพลง หากเราอยากรู้ว่าความเกลียดชังที่น่าทึ่งนี้มีที่มาอย่างไร คงต้องย้อนเวลากลับไปเมื่อราว 60 ปีที่แล้ว
วันที่ 1 มีนาคม 1961 ดอน เรวี่ รับตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีมให้ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนั้นดิ้นรนอย่างหนักในดิวิชัน 2 ไม่เท่านั้นสโมสรยังประสบปัญหาด้านการเงิน เป็นหนี้ และที่ตั้งสนามก็อยู่ในเขตของรักบี้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้คนละแวกนั้นเป็นแฟนรักบี้มากกว่าฟุตบอล เกมสุดท้ายในบ้านฤดูกาล 1960-61 มีแฟนบอลมาดูแค่ 7,000 คน ต่างจากนัดสุดท้ายของรักบี้ที่มีคนมาดูกว่า 50,000 คน
เรวี่เข้ามาปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ เขายืนยันให้ทีมพักโรงแรมที่มาตรฐานดีขึ้น ทำให้เอลแลนด์ โร้ด มีความเป็นครอบครัว เอาใจใส่กับชีวิตของทุกคนในทีม บางครั้งไปไกลถึงขั้นบอกนักเตะให้เลิกกับแฟน ถ้าเขามองว่าแฟนสาวไม่ช่วยให้ชีวิตลูกทีมดีขึ้น รวมทั้งละลายอีโก้ในทีม และทำให้ลูกทีมเห็นว่าเขาเชื่อมั่นในศักยภาพของนักฟุตบอล มีการวิเคราะห์คู่แข่ง นักฟุตบอลต้องรู้ว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองมีจุดเด่นและด้อยตรงไหน รวมถึงพัฒนาระบบเยาวชนของสโมสร เพราะรู้ดีว่าทีมไม่สามารถดึงผู้เล่นฝีเท้าดีมาร่วมทีมได้ แม้ว่าทีมจะไม่ประสบความสำเร็จมากนักในฤดูกาล 1961-62 แต่เรวี่ก็วางรากฐานไว้พร้อมแล้ว
1
ฤดูกาล 1963-64 เรวี่พาลีดส์เลื่อนชั้นสู่ดิวิชัน 1 ในฐานะแชมป์ของดิวิชัน 2 ต่อมาในปี 1968 ทีมได้แชมป์ลีกคัพ และอินเตอร์-ซิตี้แฟรส์คัพ ที่ต่อมาเปลี่ยนเป็นยูฟ่าคัพ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในบอลถ้วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลีดส์มุ่งความสนใจไปยังฟุตบอลลีก และพวกเขาก็ทำสำเร็จเมื่อเรวี่พายูงทองคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในฤดูกาล 1968-69
1
ลีดส์ในยุคนั้นสามารถเล่นฟุตบอลได้สวยงาม ขณะเดียวกันยังมีภาพลักษณ์เป็นทีมจอมตุกติก พวกเขาอาจจะเป็นทีมแรกในเกาะอังกฤษที่แฟนบอลตะโกน “โอเล่” เพราะนักบอลในสนามครองบอลหลอกล่อคู่แข่ง ผ่านบอลแต่ละครั้งจะมีเสียงโอเล่ตามมา แต่บ่อยครั้งที่นักบอลยูงทองเข้าบอลแรง ดุดัน และถูกมองว่าเล่นผิดกติกาจนพาตัวเองไปสู่ชัยชนะ ชุดแข่งสีขาวที่ ดอน เรวี่ ได้แรงบันดาลใจมาจากเรอัล มาดริด ไม่ได้ทำให้ทีมลดความดุดันลง ฉายา Dirty Leeds หรือ “ลีดส์จอมสกปรก” เข้าไปอยู่ในความคิดของแฟนบอลทุกทีม สโมสรพยายามที่จะลบภาพดังกล่าว ถึงขนาดให้นักฟุตบอลของทีมอย่าง บิลลี เบรมเนอร์ มอบกุหลาบให้แฟนบอลก่อนเริ่มเกมก็มี
1
เกมที่ได้ชื่อว่าเล่นกันสกปรกเกมหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ เกิดขึ้นในในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 1970 ระหว่างเชลซีกับลีดส์ ยูไนเต็ด สองทีมที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างกันสุดขั้ว สิงโตน้ำเงินครามนั้นดูสง่างาม สร้างสีสัน ขณะที่ยูงทองคือทีมจอมเสียบ เล่นแรง เตะหนัก เหตุการณ์ในเกมมีทั้ง นอร์แมน ฮันเตอร์ ตำนานของลีดส์แลกหมัดกับ เอียน ฮัตชินสัน ผู้เล่นเชลซี หรือ แจ็ค ชาร์ลตัน ตีเข่าและเอาหัวโขก ปีเตอร์ ออสกู๊ด ผู้เล่นสิงโตน้ำเงินคราม แต่สิ่งที่เหลือเชื่อกว่าคือ ทั้งเกมมีใบเหลืองแค่ใบเดียว ซึ่งในปี 1997 เดวิด เอลเลอเรย์ ผู้ตัดสินชื่อดังนำเกมนัดนั้นมาดู และบอกว่าในเกมควรมีใบแดง 6 ใบ และใบเหลือง 20 ใบ
นิตยสารฟุตบอลชื่อดังอย่าง Four Four Two เคยมีการจัดอันดับทีมที่เล่นสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ และลีดส์ ยูไนเต็ด ชุดปี 1973-74 เข้าป้ายเป็นอันดับ 1 ทั้งที่ฤดูกาลนั้นยูงทองคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 เป็นครั้งที่ 2 ของสโมสร พวกเขาแสดงให้ทุกคนเห็นว่า Super Leeds ที่เล่นฟุตบอลสวยงามนั้นเป็นอย่างไร แต่การเล่นสกปรกก็ยังเป็นเครื่องหมายการค้าของลีดส์ในปีสุดท้ายของยุค ดอน เรวี่ จน จอร์จ เบสต์ ตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงกับออกปากว่าเป็นฝันร้ายสุดๆ ในการเล่นกับทีมจากยอร์กเชียร์
นอกจากเกมในสนามที่ดุดันจนทีมคู่แข่งขยาด วีรกรรมของแฟนบอลยูงทองก็ไม่น้อยหน้า Leeds United Service Crew เป็นชื่อกลุ่มแฟนบอลเดนตายของลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อตั้งเป็นสมาคมในปี 1974 และตั้งชื่อตามรถไฟสาธารณะที่แฟนบอลมักจะใช้เดินทางเวลาไปชมการแข่งขันในเกมนอกบ้าน The Service Crew ได้ชื่อว่าเป็นแฟนบอลที่ก่อความรุนแรงมากที่สุดทีมหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
อย่างเช่นในเกมยูโรเปี้ยน คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 1975 ลีดส์พบกับบาเยิร์น มิวนิก ขณะทีมตามหลังอยู่ 2-0 ประตู และกรรมการตัดสินค้านสายตา แฟนบอลลีดส์ก็กระชากเก้าอี้นั่งชมบนอัฒจันทร์โยนลงไปในสนาม บางคนต่อสู้กับตำรวจ และบุกลงไปในสนามแข่งขัน ผลคือยูงทองถูกแบนจากการลงเล่นฟุตบอลยุโรป 2 ฤดูกาล หรือในปี 1985 ที่แฟนบอลกว่า 1,000 คนของลีดส์ก่อจลาจลในเกมกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 96 คน
ฉายา “ลีดส์จอมสกปรก” จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากเกมในสนามเท่านั้น แต่รวมถึงพฤติกรรมของแฟนบอลนอกสนามด้วย แฟนบอลทั่วเกาะอังกฤษไม่พอใจฮูลิแกนของยูงทอง เรื่องเล่าขานของลีดส์ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ความเกลียดชังส่งผ่านจากยุคสู่ยุค จนทุกวันนี้ทีมจากเอลแลนด์ โร้ดยังเป็นทีมที่ถูกเกลียดชังมากที่สุดบนเกาะอังกฤษ
แต่ขณะเดียวกันการบุกเบิกของ ดอน เรวี่ ในเรื่องการเป็นผู้เล่นพ่วงตำแหน่งผู้จัดการทีมคนแรก การปรับเพดานค่าเหนื่อยและยกระดับมาตรฐานชีวิตนักฟุตบอล การวางระบบเยาวชน การสร้างสายสัมพันธ์แบบครอบครัวที่สะท้อนออกมาในเพลงประจำทีมอย่าง Marching On Together กลายเป็นต้นแบบให้หลายทีมนำมาปรับใช้ ครั้งหนึ่ง ดอน เรวี่ บอกว่า “ถ้าผมบอก นอร์แมน ฮันเตอร์ ว่าแค่วิ่งชนกำแพงและมันจะเปิดทางให้ เขาก็จะทำมัน” แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ผู้เล่นมีต่อผู้จัดการทีมอย่างสุดใจ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 ก.ย. 63) ลีดส์ ยูไนเต็ด ลงสนามในลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ลิเวอร์พูล แต่ผู้ชมคงเห็นถึงความกล้า สายสัมพันธ์ของผู้เล่น กลุ่มนักเตะที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผู้จัดการทีมอย่าง มาร์เซโล บิเอลซา ดูไปก็คล้ายสิ่งที่ ดอน เรวี่ เคยสร้างไว้กับสโมสรในยุค 60-70 ผิดกันนิดเดียวตรงลีดส์ชุดนี้ตัดเรื่องของ Dirty ออกไป เปลี่ยนเป็น Quality เข้ามาแทน และพวกเขายังคง Marching On Together ไปด้วยกันบนเส้นทางที่เหลือของฤดูกาลนี้
#Leeds #ลีดส์ #PlayNowThailand #KhelNowThailand #ฟุตบอล #Soccer #Football
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand 🇹🇭

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา